14. คนดื้อด้าน

1724 Words
ไป่เสวียนขบกรามจนแก้มนูนขึ้น เพราะต้องข่มอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นในยามนี้ เกิดมายังไม่เคยเจอใครกล้ายั่วยวนเขาซึ่งหน้ามาก่อนเลย ที่สำคัญคือคนตัวเล็กไม่ได้ทำแค่หนเดียวด้วย ทุกครั้งที่เจอหน้ากันเลยก็ว่าได้ ทว่าคราวนี้เขาไม่มีทางหลงกลอีกเด็ดขาด เพราะไป่เสวียนไม่มีทางกินใครซ้ำ “เลือกเอาระหว่างเปลี่ยนชุดกับอยู่แต่ในห้อง ถ้าเจ้าใส่อาภรณ์น้อยชิ้นออกไปอีก ข้าจะจับเจ้าเปลื้องผ้าต่อหน้าทุกคนให้มันจบ ๆ ไป” เขาไม่ได้ขู่ ทว่าหากนางไม่เชื่อฟังเขาทำแน่ “ท่านอาหวงข้าหรือเจ้าคะ ถึงไม่อยากให้ใส่อาภรณ์น้อยชิ้น คิดจะเก็บไว้ดูผู้เดียวล่ะสิ” ยังมิวายกล่าวเข้าข้างตนเอง ทำเอาคนฟังถึงกับอึ้ง เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรดี จะว่าไปมันก็จริงเช่นที่นางเอ่ย ทำไมเขาต้องใส่ใจด้วย ต่อให้นางแก้ผ้ามันก็ไม่เกี่ยวกับเขาสักนิด ไป่เสวียนมัวแต่คิดตามที่คนตัวเล็กกล่าว จนไม่รู้ว่าเข็มขัดตนถูกปลดออกไปแล้ว กระทั่งสัมผัสจากมืออุ่นลูบลงที่เอวสอบนั่นแหละ ต่อมานางก็เอื้อมมือมาปลดเชือกหน้ากากออก ก่อนจะรั้งคอเขาลงมาเพื่อแนบประกบปาก บดจูบอย่างเร้าร้อนตามด้วยลิ้นอุ่นสอดแทรกเข้ามาจนเขาไม่อาจต่อต้านความต้องการที่มีอยู่ภายในใจได้ ไป่เสวียนยอมรับว่าเขาโหยหาสัมผัสนี้ทุกคืนวัน ตั้งแต่ได้ลิ้มรสในครานั้น มันปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเขาติดใจ แค่สะกิดเพียงนิดเดียวสิ่งที่เคยกล่าวไว้ก็ลืมไปหมดสิ้น ยามนี้คนที่เคยบอกจะไม่กินสตรีใดซ้ำ กำลังรั้งชายกระโปรงนางขึ้น ทำตามปรารถนาส่วนลึกในใจ งัดเอามังกรที่ตื่นเต็มตัวจ่อลงยังกลีบบัวอวบอูม สอดใส่ความเป็นชายจนมิดในคราวเดียว ก่อนจะขยับสะโพกใส่อย่างมัวเมา โดยที่ประตูก็ไม่ได้ปิด ยังดีที่โต๊ะอยู่มุมห้องเลยไม่เป็นที่สังเกตเห็น อีกอย่างยามนี้ก็ไม่มีใครด้วย เวรยามก็เดินอยู่เฉพาะรอบกำแพงเรือนเท่านั้น เล่ออิงครางเสียวอยู่ใต้ร่างเขาอย่างเป็นสุข กอดรัดอีกฝ่ายแน่น ใบหน้าก็ยังคงนัวเนียกันอยู่ไม่ผละออก ทั้งที่ร่างกายก็ยังมีอาภรณ์ห่อหุ้มร่างกาย ยกเว้นด้านล่างเท่านั้น ถึงกระนั้นไป่เสวียนก็ยังจัดการคนตัวเล็กจนเสร็จสมไปถึงสามรอบ ก่อนจะปล่อยให้นางไปทำความสะอาดตนเอง และเขาก็ยังนั่งรออยู่ภายในห้องไม่ยอมไปไหน เล่ออิงเดินออกมาก็ได้แต่ย่นคิ้วเข้าหากัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาไม่ยอมไป “ท่านอายังไม่อิ่มหรือเจ้าคะ” มันเป็นคำถามพาซื่อ ทว่าคนตัวเล็กก็คิดเช่นนั้นจริง “เจ้าต้องการอะไรจากข้า ถึงได้ยั่วยวนทุกครั้งที่เจอหน้า” “ข้าก็แค่ชอบท่านอา เลยอยากได้เป็นสามี” ตอบตรงประเด็นจนคนฟังถึงกับอึ้ง นึกไม่ถึงว่านางจะกล้าพูด “ข้าไม่เคยคิดจะแต่งงาน เจ้าควรล้มเลิกความคิดเสีย เพราะมันไม่มีทางสมหวังแน่” บอกเสียงหนักแน่น และไม่ยอมหันมาหาคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ยามนี้เขาใส่หน้ากากแล้ว เล่ออิงเลยไม่เห็นแววตาของอีกฝ่ายว่าเป็นเช่นไร “ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่เจ้าคะ มีข้าเอาไว้อุ่นเตียงก็ได้ ท่านอยากปลดปล่อยเมื่อใดก็เรียก ไม่เห็นต้องคิดมากเลย” เอ่ยราวกับใจตนคิดเช่นนั้นจริง ๆ ทว่าบางสิ่งมันกำลังจุกอกขึ้นมาแล้ว “ไฉ่เล่ออิง เจ้าอย่ามามัวเสียเวลากับคนเช่นข้า เพราะเจ้าไม่มีทางสมหวัง” สิ้นคำร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับ ทิ้งให้สตรีในห้องยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน “ข้าควรถอยจริง ๆ ใช่หรือไม่” คำถามนี้ไม่อาจหาคำตอบได้ มันคงต้องใช้เวลาเพื่อชี้ช่องทางต่อไป ทว่าทุกอย่างดูเหมือนมันจะจบแล้วหลังจากวันนั้น เพราะไป่เสวียนไม่พำนักอยู่ที่นี่อีกแล้ว เขาจากไปโดยไม่บอกลาสักคำ นี่ก็สามเดือนแล้วที่ท่านอาฉีหายไป ทว่า! คนที่อยู่ก็ยังคงใช้ชีวิตปกติเช่นเคย บนความเหงาเปล่าเปลี่ยวที่แสนทรมาน ไม่น่าเลยไฉ่เล่ออิง เจ้าไม่ควรยึดติดกับความคิดในอดีต จนนำพาให้ใจดวงนี้บอบช้ำ คนผู้นั้นหาได้ใยดีความรักที่เจ้ามีต่อเขาไม่ ต่อให้ชาตินี้หรือชาติไหน เขาก็ไม่คิดจะชายตาแล ไยเจ้าจึงไม่จำ นางนอนอยู่บนเก้าอี้ที่มีพนักพิง มองท้องฟ้าเบื้องบนอันสดใส เพราะเริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว สายลมเย็นพัดเอื่อยมาไม่ต่างจากใจคนในยามนี้ ไฉ่เล่ออิงไม่อยากทำสิ่งใดเลย มันรู้สึกหดหู่ขึ้นมาดื้อ ๆ ทั้งที่ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย ทว่าความสงบมันก็ต้องจบลงเมื่อใครบางคนส่งเสียงรบกวนดังมาให้ได้ยินเสียก่อน “ไฉ่เล่ออิงครบกำหนดที่ข้าต้องกินยาแล้วนะ เจ้ากลับแอบมานอนอู้อยู่ที่นี่หรือ” คนที่ตำหนิเช่นนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฉินจีหรง เขาขยับม้านั่งตัวกลมมาวางข้างนางแล้วนั่งลงอย่างถือวิสาสะ ใบหน้างามเอียงมองเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ “อยู่ที่ห้องปรุงยา ไปหยิบเองเถอะ” บอกแล้วก็ขยับตัวนอนตะแคงหันหลังให้เขา อีกฝ่ายก็ได้แต่ขมวดคิ้วมึนงง เพราะปกตินางต้องให้เขาทำงานอะไรก่อนถึงจะมอบยาให้ “เจ้าเป็นอะไร มีเรื่องไม่สบายใจหรือ” เสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด มือนั้นก็ยกขึ้นมารั้งไหล่คนตัวเล็กให้หันมาด้วย ยามนี้เองที่ชายหนุ่มได้สังเกตเห็นแววตาเศร้าหม่นของนาง “สนทำไม มาเอายาไม่ใช่หรือ ไม่รีบกินเดี๋ยวก็เดินไม่ได้หรอก” ยังมิวายขู่ให้เขากลัว ซึ่งมันก็ได้ผล “ชิ! เดี๋ยวข้าจะกลับมา” คว่ำปากใส่แล้วก็เดินขึ้นเรือนตรงไปยังห้องปรุงยา ซึ่งเขาเคยมาหลายหนแล้ว เป็นจังหวะที่ต้าจงเดินเข้ามาพอดี จึงได้มองตามบุรุษที่ตัวเท่ากันขึ้นเรือน “ให้ไปหยิบเองจะดีหรือขอรับ ประเดี๋ยวก็เอาไปหมด” “ช่างเถอะ ถ้าเอาไปจริง ข้าก็ไม่ต้องรำคาญหูแล้ว” บ่นออกมาอย่างที่คิด เพราะเฉินจีหรงมาที่นี่ทุกวัน จนเหมือนจะเป็นบ้านตนเองอยู่แล้ว อยู่ที่หอน้ำชาก็เดินตามต้อย ๆ ทำตัวเป็นองครักษ์จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นาง “หึหึ เขาไม่อยู่จะเหงานะขอรับ” คนสนิทเย้า คนฟังก็ได้แต่ยิ้ม มันคงจะจริง ทุกวันนี้เฉินจีหรงเป็นทัังเพื่อนและศัตรู คอยดูเถอะ พอได้ยาเดี๋ยวเขาก็มาหาเรื่องนาง เล่ออิงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง มองไปยังผู้ที่ตนกำลังพูดถึง เขาเดินลงมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะตรงมาหาพร้อมกับยิ้มร่า “ขโมยยาข้าไปหมดหรือ ถึงได้ดี้ด๊าเพียงนี้” “เปล่าเสียหน่อย ข้ากินแค่เม็ดเดียว” รีบตอบ พร้อมกับตบเสื้อผ้าของตนให้ดู จีหรงเกรงคนตัวเล็กจะไม่เชื่อ เล่ออิงผูกคิ้วเป็นปมไม่ต่างจากต้าจง “เป็นไปได้หรือขอรับที่คุณชายจะไม่เอายาไปทั้งหมด” อดไม่ได้เขาก็เอ่ยถาม “ชิ! เห็นข้าเป็นโจรหรือ ข้าไม่เคยมีนิสัยเช่นนั้นเสียหน่อย” หลับตาคว่ำปากใส่คนที่เอ่ยดูถูกตน ใครจะบ้าเอามาหมดกันล่ะ ขืนทำเช่นนั้นก็ต้องกลับเมืองหลวงน่ะสิ “เจ้ามีแผนอะไร ข้าอุตส่าห์เปิดทางให้แล้วแท้ ๆ” เล่ออิงขยับตัวหันหน้ามาถามคนที่กำลังนั่งลง พร้อมกับเอื้อมมือมาหยิบขนมเข้าปากอย่างใจเย็น “เล่ามา” คนอยากรู้เร่ง “กลับเมืองหลวงข้าก็ต้องแต่งงาน ข้าไม่อยากแต่งงาน” “หา!” สองเสียงประสานกัน มองหน้าชายหนุ่มที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ในยามนี้ ก็ว่ามันแปลก ๆ ทำไมเฉินจีหรงถึงขลุกอยู่แต่ที่นี่ และยังยอมเป็นทาสรับใช้ไฉ่เล่ออิงอย่างว่าง่ายอีก “ทำไมล่ะ เจ้าสาวเจ้าไม่ดีหรือ” แววตาสวยเปล่งประกายความอยากรู้ มองหน้าอีกฝ่ายรอคำตอบจากเขา “ไม่รู้ ข้าไม่เคยเห็น คนเราจะแต่งงานก็ควรศึกษาดูใจกันสักนิดสิ มิใช่อยู่ดีดีก็จับแต่งเลย ใครมันจะไปทำลง” ชายหนุ่มตัดพ้อครอบครัวที่คิดคลุมถุงชนเขาโดยไม่ถามความสมัครใจเลย “เจ้าเป็นบุรุษ ทำไมถึงคิดมากเหมือนสตรี” “มันแปลกตรงไหน ข้าก็แค่อยากอยู่กับคนที่ข้าพึงใจ หรืออย่างน้อยเรียนรู้กันก่อนก็ยังดี มิใช่สตรีในหอนางโลมที่จ่ายเงินซื้อคืนเดียวก็จบ อย่างนั้นข้ายังพอทำใจได้ว่าตนหาความสุข ทว่า นี่ภรรยาข้านะ จะทำเช่นนั้นไม่ได้” บอกอย่างใจคิด ซึ่งมันต่างจากบุรุษทั่วไปเป็นอย่างมาก ทำเอานายบ่าวถึงกับอึ้ง นึกไม่ถึงว่าคนที่ใช้เงินซื้อความสุขอย่างเฉินจีหรงจะคิดได้ “เจ้า…เจ้าเป็นคนดีมากเลยสหายข้า” มือขาวยกขึ้นตบบ่าอีกฝ่าย คนตัวโตเลยได้แต่นิ่งงันตามคำพูดของนาง สหายงั้นหรือ คำ ๆ นี้มันช่างดีจริง “พอเลย ข้าไม่ซึ้ง” ปากปฎิเสธ ทว่าใบหน้านั้นเปื้อนยิ้มไปแล้ว จึงต้องหันมาหยิบขนมใส่ปากแก้เขิน #ลูกสาวเราทำไมหื่นจัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD