เวลาผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมงพิจิกาและกัลยณัฏฐ์ก็ช่วยกันเก็บกวาดบริเวณหน้าบ้านและล้างจานชามเก็บเข้าที่ พิจิกาขอตัวไปช่วยงานที่โอบรักโฮมสเตย์ต่อส่วนเจ้าของบ้านนั้นยังต้องตรวจการบ้านต่ออีกสักพัก
“ไปก่อนเลยหนูดี พี่ตรวจการบ้านเสร็จแล้วจะตามไป”
“ค่ะพี่โอป แล้วพี่โอปให้หนูดีเอาข้าวกลางวันมาให้ไหมคะ” คนตัวเล็กถามอย่างห่วงใยเพราะช่วยกันทำงานจนเวลาเกือบจะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว
“ไม่เป็นไรจ้ะ หนูดีทานไปก่อนเลยและบอกพ่อกับแม่พี่ด้วยว่าไม่ต้องรอทานข้าวเที่ยงเดี๋ยวพี่หาอะไรรองท้องนิดหน่อยก็พอ”
“ค่ะพี่โอป” พิจิการับคำแล้วเดินตามทางเล็กๆ เพื่อไปยังโฮมสเตย์
กัลยณัฏฐ์ตรวจการบ้านได้เพียง 4 เล่ม ท้องก็เริ่มประท้วงเพราะเมื่อเช้าเธอทานข้าวต้มไปไม่ถึงครึ่งชาม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในห้องครัวที่เก็บไว้มานานจึงถูกนำออกมาเปิดฝารอเตรียมพร้อม ขณะที่หญิงสาวเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อนและกำลังเดินกลับมาตรวจการบ้านต่อ โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูก็เป็นข้อความจากน้าชายของพิจิกา
ปุณณวิชญ์ : คุณ
หญิงสาวมองหน้าจอโทรศัพท์รอว่าจะมีข้อความอะไรต่อมาอีกไหม ผ่านไป 5 นาทีทุกอย่างก็เงียบ ‘สงสัยส่งผิด’ เธอคิดในใจและเดินไปเทน้ำใส่ลงไปในถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ระหว่างรอให้ครบ 3 นาที่ตามคำแนะนำข้างกล่องก็นั่งดูรูปที่ถ่ายไว้เมื่อคืน แล้วก็มาสะดุดตากับรูปชายหนุ่มน้าชายของพิจิกาที่กำลังยืนปิ้งบาร์บีคิวอย่างตั้งใจ ‘ก็หล่อดีนะ หน้ายังเด็กอยู่เลย แต่คงอายุเยอะแล้ว’ เธอพูดกับตัวเอง เพราะคิดว่าเขาคงอายุห่างจากน้าเมษาไม่มาก ตอนนี้เมษาอายุ 40 ปี ชายหนุ่มก็น่าจะไม่ต่างจากนั้นมาก จากนั้นก็ดูรูปอื่นไปเรื่อยๆ แล้วก็มีข้อความปรากฏขึ้นมาที่มุมบนของหน้าจอ
‘ผมขอโทรหานะครับ’ คนถามไม่รอคำตอบเขาโทรหาเธอทันที
กัลยณัฏฐ์รีบกดรับทันที
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวกรอกเสียงไปตามสาย
“โอปอ ผมเอง”
“คะ?”
“ผมน้าของหนูดีไงครับ”
“อ๋อ ค่ะ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ”
“คือ..เออ....” ปุณณวิชญ์ไม่แน่ใจว่าเรื่องที่ตัวเองโทรศัพท์มาหาหญิงสาวนั้นด่วนหรือเปล่าจึงได้แต่อ้ำอึ้ง
“ว่าไงคะน้า ด่วนไหม” เธอเกือบหลุดเรียกเขาไปว่าลุงอย่างที่เคย แต่ก็ยั้งใจทัน เพราะเรื่องที่เรียกเขาว่าลุงนั้นเธอโดนมารดาตำหนิไปแล้วว่าไม่เหมาะสม
ชายหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อยที่ได้ยินเธอเรียกเขาว่าน้า แต่ก็ยังดีกว่าที่เธอเรียกเขาว่าลุงครั้งก่อน
“ผมอยากปรึกษาเรื่องของขวัญหน่อยครับ ผมยังนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไร”
“อ๋อ เรื่องแค่นี้เอง”
“มันไม่ใช่เรื่องแค่นี้นะครับ มันเรื่องใหญ่สำหรับผมเลย เพราะผมไม่ค่อยสนิทกับหนูดีเท่าไหร่ เลยไม่รู้จะซื้ออะไร ผมอยากให้ของขวัญถูกใจคนรับด้วย”
คนฟังรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เพราะถ้าวันนั้นเขาได้ลูกโลกจำลองใบนั้นไปคงไม่ต้องลำบากไปหาซื้อของขวัญชิ้นใหม่
“ตุ๊กตาดีไหมครับ” เขาเสนอเพราะคิดออกแค่นี้จริงๆ
“มีคนให้ตุ๊กตาแล้วค่ะ” หญิงสาวรีบบอกเขาไป “น้าษาให้นาฬิกาข้อมือ น้าณีให้โคมไฟอ่านหนังสือค่ะ”
“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจดังมาตามสาย
“คุณอยู่ที่ไหน ใกล้ร้านอะไรบ้างแล้วงบประมาณเท่าไหร่” เธอถามเขาไปเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจว่าจะแนะนำเขาอย่างไร เธอไม่รู้ฐานะของเขาจึงต้องถามออกไปตรง
“ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้าง...” เขาบอกชื่อห้างสรรพสินค้าใหญ่ริมถนนพระราม 2 ออกไป “ส่วนเรื่องงบประมาณเท่าไหร่ก็ได้ครับ เพราะผมเองไม่ได้ซื้อของขวัญให้หลานมาหลายปีแล้วครับ” ชายหนุ่มรีบบอก เพราเขาไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยนัก สวนใหญ่ก็แค่แวะมาคุยไม่นานแล้วก็กลับไปทำงานต่อ พึ่งจะมีปีนี้ที่เขาได้กลับมาอยู่บ้านหลายวันหน่อย
“งบไม่จำกัดจริงๆ นะคะ” เธอย้ำเพื่อความแน่ใจเพราะไม่เคยรู้จักชายหนุ่มเป็นการส่วนตัวอีกทั้งพิจิกาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องน้าชายให้เธอฟังว่าเขาทำงานอะไร
“จริงครับ โทรศัพท์ดีไหมตอนนี้ผมอยู่หน้าร้านโทรศัพท์พอดีเลย” เขานึกได้เมื่อเดินผ่านร้านโทรศัพท์
“ก็ดีนะคะ เพราะเครื่องที่หนูดีใช้ก็เก่าแล้ว น่าจะใช้มาหลายปี” กัลยณัฏฐ์เห็นด้วยกับเขา
“ขอดูไอโฟน X หน่อยครับ” เสียงคู่สนทนากำลังบอกพนักงานขายดังแว่วเข้ามา
“คุณ เดี๋ยวๆ อย่าพึ่ง” เธอรีบห้ามออกไปอย่างรวดเร็ว
“ทำไมล่ะ ผมว่าหนูดีน่าจะชอบ รุ่นใหม่ล่าสุดเลย ถ่ายภาพก็สวย ความจุก็เยอะ” ปุณณวิชญ์รีบบอกคุณสมบัติของสมาร์ทโฟนให้หญิงสาวฟังเพราะเขาเองก็พึ่งจะซื้อไปไม่นาน
“ฉันรู้ว่าหนูดีน่าจะชอบ แต่ฉันว่ามันแพงเกินไปสำหรับเด็กอายุขนาดนี้ค่ะ เพราะหนูดีต้องเอาไปใช้ที่โรงเรียนถ้าเกิดทำหายหรือทำร่วงเธอคงเสียใจแน่ๆ อีกอย่างนะคะหนูดีเป็นเด็กขี้เกรงใจค่ะ ถ้าของแพงขนาดนั้นเธออาจไม่สบายที่จะรับก็ได้นะคะ” ปลายสายเงียบ
เธอไม่รู้ว่าเขาโกรธเธอหรือเปล่าที่พูดออกไปแบบนั้น เขาอาจจะมีเงินเยอะและสามารถซื้อของราคาแพงให้หลานสาวได้โดยขนหน้าแข้งไม่ร่วง แต่เธอรู้ว่าพิจิกาเป็นเด็กที่ขี้เกรงใจเธออาจไม่รับของขวัญที่น้าชายซื้อให้หรือถ้าเธอรับก็คงต้องหาทางนำเงินมาคืนเป็นแน่
“ก็จริงของคุณนะ แล้วคุณว่ารุ่นไหนดีล่ะ”
“แล้วแต่เลยค่ะ ขอแค่ราคาไม่แพงมากและสามารถเชื่อมต่อกับนาฬิการุ่น....” เธอบอกรุ่นนาฬิกาที่เด็กสาวพึ่งได้รับเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อคืนไป
ปุณณวิชญ์ขับรถออมาจากห้างสรรพสินค้าพร้อมของขวัญกล่องใหญ่วางอยู่บนเบาะข้างที่นั่งคนขับ ที่ข้างในเป็นโทรศัพท์มือถือราคาไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาทที่พนักงานขายแนะนำว่ารุ่นนี้เด็กวันรุ่นส่วนใหญ่ชอบใช้กัน ราคาไม่สูงจนเกินไปและแต่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบทุกอย่างตามที่ต้องการ และพนักงานยังแนะนำให้เขาเลือกเคสโทรศัพท์ลายน่ารักๆ มาอัก 3 ชิ้นเพราะเด็กวัยรุ่นชอบเปลี่ยนเคสกันบ่อยๆ ตามความนิยมไปเรื่อยๆ ส่วนเบาะหลังเป็นขนมปังนมสดจากร้านดังที่เขาไปยืนต่อแถวเกือบชั่วโมงสำหรับพิจิกาและหญิงสาวที่ให้คำแนะนำเขาเรื่องของขวัญ