11. ดูไว้เป็นตัวอย่าง

1516 Words
ชายหนุ่มยกยิ้มเมื่อเห็นท่าทางดุดันของสตรีตัวน้อย เพราะมันยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากเอาชนะนาง รวมถึงบุรุษมากหน้าหลายตาที่อยู่ในหอน้ำชานี้ ทุกคนจะได้รู้ว่าสตรีอย่างไรก็เป็นสตรี ไม่มีทางจะสร้างคุณค่าให้กับตนเองได้ โดยเฉพาะสตรีที่ทำงานเช่นนี้ “หึหึ แต่ข้าพึงใจเจ้า และยอมจ่ายไม่ว่าเท่าไหร่ก็ช่าง ข้ามีเงินมีอำนาจ ก็แค่สตรีชั้นต่ำ กล้ามาทำยึกยักเล่นตัวกับข้ากระนั้นหรือ ไม่เจียมตนเอาเสียเลย ในเมื่อไม่เอาเงิน เช่นนั้นก็มาครางใต้ร่างข้าฟรี ๆ ก็แล้วกัน” ชายหนุ่มไม่เอ่ยเปล่า ทว่าเขายังก้าวเหยียบแผ่นหินเดินตรงเข้ามาหาเล่ออิง หมายจะแบกนางพาออกไปจากหอน้ำชาแห่งนี้ เพราะไม่มีใครกล้าขัดขวางเขาแน่ ร่างเล็กลอยขึ้นทันทีเมื่ออีกฝ่ายก้าวมาถึงตัวนาง ทว่าคนที่ถูกแบกกลับไม่มีทีท่าตื่นตระหนกเลยสักนิด หรือแม้แต่บรรดาลูกน้องในหอ ต้าจงก็ยังยืนกอดอกมองราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้น สร้างความลำพองใจให้แก่ชายหนุ่มผู้กระทำยิ่งนัก แขกเหรื่อที่มาต่างก็ตื่นตระหนกไปตาม ๆ กัน ทว่ามันก็ยังมีบางกลุ่มที่ทำเพียงแค่นั่งดูเท่านั้น ราวกับว่าชินชาเสียแล้ว แต่คนบนระเบียงนี่สิ ยามนี้ไป่เสวียนเริ่มนั่งไม่ติดแล้ว เขาถึงกับลุกขึ้นมาจากตั่ง ตั้งท่าจะสั่งคนของตนให้ลงมาจัดการ ทว่า! พอชายหนุ่มรูปงามเดินพ้นสระบัวออกมาได้เพียงสองก้าว เขาก็ทรุดลงคุกเข่าเสียแล้ว สร้างความแตกตื่นให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก มีเพียงกลุ่มของคุณชายซูเท่านั้นที่หัวเราะร่วนออกมา เพราะรู้ดีว่าผู้ที่แบกเถ้าแก่เนี้ยโดนอะไร ไฉ่เล่ออิงขยับตัวออกจากบ่าอีกฝ่าย ยังดีที่เขาไม่พานางล้มเหมือนคนก่อน ๆ ถือว่าชายหนุ่มแข็งแรงใช้ได้ “แหม…คุณชายเรายังไม่ทันได้ขึ้นเตียงเลยนะเจ้าคะ ท่านก็หมดแรงลงแล้วหรือ ข้ารึอุตส่าห์ตั้งความหวังไว้เสียดิบดี” กล่าวหยันให้ได้ยินทั่วกัน “เจ้า…เจ้าทำอันใดข้า” มือที่ไร้แรงพยายามยกขึ้นชี้หน้า ทว่ามันกลับชูไม่ขึ้นเอาเสียเลย เขาทำได้เพียงแค่เปล่งเสียงออกมาต่อว่าสตรีตัวน้อยเท่านั้น รวมถึงสั่งให้คนจัดการนางด้วย “อะ..อะ…อย่าเชียว ถ้าพวกเจ้าลงมือ ข้าจะไม่ให้ยาถอนพิษแก่คุณชายเจ้านะ” ชี้หน้าขู่ชายฉกรรจ์นับสิบที่ตั้งท่ากรูกันเข้ามา ซึ่งคนของไฉ่เล่ออิงก็เตรียมพร้อมเช่นกัน ทำให้คนของหนุ่มรูปงามต้องหยุดชะงักลง มองดูผู้เป็นนายเพื่อรอคำสั่งใหม่ “เจ้าวางยาอะไรข้า” คำรามออกมาเสียงแหบพร่า เพราะร่างกายเขาไร้แรงยิ่งนัก เฉินจีหรงรู้ดีว่าตนถูกบางอย่างปักลงที่ต้นคอตอนที่แบกสตรีนางนี้ จากนั้นก็เข่าทรุดไร้แรงอย่างที่เห็น “พิษงูปล้องขาวเจ้าค่ะ ว่ากันว่าพิษชนิดนี้จะทำให้เป็นอัมพาตจนเดินไม่ได้ มันก็ไม่ถึงตายนะเจ้าคะ เพียงแค่รักษายากมาก ต้องกินยาถอนพิษทุกเดือนจนกว่าจะสิ้นอายุขัยนั่นแหละ แย่หน่อยก็ตรงที่ยังไม่มีหมอท่านใดนอกจากข้าที่ปรุงยาถอนได้ ฉะนั้นสิ่งที่ท่านควรทำคือพูดจาดี ๆ กับข้า ไม่แน่ข้าอาจจะมอบยาถอนให้ท่านทุกเดือนก็ได้” โน้มหน้างาม ๆ เอ่ยกับเขาเสียงดัง “นี่เจ้า…เจ้ากล้าหรือ รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นบุตรชายของผู้ใด ข้าจะทำให้กิจการเจ้าพังพินาศคอยดู” ยังมิวายวางอำนาจใส่ เพราะเฉินจีหรงถือตนว่าเป็นซื่อจื่อในจวนท่านโหวนั่นเอง “บุตรของใครข้าไม่สน ข้ารู้เพียงท่านหยามหมิ่นข้าและสตรีในปกครองของข้า เราขายเรือนร่างแล้วอย่างไร มันคืออาชีพที่มอบความสุขให้กับบุรุษมิใช่หรือ หากไม่มีพวกนาง บุรุษเสเพลเช่นท่านจะไปปลดปล่อยราคะความต้องการกันที่ใด หากมองว่าสถานที่เหล่านี้มันไม่ดี คนเช่นท่านก็ไม่ควรเข้ามาเหยียบตั้งแต่แรก เป็นบุรุษมีแรงกำลังมากกว่าสตรี แต่กลับหยามหมิ่นคนที่อ่อนด้อยกว่า เพียงเพราะความคิดต่ำที่อยู่ในหัวของตน ใครกันแน่ที่สมควรถูกประนาม” ประโยคเหล่านี้ช่างทิ่มแทงใจใครหลาย คน โดยเฉพาะผู้ที่นั่งอยู่บนระเบียง เพราะเขาและคนสนิทก็พึ่งกล่าววาจาถากถางและต่อว่าไฉ่เล่ออิงไป ฉางเฟิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ตั้งแต่รู้ว่าคุณชายรูปงามผู้นี้ถูกพิษแล้ว นึกไม่ถึงว่าคุณหนูสามจะกล้ายอมรับ ทั้งที่มันอาจเป็นความผิดร้ายแรงถึงขั้นถูกจับเข้าคุกได้ ทว่าเฉินจีหรงกลับไม่คิดจะสำนึก เขามองสตรีตรงหน้าด้วยความแค้น แม้ว่าร่างกายนี้จะอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ ก็เถอะ ไฉ่เล่ออิงยกยิ้มมองคนตรงหน้า ก่อนจะย่อตัวลงแล้วเอ่ยกับเขาเสียงแผ่วเบาให้ได้ยินกันสองคน “เลือกเอา จะตายวันนี้หรือรอตายทีหลังข้า ถ้าท่านยังคิดจะเอาคืน แน่นอนว่าหาคนถอนพิษให้ไม่ได้ในเร็ววันหรอกนะ แต่ถ้าท่านทำตัวดี ๆ ข้าก็จะถอนพิษให้ท่านทุกเดือน คุณชายเห็นเป็นอย่างไรเจ้าคะ” เผยยิ้มหวานส่งให้เขาจนน่าหมั่นไส้ เพราะภายใต้รอยยิ้มนี้มันไม่มีความจริงใจเลยสักนิด เชื่อว่าเฉินจีหรงก็คงรู้ ทว่าเขาจะทำอันใดได้กันล่ะ ในเมื่อสภาพตอนนี้มันบีบบังคับให้ตนต้องจำยอมไปเสียแล้ว รอให้เขาหาคนถอนพิษได้ก่อนเถิด สตรีตรงหน้าไม่มีทางรอดมือไปได้แน่ “ก็ได้ ข้าจะละเว้นเจ้าสักครั้ง” เอ่ยราวกับตนนั้นเป็นต่อ คนฟังจึงยิ้มจนตาหยีส่งให้ สร้างความหงุดหงิดให้ชายหนุ่มอีกหน “พี่ ๆ ประคองคุณชายไปที่ห้องพักทางด้านหลังที ข้าจะปรุงยารักษาให้” ขยับกายยืนตรง หันมาเอ่ยกับคนของเฉินจีหรง ทว่าดวงตาสวยยังไม่ลืมเหลือบมองขึ้นไปด้านบน ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย จากนั้นก็หันมาสั่งบางอย่างกับคนสนิท ต้าจงจึงเดินออกไปจากหอน้ำชา “เชิญทุกคนดื่มกินกันต่อนะเจ้าคะ วันนี้การแสดงจบลงแล้ว หวังว่าคุณชายคุณหนูทุกท่านคงไม่ตื่นตกใจจนไม่กล้ามาที่นี่อีก ข้าน้อยก็แค่ปกป้องเกียรติศักดิ์ศรีตามสมควรเท่านั้น หากไม่ถูกรังแกจนเกินไป ไฉ่เล่ออิงขอรับประกันว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอน อีกอย่างที่ทำไปก็เพื่อปกป้องตนเองและคนในปกครอง อีกฝ่ายดูมีอำนาจพอตัว ข้าน้อยจึงจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ ขอทุกคนโปรดเข้าใจ” เอ่ยจบนางก็โค้งคำนับอย่างอ่อนน้อม และไม่ได้ทำเพียงคนเดียว ทว่าคนงานในหอทุกคนก็ทำไม่ต่างกัน เสียงปรบมือชื่นชมจึงตามมา “เห็นหรือยัง คุณหนูสามมิได้ง่ายอย่างที่เจ้าว่า ผู้ที่มาที่นี่ประจำต่างก็รู้ดี สตรีด้วยกันยังยกย่องนางเลย คุณหนูสามมิได้ไร้ยางอายอย่างที่เจ้ากล่าวหาเลยสักนิด” จ้าวจีหยวนได้โอกาสก็รีบเอ่ยตำหนิสหาย โดยลืมไปว่าผู้เป็นนายต่างหากตัวต้นเรื่อง ฉางเฟิงได้แต่หลับตาค้อนสหาย ใจก็อยากจะตอบกลับนั่นแหละ ทว่าเขาดันหันไปเห็นสายตาของผู้เป็นนายเสียก่อน เลยต้องหุบปากที่กำลังจะเปล่งเสียงออกมา “จีหยวนเจ้าตามไปดู เผื่อเกิดเรื่องขึ้นอีก” เมื่อเห็นสตรีตัวน้อยหายออกไปจากสายตาก็นึกเป็นห่วง เพราะคนของเฉินจีหรงก็มีไม่น้อย หากคิดจับนางกลับไปด้วยก็คงไม่ใช่เรื่องยาก ผู้ใต้บังคับบัญชารีบรับคำแล้วลงไปทันที ฉางเฟิงมองตามแล้วก็คว่ำปากใส่สหาย “เหอะ! ออกรับแทนทุกครั้ง ดูท่าจีหยวนคงหลงเสน่ห์คุณหนูสามแล้วกระมัง” ไป่เสวียนเอียงหน้ามองคนของตนเล็กน้อย ทว่าเขาก็ไม่ได้เอ่ยอันใด เพราะมันคงจริงอย่างที่ฉางเฟิงกล่าว ในเมื่อไฉ่เล่ออิงงดงามถึงเพียงนี้ แม้แต่เขายังพึงใจในคราแรกที่เห็นเลย หากนางมิใช่บุตรสาวของสหาย เขาคงซื้อกินไปแล้วเช่นกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD