สารินรับกระเป๋าเธอไปเหมือนเดิม ก่อนเดินเคียงกันโดยมีระยะห่างที่ปลอดภัยและอันตรายในเวลาเดียว เขากวาดตามองโดยรอบ ป้อม รปภ. กล้องตัวที่ห้า มุมบอดที่ควรแจ้งช่างให้ปรับ สมองส่วนงานทำงานเป็นระบบ ขณะที่สมองส่วนหัวใจพยายามทำความเข้าใจกับเสียงเต้นที่ดังเกินเหตุ
ในลิฟต์ส่วนตัว เสียงเครื่องปรับอากาศเบาจนได้ยินเสียงหายใจทั้งสอง พรปวีณ์เงยหน้ามองตัวเลขดิจิทัลไล่ขึ้นทีละชั้น
“พี่แสนคะ”
“ครับ”
“ขอบคุณที่ทนฟังวีณ์พูดมาตลอดทางนะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่ซื่อตรง
“นอกจากพี่จี๊ดผู้จัดการแล้ว วีณ์ก็ไม่ค่อยสนิทกับใครในวงการหรอกค่ะ เพราะเคยสนิทด้วย...แต่สุดท้ายก็...”
“พี่ยินดีฟังเสมอ” เขาตอบ แววตาอ่อนโยนมากกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็น
“ถึงพี่จะคุยไม่เก่ง แต่พี่จำที่วีณ์พูดได้หมด...ทุกคำ”
ได้ยินอย่างนั้นหัวใจของเธอก็พองโตขึ้นมาอย่างง่ายดาย
“งั้นวีณ์จะพูดเยอะๆ พี่ต้องจำให้ได้หมดทุกคำอย่างที่บอกด้วยนะคะ”
“ก็อย่าให้มากเกินไป เดี๋ยวพี่ปวดหัว” เขาแกล้งบ่น และนั่นก็ทำให้เธอหัวเราะออกมาเสียงดังได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ออกจากคอนโด
“อ้อ พี่ลืมบอกวีณ์ไป”
“อะไรเหรอคะ”
“ตอนนี้เฮียเค้ามีคนมาอยู่ด้วยนะ”
“หืม? พี่วิชญ์มีสาวเหรอคะ ปกติไม่เคยพาใครมาอยู่ด้วยนี่นา หรือว่าคนนี้...จะเป็นตัวจริง”
“ครับ ตัวจริง แต่ไม่ใช่แฟนหรอก”
“อ้าว สรุปว่ายังไงกันแน่คะ วีณ์งงไปหมดแล้วนะ”
“จริงๆ เค้าเป็นเชลยของเฮียน่ะ”
“หือ?”
“เอาเป็นว่ารอเจอเด็กคนนั้นแล้ววีณ์ค่อยถามเฮียเองละกันว่าทำไมถึงพาเธอมาอยู่ด้วย”
“เด็ก? กี่ขวบคะ”
“ยี่สิบเอ็ดครับ”
“หูย...แบบนี้ไม่เรียกเด็กแล้วนะ วัยกำลังน่าฟัดเลย ว่าแต่...สวยรึเปล่าคะ”
“ก็...”
ติ้ง!
ประตูลิฟต์เปิดสู่โถงเพนต์เฮาส์ และเมื่อพวกเขาก้าวออกมาก็เจอกับบอดี้การ์ดที่ยืนรออยู่หน้าห้อง พวกเขาโค้งคำนับทั้งสารินและพรปวีณ์ ก่อนที่สารินจะกดรหัสผ่านแล้วเปิดประตูห้องเข้าไป
“ถ้าอยากรู้อะไรก็ให้ถามเฮียเองละกันนะ” เขาบอกเสียงเบาก่อนจะเดินนำเธอไป ทิ้งคำถามมากมายให้ดาราสาวต้องขบคิด
พงศ์วิชญ์นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก ดวงตาคมหันมาสบกับร่างระหงของน้องสาวที่เดินเข้ามา
“มาแล้วเหรอเรา”
“ค่ะพี่วิชญ์ คิดถึงจัง” เธอยิ้มกว้าง เดินเร็วไปกอดพี่ชายครู่หนึ่ง กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของทั้งสองพี่น้องเจือกันขณะที่สารินมองภาพนั้นด้วยสายตาอ่อนโยน
“แสน” พงศ์วิชญ์เอ่ยโดยไม่ละสายตาจากน้องสาว
“จากนี้ไปฉันให้สิทธิ์นายดูแลวีณ์เต็มที่ ถ้าใครกล้าทำให้เธอหวาดกลัวก็จัดการได้เลย”
“ครับเฮีย” เขาตอบหนักแน่น
พรปวีณ์หันมามองบอดี้การ์ดส่วนตัวก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“งั้นวันนี้เริ่มจากพี่แสนสอนคิวบู๊ให้วีณ์ก่อนเลยได้มั้ยคะ สัญญาแล้วนะว่าจะสอนให้ครบ”
สารินยกคิ้วน้อยๆ ก่อนตอบ
“เอ่อ...ครับ แต่ห้ามงอแงเหมือนครั้งที่แล้วนะ”
“ไม่งอแงค่ะ!” เธอว่าเสียงดังเกินจำเป็นนิดหนึ่ง ก่อนหัวเราะกับตัวเอง
พงศ์วิชญ์มองภาพตรงหน้า น้องสาวที่กลับมามีเสียงหัวเราะ กับมือขวาที่ทำหน้านิ่ง แต่ดวงตาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาละสายตาไปยังโต๊ะอาหารที่ยังมีโน้ตลายมือเรียบร้อยของผู้มาใหม่อีกคน ความคิดวิ่งเรียงเป็นเส้นยาวที่ไม่มีใครบอกได้ว่าเขาจะหยุดตรงไหน
“งั้นก็ไปเปลี่ยนชุดให้พร้อมขยับหน่อยไปเสร็จแล้วมาคุยกันเรื่องมาตรการคุ้มกันทั้งหมด” เขาสั่งน้องสาว
“รับทราบค่ะ พี่แสนช่วยยกกระเป๋าขึ้นไปบนห้องให้วีณ์ด้วยนะคะ มันหนักน่ะวีณ์ยกเองไม่ไหว” พรปวีณ์อ้อนพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนหวาน
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นไปให้เธอที่ห้องชั้นบนแล้วเดินกลับลงมาด้านล่าง
หญิงสาวหมุนตัวเดินจากไปอย่างเบิกบาน ทิ้งให้สารินยืนอยู่กลางโถงกับพงศ์วิชญ์ ครั้นเสียงประตูห้องของเธอปิดลง เจ้านายหันมามองมือขวาเพียงชั่ววูบสายตาที่เหมือนอ่านใจคนบางคนออก
“รู้ใช่มั้ยว่าพ่อฉันหวงลูกสาวคนนี้แค่ไหน” คำถามนั้นทำให้สารินนิ่งไปชั่วอึดใจ
“ผมทราบดีครับ”
“แต่พ่อไม่เคยมองใครที่ฐานะ ถ้านายจริงใจ นี่อาจเป็นโอกาสทำคะแนน”
“เฮียครับ...ผมไม่ได้...”
“ฉันรู้จักนายมาตั้งแต่เด็ก อย่ามาปฏิเสธให้ยาก”
“แต่...ผมไม่กล้าหรอกครับ”
“หึ งั้นก็ตามใจนะ แต่ถ้ายัยวีณ์สนใจคนอื่นไปซะก่อน ก็อย่ามางอแงทีหลังละกัน”
“เฮียพูดเหมือนผมเป็นเด็ก”
“ก็เพราะเห็นว่าไม่เด็กนี่แหละถึงต้องพูด ในโลกใบนี้...ถ้าจะมีใครสักคนที่ฉันอยากยกน้องสาวให้ ก็เห็นจะมีแต่นายเท่านั้นแหละ”
“เฮีย...”
“เราเป็นเพื่อนกันนะแสน ฉันรู้จักนายดีพอๆ กับที่รู้จักยัยวีณ์นั่นแหละ เลิกดูถูกตัวเองแล้วทำในสิ่งที่หัวใจของนายต้องการบ้างเถอะ ยัยวีณ์ก็สามสิบกว่าแล้ว ฉันไม่อยากเห็นน้องต้องขึ้นคาน” พงศ์วิชญ์บอกยิ้มๆ
“แต่...เธอเห็นผมเป็นแค่พี่ชาย อีกอย่างเธอมีคนรักอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ คือผม...เห็นจากข่าว”
“จะสนใจข่าวทำไม ในเมื่อเจ้าตัวเค้าอยู่ตรงนี้แล้ว ถ้ามีอะไรคาใจก็ถามน้องไปเลยสิ คนอย่างนายไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“คือผม...”
ยังไม่ทันที่เขาจะตอบออกไป เสียงเปิดประตูห้องนอนชั้นบนก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างระหงของพรปวีณ์ที่มาในชุดลำลองสบายตัว
“วีณ์พร้อมแล้วค่ะ มาคุยกันได้เลย”
“อืม” พงศ์วิชญ์พยักหน้ารับ ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดในสิ่งที่วางแผนไว้ระหว่างที่รอให้มือขวาไปรับน้องสาวมาที่นี่