17. หนีปัญหา

1731 Words
ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาห้าวันแล้ว ไฉ่เล่ออิงไม่ได้ไปที่เรือนของไป่เสวียนอีก ที่สำคัญคือนางเก็บตัวเงียบไม่ออกมาดูกิจการเหมือนเคย สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนที่มาหอน้ำชาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะลู่จินจง บุตรชายของท่านกั๋วกงที่เดินทางมายังเมืองนี้อีกครั้ง หลังจากกลับไปรับโทษในเมืองหลวง ทว่ามันก็แค่สองเดือนเท่านั้น เขาก็พ้นโทษเป็นอิสระ เพราะอำนาจของบิดาที่ให้การช่วยเหลือ คนผู้นี้จึงได้ออกมาเตร็ดเตร่อีกครั้ง “นายหญิงเราเดินทางไปพักผ่อนที่ต่างเมืองเจ้าค่ะ คงอีกนานกว่าจะกลับมา” ผู้ดูแลตู้เอ่ยกับชายหนุ่ม ก่อนจะยิ้มแห้งส่งให้ เพราะคุณชายลู่ดูเหมือนไม่พอใจมาก “นางไปที่ใดเจ้ารู้หรือไม่” ถามเสียงห้วน คำตอบที่ได้ก็คือการส่ายหัว ทำให้ลู่จินจงจำต้องเดินออกไปอย่างหัวเสีย “เห้อ นี่ดีนะที่มีคนของนายท่านอยู่ ไม่งั้นคุณชายลู่คงอาละวาดจนหอเราพังพินาศเป็นแน่” “ไม่รู้เมื่อไหร่นายหญิงจะกลับมานะเจ้าคะ พี่ใจ๋ใจ๋กับพี่ต้าจงก็หายไปด้วย หอชุยอวี้ของเราเงียบเหงาเลย” สาวงามนางหนึ่งเอ่ยขึ้น ก่อนที่ทั้งสองจะทอดถอนใจขึ้นมาพร้อมกัน ใช่ ไฉ่เล่ออิงไม่ได้อยู่ในเมืองซูอันแล้ว นางเดินทางออกมาตั้งแต่คืนที่พบกับไป่เสวียนนั่นแหละ หญิงสาวอยากหลีกหนีจากจุดเกิดเหตุ เพื่อลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ในเมื่อทั้งสองหอมีเขาดูแลอยู่ การหายตัวไปของนางก็คงไม่สร้างปัญหาใด ๆ ให้ต้องกังวล เงินทองที่เอาติดตัวมาด้วย ไฉ่เล่ออิงเชื่อว่ามันจะทำให้ชีวิตของตนและผู้ติดตามดีขึ้นได้อย่างแน่นอน ใครมันจะโง่มาแต่ตัว “ที่นี่เหมาะแก่การเปิดโรงหมอจริง ๆ” ทั้งสี่ยืนมองห้องเช่าสองชั้นติดถนนใจกลางเมืองหลวงแล้วก็ยิ้มกริ่ม หากติดป้ายรักษาผู้ป่วยเอาไว้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะดึงดูดผู้คน เพราะวิชาแพทย์ของไฉ่เล่ออิงและสองพี่น้องไม่เป็นสองรองใคร ทั้งสามเรียนรู้ถึงขั้นเป็นอาจารย์ได้เลย “เห็นว่าด้านหลังเป็นสวนกว้างด้วยนะ มีเรือนพักพร้อมกับบึงน้ำด้วย” เสียงคุ้นหูดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง “จีหรงเจ้ามานานแล้วหรือ” เล่ออิงหันมาถามสหายตัวโต “อืม ข้าไม่มีอะไรทำ เลยมานั่งรอเจ้าที่หอน้ำชาฝั่งตรงข้าม รีบเข้าไปดูข้างในกันเถอะ ถ้าพอใจก็จ่ายเงินได้เลย” เอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นมาดันไหล่นาง ก่อนจะถูกใจ๋ใจ๋ดุเข้าให้ “น้องสาวข้าตั้งครรภ์อยู่ รู้จักระวังบ้าง หากเกิดล้มลงไปจะทำยังไง ถอย” ต่อว่าพร้อมกับดันร่างแกร่งจนเกือบเซ “เหอะ! ข้าก็รู้หรอกน่า เจ้านั่นแหละชอบโวยวาย” แก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ จนหนุ่มสาวด้านหลังได้แต่ขำเอ็นดู ต้าจงหันมาจูงมือคนรักที่ติดตามมาด้วยอย่างเต็มใจเดินเข้าด้านใน นางคือซูฮวาแม่ครัวแห่งหอชาฮวา คบหากับต้าจงมานานกว่าสามปีแล้ว และทั้งคู่ก็แต่งงานกันอย่างเรียบง่ายก่อนจะมาที่นี่ เพราะต่างก็กำพร้าด้วยกันทั้งคู่ จึงไม่มีพิธีรีตองนัก “น่าอยู่มาก ขอบใจนะจีหรงที่ช่วยเป็นธุระให้” หันมาเอ่ยกับร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างกัน สหายผู้นี้ช่วยได้มากจริง ๆ “ชิ! ข้าก็ทำเพื่อตัวเองหรอก ถ้าเกิดเจ้าเป็นอะไรไป ชีวิตข้าก็คงไม่ยืน” ลอยหน้าลอยตามองขึ้นท้องฟ้า จนคนทั้งสี่อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้ เฉินจีหรงต่างออกไปจากแต่ก่อนมาก ถึงแม้คำพูดจะยังเหมือนเดิมก็เถอะ ทว่าพออยู่ด้วยกันไปเรื่อย ๆ ก็รู้ว่าเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง เพียงแต่ถูกตามใจจนเสียคนเท่านั้น เลยชอบดูถูกคนอื่น ทว่าช่วงหลังมานี้เขากลับกลายเป็นคนมีน้ำใจมากขึ้น แต่ก็ยังปากร้ายอยู่ดี ชวนทะเลาะแทบทุกครั้ง เมื่อตกลงเช่าที่นี่เปิดโรงหมอ ใจ๋ใจ๋ก็เป็นผู้จัดการเรื่องทั้งหมด โดยมีเฉินจีหรงคอยช่วยเป็นธุระเรื่องใบอนุญาตเปิดโรงหมอให้ ไม่ถึงสิบวันกิจการใหม่ของพวกเขาก็เปิดทำการได้ โดยมีไฉ่เล่ออิงคอยแนะนำอยู่หลังบ้าน เพรานางท้องโตขึ้นทุกวัน เดินเหินไม่ค่อยสะดวกนัก ทว่าอันที่จริงนางก็ทำได้หมดแหละ เพราะมันไม่ได้ออกแรงอะไร มีแต่พวกพี่ ๆ เท่านั้นที่เป็นห่วงเกินเหตุ ขอให้นางรอเก็บเงินกับเขียนเทียบยาก็พอ ด้านไป่เสวียน ตั้งแต่วันนั้นเขาก็เดินทางออกจากเมืองเช่นกัน ทว่ามันคนละทิศทางกับไฉ่เล่ออิง ทำให้ต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ว่าอีกคนก็กำลังหนีปัญหาเช่นกัน เขาสั่งคนให้ปิดข่าวไม่ให้คนของนางสืบรู้ ซึ่งไฉ่เล่ออิงก็ทำไม่ต่างกัน สุดท้ายทั้งคู่จึงถูกปิดหูปิดตาไม่รู้ความเป็นไปของกันและกัน เนิ่นนานจนกระทั่งเด็กน้อยได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก สร้างความปลื้มปิติให้กับบรรดาลุงป้าเป็นอย่างมาก แต่ละวันไฉ่เล่ออิงแทบจะไม่ได้เลี้ยงเจ้าตัวน้อยเลย บางวันจีหรงก็ขโมยกลับจวนเอาไปฝากมารดาตนก็มี สองแม่ลูกเลยได้เข้าออกจวนสกุลเฉินเป็นว่าเล่น เพราะคนแก่นั้นหลงเจ้าตัวน้อยเอามาก ๆ เรียกว่าไป่เล่อกลายเป็นดาวเด่นของคนในจวนไปแล้ว เพราะรู้ความและขี้อ้อนมาก เล่ออิงนั่งมองบุตรชายตัวน้อยกำลังเล่นฟันดาบกับผู้เป็นลุงในสวน มีใจ๋ใจ๋นั่งอยู่ข้างกัน “สามปีแล้วนะ ไม่คิดจะแจ้งข่าวให้นายท่านรู้หรือว่าเขามีบุตร” จู่ ๆ พี่สาวนอกสายเลือดก็ถามขึ้น คนที่นั่งยิ้มอยู่จึงหุบริมฝีปากลงโดยธรรมชาติ “สามปีนี้เขาก็ไม่คิดจะตามหาข้าเช่นกัน” นางเอ่ยแผ่วเบา ซึ่งมันเป็นอย่างที่กล่าว ไป่เสวียนไม่เคยให้คนตามหาไฉ่เล่ออิงเลย เขาเข้าใจว่าหญิงสาวยังอยู่ที่เดิม เพราะรายงานที่ได้รับมันปกติ โดยหารู้ไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นแผนของผู้ดูแลคนใหม่ต่างหาก ในเมื่อเจ้าของตัวจริงไม่อยู่ พวกเขาก็มีโอกาสชุบมือเปิบได้ สภาพของหอนางโลมชุยอวี้ และหอชาฮวาจึงต่างออกไป บังคับค้าขายสตรีราวกับทาส ไม่มีค่าตอบแทนเช่นแต่ก่อน ตู้ชิงหลินผู้ดูแลคนเก่าก็ถูกทุบตีจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน ไม่รู้เป็นตายอยู่ที่ใดในยามนี้ ด้วยพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลกันถึงสิบวัน จึงเป็นเรื่องยากที่คนในเมืองหลวงจะทราบข่าว ตัวไป่เสวียนเองก็เดินทางไปเรื่อยไม่มีหลักแหล่ง ทำให้ยากต่อการรายงานข่าว “แล้วจะปล่อยให้ไป่เล่อไม่มีพ่อเช่นนี้หรือ” เป็นคำถามที่แทงใจยิ่งนัก เพราะไฉ่เล่ออิงเจอกับประโยคนี้แทบทุกวัน ยามที่บุตรชายตัวน้อยเห็นต้าจงอุ้มลูกน้อยไปไหนมาไหน ไป่เล่อมักจะถามว่าเหตุใดตนถึงเรียกต้าจงว่าพ่อไม่ได้ เพราะเห็นผู้เป็นลุงบอกน้องสาวตัวน้อยให้เรียกเช่นนั้น ทว่าตนกลับต้องเรียกว่าลุง แทนที่จะเป็นพ่อ “เขาไม่ได้ยินดีที่จะมีใคร หากรู้ว่าข้ามีบุตร เขาอาจ” นางไม่กล้าเอ่ยในสิ่งที่คิด ไฉ่เล่ออิงเกรงว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริง “นายท่านคงไม่ใจร้ายถึงเพียงนั้นหรอก ไม่แน่เขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ ดูสิไป่เล่อน่ารักจะตาย” เอ่ยแล้วก็ยิ้มเอ็นดูหลานชายตัวน้อยที่กำลังพยายามช่วยจับน้องสาวเดิน “ปล่อยให้โชคชะตานำพาเถิด หากพ่อลูกจะได้พบกัน จากไปนานแค่ไหนก็ต้องเจออยู่ดี” เอ่ยเหมือนปลงกับเรื่องราวแล้ว ทว่าในใจกลับยังคิดถึงเขาอยู่เสมอ “ท่านหมอ มีคนจากวังหลวงมาขอพบขอรับ” ผู้ดูแลเอ่ยขัดจังหวะทั้งคู่ ทำให้สตรีสองนางต้องหันมองหน้ากัน “คนจากในวัง” เล่ออิงทวนคำกับชายแก่ “ข้าได้ยินมาว่าที่นี่มีหมอที่เก่งวิชาแพทย์มาก จึงอยากมาเชิญให้ไปตรวจอาการคนป่วยหน่อย” เสียงเอื้อนเอ่ยหย่อนยานดังขึ้น ทำให้คนที่นั่งอยู่ต้องรีบลุกคำนับตามมารยาท “เอ่อ…ท่านคือ” ใจ๋ใจ๋เอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะอีกฝ่ายน่าจะเป็นขันทีในวัง ดูจากการแต่งตัวและแส้สีขาวที่อยู่ในมือ น่าจะมียศตำแหน่งสูงพอสมควร “ข้าคืออู่กงกง เป็นขันทีรับใช้ฝ่าบาท” อีกฝ่ายเอ่ยบอกชื่อเสียงเรียงนามของตน ก่อนจะผงะถอยหลังเมื่อมีมือเล็กมาดึงแส้ที่อยู่ในมือเขา จะสะบัดออกก็เกรงเด็กน้อยจะตกใจ “ไป่เล่อมานี่ อย่าดื้อ ทำความเคารพด้วย” เล่ออิงดุบุตรชายเบา ๆ พร้อมกับกวักมือให้มาหา ซึ่งเด็กน้อยก็ว่าง่ายนัก “ขออภัยเจ้าค่ะ” เล่ออิงรีบป้องบุตรชายไว้ทันที “ไม่เป็นไร เด็กไม่รู้ความ ทว่าคนไหนหรือท่านหมอไฉ่ คนป่วยอาการทรุดลงทุกวัน หมอหลวงก็หาสาเหตุไม่ได้ ได้โปรดท่านหมอช่วยไปดูให้ที” ขันทีเฒ่าวัยห้าสิบบอกอย่างร้อนใจ “ขอถามท่านขันที คนป่วยคือใครเจ้าคะ” เป็นใจ๋ใจ๋ที่เอ่ยถาม ซึ่งมันทำให้เล่ออิงเกิดกังวลขึ้นมา เพราะรู้แล้วมันอาจนำพาทั้งเงินทองและความตายมาสู่ครอบครัวตนได้เพียงชั่วข้ามคืน ในเมื่อขันทีประจำตัวฮ่องเต้มาเอง คนที่ป่วยคงไม่ธรรมดาแน่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD