บทที่4 อาการแปลกๆ

1824 Words
สองชั่วโมงกว่าอย่างที่อิงดาวคาดการณ์เดาเอาไว้จริงด้วย ร่างบางอ่อนปวกเปียกแทบหมดแรงไปกับรสนิยมเซ็กซ์อันดุเดือดของผู้ชายแรงอึด ทน รังแกร่างกายขาวเนียนจนตอนนี้มีร่องรอยแดงเถือกเต็มตัว ยังก่อน...เชาว์ไม่คิดจะให้เธอพักผ่อนโดยไม่มีอะไรเข้าลงไปถึงท้องหรอก มันเกินความขอบเขตจำกัดของเจ้าหนี้และลูกหนี้สาว “ข้าวต้มที่บอสสั่งได้แล้วครับ” “อืม เข้ามาวางไว้ที่โต๊ะ ส่วนฉันจัดการเอง คุณลุงเรเปลกลับบ้านใหญ่ไปเถอะครับ คืนนี้คงไม่มีอะไรแล้ว” และพรุ่งนี้เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ว่ามีแพลนจะพาอิงดาวออกไปเที่ยวภูเก็ต กลับตอนเช้าวันจันทร์ ตารางเรียน เขาเช็คมาหมดแล้วว่าอิงดาวมีเรียนหนังสือวันจันทร์ในช่วงบ่าย กลับยังไงก็ทันอยู่ดี “ครับ” เรเปลผู้รับใช้เจ้านายเจมส์ ซึ่งเป็นประมุขใหญ่ของบ้านจรูญเพทายคนปัจจุบัน หลังจากเสร็จงานศพคุณปู่เจต์ของหลานแฝดเชาว์กับชาวินเมื่อสองปีก่อนไปแล้วนั่นเอง เขาส่งมาให้คอยรับใช้นายน้อยเชาว์ ตั้งแต่รุ่นพ่อจนถึงรุ่นลูก รับมือไหวเพราะพ่อกับลูกช่างถอดแบบทั้งหน้าตาและนิสัย คำพูดคำจาเหมือนกัน สเป็กผู้หญิงที่ชอบคล้ายกันอีก ‘ถ้าผมไม่เจอผู้หญิงคนไหนนิสัยไม่ถึงเศษเสี้ยวของหม่ามี้น้ำค้าง ผมก็ขออยู่เป็นโสด ไม่แต่งงานเหมือนน้องชาวินหรอกครับแด๊ดดี้’ และนี่คือคำพูดจริงจัง มีความมุ่งมั่นจนพ่อแม่ขอยอมแพ้ ‘ถ้าหากลูกอยากเจอผู้หญิงคนนั้น ลูกต้องปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติผู้หญิงด้วยเช่นกัน อย่างหนูน้ำฟ้าก็เข้าตาแม่เหมือนกันนะ เชาว์ไม่สนใจหน่อยเหรอลูก’ คำสั่งสอนของหม่ามี้น้ำค้างคอยฝังลึกของลูกชายคนโตเสมอ ยกเว้นชาวิน น้องชายแฝดที่ตอนนี้พบเจอผู้หญิงคนนั้นแล้ว ซึ่งตอนนี้เรียนอยู่ต่างประเทศ เจ้าตัวคลั่งรักตามไปเป็นอาจารย์แพทย์หมอ เพียงเพราะอยากใกล้ชิดคนที่เขารัก ส่วนตัวเชาว์บ้างานหนักจนพ่อแม่แอบเป็นห่วง เรื่องความรักไม่เข้าใครออกใคร แต่ก่อนเขาเคยรู้จักกับน้ำฟ้า น้องสาวคนเล็กของแอรีส เพื่อนสนิทตน ซึ่งก็เป็นลูกของเพื่อนพ่อเจมส์อีกทางหนึ่ง พ่อเซซารากับแม่อ้อนรักพาลูกสาวคนเล็กมาเล่นกับเขาด้วยกันบ่อยๆ ด้วยความที่เชาว์กับน้ำฟ้าคิดแค่พี่น้อง แต่ไหงกลายเป็นว่าถูกฝ่ายผู้ใหญ่ทั้งสองจับหมายหมั้นจับจองไว้ตั้งแต่เด็กจนพวกเขาเอือมระอาและลำบากใจสุดๆ “แต่ว่าวันนี้คุณหนูเล็กชาวินกลับมานอนค้างคืนที่บ้านใหญ่ อีกอย่างคุณเนยหวานอยากให้คุณเชาว์กลับไปกินข้าวที่บ้านนะครับ” เรเปลเอ่ยขัดจนคนฟังนึกอยากกลอกตามองบน ระหว่างรออิงดาวแต่งตัวอยู่ด้านในห้อง “แน่ใจเหรอว่ากินข้าวแค่คนในครอบครัวอย่างเดียว แล้วน้องวินกลับมาตอนไหน ทำไมฉันไม่รู้” หรี่ตามองคนเปรียบเสมือนพี่เลี้ยงเด็ก เชาว์รักและเคารพเรเปลเหมือนญาติคนหนึ่ง “เมื่อกี้นายหญิงโทรมาบอกผมว่าครอบครัวของคุณเซตก็มาด้วยครับ...คุณน้ำฟ้าก็มาด้วย” ว่าจบเรเปลก็ก้มหน้าหลบตาต่ำมองดูพื้นห้อง กลัวถูกทายาทคนปัจจุบันตะบันหน้าถีบเหมือนเคยโดนรุ่นพ่อการกระทำแบบนี้ครั้งหนึ่ง “อืม บอกหม่ามี้ไปว่าฉันไม่กลับ” ปกติเชาว์เป็นคนจัดระเบียบตัวเองอย่างสูง แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออก ตั้งกฎวันเวลาให้คนในครอบครัวรับรู้ถ้วนกัน เนื่องจากการเป็นผู้นำสูง ความรับผิดชอบย่อมเยอะ เพราะงานในบริษัทยุ่งมาก จึงปลีกตัวออกมาได้ไม่ยากนัก คืนวันจันทร์ลากยาวถึงวันพฤหัสบดี เขากลับไปนอนค้างคืนบ้านใหญ่พร้อมพ่อแม่และน้องสาว ส่วนน้องชายแฝดจะไปตายที่ไหนก็เรื่องของมัน แต่คืนวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ เขาจะกลับมาหาความสุขส่วนตัวกับเด็กเลี้ยงแอบซุกซ่อนไว้ใต้คอนโดฯ สุดหรู ชนิดว่าพ่อแม่ห้ามรู้เด็ดขาด กำชับคนสนิทป๊าเจมส์ปิดแน่น “แต่ว่า...ขัดคำสั่งแบบนี้ คุณท่านจะไม่โกรธเอาล่ะครับ” ใครๆ ต่างก็พอรู้ว่าไม่เคยมีใครกล้าขัดใจเจมส์ จีรกิตต์ ประมุขใหญ่ ยกเว้นภรรยาสุดที่รักเพียงคนเดียว “ฉันว่าป๊าเจมส์คงมีเหตุผลมากกว่าหม่ามี้อีกนะ ใครมันจะไปสำคัญกว่าลูกในไส้ของตัวเอง แค่ครอบครัวเพื่อนสนิทมาล่ะ” “ครับ” เรเปลพยักหน้ารับช้าๆ ด้วยความรับใช้คุณหนูน้อยอย่างเชาว์ จรูญเพทาย ทายาทคนโตตั้งแต่เด็กจนโต ไม่มีใครกล้าขัดใจ ถูกเลี้ยงดูตามใจเคยตัว ขืนถามเซ้าซี้มาก เขายิ่งต่อต้านด้วยการไม่ไปเสียดีกว่าอะนะ สิ่งเดียวที่ดึงดูดความสนใจเชาว์ตอนนี้ได้ซึ่งก็คือน้องอิงอิง เด็กนักศึกษาสาวปีสอง อายุยี่สิบปีไม่ต่างกันกับน้องสาวคนสุดท้องของเขา “อ้อ” เพิ่งหันหลังให้ไม่นานกลับนึกขึ้นบางอย่างได้ “หรือว่าบอสจะเปลี่ยนใจจะกลับบ้านครับ” เรเปลเอ่ยถามทั้งที่ก่อนหน้านี้ยืนยัน นั่งยันและนอนยันว่าคืนนี้จะไม่กลับไปกินข้าวบ้านใหญ่ “ฝากบอกหม่ามี้ด้วยว่าให้จับตาดูมองไอ้เพื่อนเวรนั่น ห้ามให้มันอยู่ใกล้น้องสาวฉันเด็ดขาด” ถึงแอรีสจะเป็นเพื่อนสนิทของเขาเคยเล่นด้วยกัน และกลายเป็นคู่ค้าทางธุรกิจรับช่วงต่อจากบิดาก็ตาม ทว่าเรื่องการที่มันมาเป็นคู่หมั้นของน้องสาวเขา เชาว์ขัดความต้องการพ่อแม่ไม่ได้ แต่ก็หาใช่ว่าจะยอมรับมันเป็นว่าที่น้องเขยหรอกนะ อีกอย่างเนยหวานก็เกลียดคู่หมั้นคนนี้จะตายไป เรียกว่าต่างคนต่างไม่ยอมรับการคลุมถุงชนเสียมากกว่า “ครับบอส ผมจะโทรไปย้ำนายหญิงให้ครับ” “ไปได้แล้ว” คำบอกสั้นๆ ไล่เชิงตรงๆ จนเรเปลตกใจนิด ไม่คาดคิดว่านายน้อยเชาว์ผู้น่ารักสดใสตอนเด็กจะเติบโตกลายมาเป็นผู้ใหญ่สุขุม ลุ่มลึก บางครั้งแทบเดาใจไม่ออกว่าคิดอย่างไร “ถ้ามึงแตะตัวน้องกูแม้แต่เศษเล็บหรือเส้นผม ถ้ากูรู้ มึงไม่ตายดีแน่ไอ้แอรีส” เชาว์เข่นเคี้ยวฟันพูดไปถึงแอรีส ไอ้เพื่อนเวร ค่อนข้างสนิทสนมมากกว่าคู่แฝดชายหญิงอย่างกรนันท์และลดา ซึ่งเป็นลูกๆ ของลุงเสือกับป้าแพร เพราะพ่อมันฝากมาเล่นบ้านป๊าเขาบ่อยๆ เขามีน้องสาวคนเดียว ทั้งพ่อและพี่ชายคนโตย่อมหวงเนยหวานหรือนิรดาเป็นธรรมดา เพราะหน้าตาและนิสัยคล้ายคลึงกับแม่น้ำค้าง เหตุนี้แหละน้องสาวยังครองตัวเป็นโสดขึ้นคานอยู่ ‘แต่ก่อนน้ำฟ้า คู่หมั้นเขา มาวันนี้พูดถึงชื่อผู้หญิงอีกคนอีก ผู้หญิงในสต็อกของเขาจะมีเหลืออยู่กี่คนกัน แค่นี้ใจอิงก็เจ็บมากเกินทนแล้ว’ หารู้ไม่ว่าทุกประโยคของเจ้านายกับลูกน้องคนสนิทอยู่ในสายตาและเข้าสู่โสตประสาทเสียงตอกย้ำทิ่มแทงภายในหัวใจบอบช้ำ พยายามแสร้งทำตัวให้เข้มแข็ง ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นอะไร ถึงแม้อิงดาวจะอดไม่ได้อยากรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าของชีวิต เหนือกว่าเธอทุกอย่าง ‘ถ้าหากว่าเขาได้ลงเอย แต่งงานกับผู้หญิงเหมาะสมและคู่ควร คุณเชาว์คงจะเบื่อลูกสาวแม่บ้านอย่างอิง บางทีอาจจะเฉดหัวไล่อิงออกจากชีวิตแบบไม่ต้องขอร้องก็ได้’ คิดแบบนั้นมันยิ่งง่ายดายแล้วอะ ถ้าหากว่าร่างสูงอยู่ในชุดลำลองแต่แบดบอยกร้าวใจ ขยับตัวเข้ามาหาคนที่ตัวเองหลงใหลเข้าขั้นหนัก ชนิดว่าเขาเป่าลมร้อนๆ ใส่หลังหูเธอ “เหม่ออะไรอยู่คนเดียว?” มาตอนไหน มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง อิงดาวตกใจหมด “คุณเชาว์!” “ร้องดังไปทำไม มากินข้าวได้แล้ว” บอกด้วยเสียงเหนื่อยๆ ตลอดทั้งสัปดาห์ซีอีโอใหญ่บริษัทอย่างเชาว์ต้องทำงานแทบไม่หยุดพัก แม้จะมีเรเปล เป็นทั้งผู้ช่วยคนสนิทและเลขาจัดการแทนทุกอย่าง หาใช่ว่าจะโยนภาระงานให้ แล้วบอสใหญ่ทำตัวกร่าง เอาแต่สั่งๆ พวกลูกน้องเหมือนที่พ่อเขาเคยทำกับแม่ ตอนสมัยแม่ยังเป็นเลขา แต่เชาว์เป็นลูกย่อมไม่ซ้ำรอยเดิมคู่ป๊ากับหม่ามี้แน่นอน ตัวเขาค่อนข้างมั่นใจ... “ข้าวต้มกุ้งที่เธอชอบ เดี๋ยวฉันเทใส่ถ้วยให้” รอยยิ้มของเชาว์ส่งให้เธอเป็นครั้งแรก จนคนคิดวางแผนการอยากจะหลุดพ้นจากอิสระต้องหักห้ามหัวใจตัวเอง ว่าเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว “กินซะ จะได้มีแรง” ยื่นถ้วยข้าวต้มกุ้งให้อีกฝ่ายที่เอาแต่นั่งเงียบเมื่อห้านาที่แล้ว “ค่ะพี่เชาว์” อิงดาวเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะลงมือกินข้าวตักปาก ทว่าเพียงได้กลิ่นคลื่นเ**ยนชวนอาเจียนจากถ้วยข้าวต้มกุ้งถ้วยนี้กลับมีน้ำขมตีขึ้นออกมาจนเธอพะอืดพะอม “อ้วก!” “อิงอิง! เป็นอะไร?” แต่กลับถูกต่อต้านโดยอีกฝ่ายรุนแรงจนเชาว์หน้าชาดิก อิงดาวอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย มีแต่น้ำย่อย ไร้เศษอาหาร เชาว์มองดูอาการแปลกๆ ว่าเธอเป็นอะไรไปกันแน่ ตั้งแต่ล่าตัวเธอกลับมายังคอนโดฯ ของตัวเอง สังเกตว่ารู้สึกมันแปลกไป “ไปหาหมอมั้ย” เอ่ยถามน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย อิงดาวไม่อยากเจ็บมากกว่านี้เลยปฏิเสธเย็นชา ไร้เยื่อใยต่อเขาสุดๆ “อิงไม่เป็นอะไรมากค่ะ” แค่ล้างหน้าล้างตาให้พอสดชื่น หลับตาพักสักนิดก็อาจหายดีแล้วละ บอกว่าแบบนั้น ทว่าร่างกายฝืนทนต่อความเหนื่อยล้าต่อไปไม่ไหวแถมยังไม่ฟังคำสั่งของเธอ ล้มลงหมดสติต่อหน้าต่อตาเขา โชคดีที่มือใหญ่รับประคองร่างไว้ได้ทัน เชาว์หยิบมือถือโทรหาน้องชายแฝด รอสายได้ไม่นานก็ถูกทางนั้นกดรับสาย “มีอะไรครับพี่เชาว์” ปลายสายกำลังงัวเงีย เหมือนไม่ได้นอนจนลืมวันลืมคืน “มึงรีบมาหากูที่คอนโดฯ เดี๋ยวนี้” “น้องนะครับไม่ใช่เพื่อน เรียกกูมึงไม่น่ารักเลยนะครับ” “ถ้างั้นมึงยังไม่ต้องมา ไอ้น้องเวร!” “ครับ พี่ชายผมโหดจังเลยว่ะ” เสียงของชาวินละลักละล่ำบอก กลัวแฝดพี่ชายโกรธจริงจัง แล้วใครกันทำให้พี่เชาว์ร้อนรนแบบนี้ คิดแล้วก็สงสัย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD