วาฬบรูด้าเป็นวาฬขนาดใหญ่ จุดเด่นของมันคือการที่ครีบหลังมีลักษณะโค้งไปทางปลายหาง ครีบคู่หน้ามีปลายแหลม วาฬบรูด้าพบได้ในท้องทะเลเขตอบอุ่น ในประเทศไทยจะพบวาฬบรูด้าบ่อยที่สุดคือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
“อา หนูตัวเล็กจังเลยค่ะ”
“อะ อึก”
“น้องบลู”
เอวเล็กถูกมือหนาของชายหนุ่มบีบไว้แน่นคล้ายกับมันเขี้ยวกัน จับล็อกเอาไว้ไม่ให้ขยับหนีไปไหน ก่อนจะสวนท่อนกายขนาดใหญ่เข้ามาลึกจนทำให้คนตัวเล็กที่อยู่ด้านบนถึงกับตัวสั่นระริก
บลูปรือดวงตาหยาดเยิ้มขึ้นมองเพดาน เสียวจนตัวสั่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังร่อนสะโพกราวกับต้องการให้ชายหนุ่มคำรามเสียงดังในลำคอ
เขาชอบมากๆ เวลาที่เห็นใครคลั่งไคล้ร่างกายของเขาแบบนี้
“ซี๊ด น้องบลูคะ”
จริงๆ ชื่อของบลูต้องสะกดด้วยรอเรือ… ชื่อเขามาจากเจ้าสัตว์น้ำขนาดใหญ่คือวาฬบรูด้า แต่เพราะตอนเด็กชอบถูกคนถามว่า ‘ทำไมถึงเป็นบรู ไม่ใช่บลู’
จากนั้นบรูที่มาจากวาฬบรูด้า จึงกลายเป็นบลูที่หมายถึงสีน้ำเงิน
แต่ไม่ว่าจะเป็นบรูหรือบลู สุดท้ายแล้วมันก็คือตัวเขาอยู่ดี
“เอวหนูสวยจังเลย”
แผ่นอกขาวกระเพื่อมไหวตามการหอบหายใจ เนื้อตัวของบลูแดงไปหมด รวมถึงช่องทางด้านหลังที่ถูกเสียดสีเป็นเวลานาน เราเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ ไม่ใช่คนรักอะไรพวกนั้นหรอก
“พี่โอนเงินให้แล้วนะคะคนเก่ง”
เสียงทุ้มเอ่ยทั้งที่มือยังคงลูบเอวบางคอดของบลูไม่หยุด แต่เพราะเซ็กซ์เร่าร้อนที่เพิ่งจบไป บลูเลยหมดเรี่ยวแรง เป็นเพียงลูกแมวตัวอ่อนปวกเปียกให้พี่ผู้ชายลูบไล้ไปทั้งตัว เขาเห็นอีกฝ่ายเลียริมฝีปากเหมือนคนข่มอารมณ์บางอย่างเอาไว้ แต่มันก็ถูกแล้วล่ะ
…หมดเวลาแล้ว
“จุ๊บ ไว้พี่เรียกหนูมาหาอีกนะคะ”
“หนูต้องเช็กคิวก่อนนะสุดหล่อ”
“ทำยังไงดีล่ะ พี่อยากเอาหนูทุกวันเลย”
ริมฝีปากสีชมพูสวยขยับยิ้มพร้อมกับหัวเราะอย่างน่ารัก ท่าทางนั้นทำใครต่อใครคลั่งมาแล้วไม่รู้กี่คน พวกผู้ชายมันก็แพ้ของสวยๆ งามๆ ทั้งนั้น ยิ่งบวกจริตลูกแมวขี้อ้อนเข้าไปด้วย มีหมื่นเสียหมื่น มีแสนเสียแสน แล้วบลูเนี่ยถึงขั้นมีผู้ชายจะซื้อคอนโดให้ด้วยซ้ำ แต่เขาไม่ได้เป็นเด็กเสี่ยซะหน่อย ทำไมจะต้องให้คนซื้อนู่นซื้อนี่ให้
“ไว้หนูจะเช็กคิวให้นะคะ”
บลูหยัดกายขึ้นไปจูบปลายคางอีกคนเบาๆ ก่อนจะลุกออกจากเตียงเพื่อเดินไปยังห้องน้ำ มันก็ต้องล้างเอาคราบเลอะเทอะบนตัวออกสิ แม้ว่าจะหมดแรงจนตาแทบปิดก็ตามที แต่คนนี้ซื้อเขาแค่ถึงสองทุ่ม ไม่ได้ซื้อทั้งคืน ดังนั้นเราจะไม่กอดกันนอนหลับบนเตียงเด็ดขาด
รับจ้างเป็นอีหนู
นี่แหละงานของเขา
เศรษฐกิจมันแย่ ค่าครองชีพทุกอย่างก็แพงขึ้นเรื่อยๆ ทางเดียวที่จะได้เงินเร็วแถมฟินคือการขายอวี๋วววว~
เอางี้ เขามีคำถาม…
เป้าหมายในชีวิตของคุณคืออะไร?
ถูกหวยรางวัลที่ 1
บ้านหลังใหญ่
รถยุโรปแพงๆ
อืม ช่างมันเถอะ เป้าหมายในชีวิตของคนเรามันต่างกันอยู่แล้ว
แต่เป้าหมายของบลูน่ะ…
คือการได้แซ่บกับผู้ชายหล่อๆ ยังไงเล่า!
สยามยังคงเป็นสถานที่ยอดฮิตในการนัดพบปะเพื่อที่จะได้เม้าท์เรื่องชาวบ้าน ฮ่าๆ ล้อเล่น บลูก้าวเดินออกจากรถไฟฟ้าเมื่อเสียงประกาศบอกว่าขณะนี้ถึงสถานีสยามแล้ว มันเป็นช่วงเวลาเกือบเที่ยงของวันเสาร์ แน่นอนว่าแดดประเทศไทยกำลังจะเผาบลูให้ตาย เขายกมือขึ้นเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากเล็กน้อย
ไม่ชอบอากาศร้อนเลยสักนิด
ซึ่งในจังหวะนั้นเองผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งได้ยื่นมาตรงหน้า ดวงตาสีน้ำตาลกะพริบปริบๆ ก่อนจะเงยขึ้นสบตากับใครบางคนผู้เป็นเจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนสีเทา
“สวัสดีครับน้องบลู”
อืม ไม่คุ้นหน้าแฮะ ไม่น่าจะเคยเป็นลูกค้าเขาหรอกมั้ง
“พี่เห็นน้องบลูเช็ดเหงื่อครับ ผืนนี้พี่ไม่เคยใช้เลยนะ”
ก็คงจะเป็นใครสักคนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเขานี่แหละ ก็ไม่อยากจะอวย แต่ไอ้ตัวเขาเนี่ยก็ดังพอสมควรแบบที่ไม่คิดไปเอง บลูยิ้มจนดวงตาโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว เขาใช้มือดันผ้าเช็ดหน้ากลับไปให้ผู้หวังดี ก่อนจะเอียงใบหน้าน้อยๆ ซึ่งไอ้ท่าทางนั้นทำให้คนที่มองอยู่ใจสั่นไปชั่วขณะ
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่บลูขอบคุณพี่มากๆ เลยนะคะ”
ชายหนุ่มใจสั่นยามเห็นคนหน้าเหมือนแมวยิ้มให้กันก่อนจะเดินจากไปไกล น้องบลูเป็นผู้ชายที่สามารถแปะป้ายคำว่าสวยไว้กับเจ้าตัวได้เลย เพราะสวยจริงๆ บางมุมก็ดูน่ารักและซุกซนเหมือนลูกแมว เพราะแบบนั้นแหละถึงทำใครหลายคนใจสั่นมาแล้ว ต่อให้เป็นชายแท้ยังไงก็แพ้น้องบลู ส่วนตัวเขายอมรับว่าเสียมารยาทที่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้คนน้องไปแบบนั้น แต่ไอ้ท่าทางเช็ดเหงื่อพร้อมกับย่นจมูกน้อยๆ มันน่าเอ็นดูน้อยซะที่ไหน
บลูเดินเข้ามาในศูนย์การค้าใจกลางเมือง แอร์เย็นๆ ช่วยทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นและสดชื่นขึ้นมากจริงๆ โดยปกติวันหยุดแบบนี้เขาคงนอนกลิ้งไปกลิ้งมาที่คอนโด ไม่พาตัวเองออกมาเจออากาศร้อนแบบนี้หรอก แต่ก็อย่างว่าแหละนะ บางทีก็ต้องออกมาเม้าท์บ้าง
“ยัยคนสวยทางนี้จ้า”
เสียงคุ้นเคยเรียกให้บลูหันไปมอง เขารีบสาวเท้าเข้าไปหาคนที่ส่งแชตมาปลุกกันตั้งแต่เช้าตรู่
“พี่วุ้น”
“ว่าไงยัยตัวลูก”
พี่วุ้นเป็นพี่กะเทยตัวใหญ่ บลูรู้จักพี่วุ้นตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยตอนปี 1 สังคมแบบเราๆ ก็แทบจะรู้จักกันทั้งมหาวิทยาลัยนั่นแหละ
“เรียกหนูออกมาทำไมเนี่ย”