EP. 4
ปมแรก : จุดเริ่มต้นของฝันร้าย
เธอค่อยเล่าเรื่องราววัยเด็กออกมาช้า ๆ ดวงตาคู่สวยหม่นลงเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต ลดาเล่าว่า เปรม เป็นพี่ชายข้างบ้านมีศักดิ์เป็นญาติกัน เธอคุ้นเคยกับคนแถวนั้นเพราะไปอยู่ตั้งแต่เกิด เล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ
พี่เปรมอายุประมาณสิบหกปี ส่วนเธอก็อายุห้าขวบ วันนั้นเธอก็ไปเล่นที่บ้านพี่เปรมตามปกติแต่ว่าพวกผู้ใหญ่ไม่อยู่ไปธุระข้างนอกกันหมดเหลือแค่เธอกับพี่เปรม ก่อนที่เขาจะชวนเธอไปเล่นบนห้อง ด้วยวัยเพียงห้าขวบเธอเชื่อเขาอย่างไม่มีข้อกังขา
“ลดา ไปเล่นบนห้องพี่ไหม”
“ไปค่ะ พี่เปรม”
ชายวัยสิบหกอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมา พาไปยังห้องนอนของเขา ก่อนจะปิดประตูและล็อคเอาไว้
“รอพี่บนนี้นะ อย่าไปไหน”
เขาบอกเด็กหญิงตัวน้อยก่อนจะเดินหายไปในห้องน้ำ สักพักก็ออกมาด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว
“พี่เปรม ไม่ใส่เสื้อผ้าเหรอ”
“พี่ร้อนน่ะ ลดาร้อนไหม พี่อาบน้ำให้ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่ร้อน”
เธอตอบพร้อมหันไปสนใจของเล่นในมือ ไม่รู้เลยว่าภัยร้ายกำลังจะมาถึงตัวในคราบของพี่ชายผู้แสนดี
“งั้นมาเล่นอะไรสนุก ๆ ไหม”
“อะไรเหรอคะ”
“นี่ไง มันนุ่มมากเลยนะ ลองจับไหม”
เขาถอดผ้าขนหนูออกเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า แก่นกายหน้าตาหน้าเกลียดปรากฏต่อสายตาเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
เมื่อเห็นเด็กน้อยทำท่ากล้า ๆ กลัวๆ มือหนาก็จับมือเล็ก ๆ นั่นไปกุมเจ้าน้องชายเขาไว้ ก่อนจะจับมือเธอรูดขึ้นลงซ้ำ ๆ
“อ่าส์ แบบนั้นล่ะ เด็กดี”
เป็นเวลานานพอสมควรที่เขาให้เด็กน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่งสำเร็จความใคร่ให้แก่เขา ในตอนนั้นเธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย รู้เพียงแค่เขาให้ทำอะไรก็ทำตามไปโดยไม่ได้คิดมาก จนกระทั่งมีเสียงมาเคาะห้อง เขาเลยหยุดทุกอย่าง
ก๊อก ก๊อก ๆ
“พี่เปรม อยู่กับลดาหรือเปล่า?”
แป้ง น้องสาวแท้ ๆ ของเปรมมาเคาะห้องตามหาตัวเธอ เพราะยายเธอกลับมาแล้ว
เปรมสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะรีบใส่เสื้อผ้า พร้อมกับกำชับห้ามเธอพูดเรื่องนี้ออกไป
“ลดาห้ามบอกเรื่องนี้กับใครนะ ไม่งั้นเราจะไม่ได้เล่นด้วยกันอีก”
เธอทำหน้างงก่อนจะพยักหน้ารับ เปรมเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้น้องสาวเข้ามา
“พี่ทำอะไร ทำไมมาเปิดประตูช้าจัง”
“เปล่า ๆ เข้าห้องน้ำอยู่ แล้วมีไรถึงได้มาเคาะห้องพี่”
“ลดาล่ะ”
เขาเปิดประตูกว้างขึ้นเพื่อให้น้องสาวเข้ามา พอเธอเห็นลดาก็ตรงเข้ามากอดและหอมแก้มทันที
“ฟอด~ ตัวเล็ก ยายกลับมาแล้วนะ ไปหายายกัน”
เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก ก่อนจะหอมอีกฝ่ายคืน
“เย้ ๆ ยายจ๋า”
แป้งจูงมือลดาเดินออกไปจากห้อง เพื่อพาไปส่งกับยายของเธอ เปรมยืนมองอยู่ห่างๆก่อนจะปิดประตูแล้วไปจัดการตัวเองต่ออย่างอารมณ์เสียนิด ๆ
“มาขัดถูกจังหวะจริง ๆ แม่ง”
»»»»««««
“ตอนนั้นคุณอยู่ที่ไหน”
เมื่อเธอเล่าจบ ชาญวิทย์ก็เริ่มถามทันที
“ฉันอยู่ที่ต่างจังหวัดกับยายค่ะ แม่คลอดฉันแล้วส่งไปอยู่กับยาย”
“แสดงว่าคุณไม่ได้อยู่กับแม่ใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ ฉันเพิ่งมาอยู่ตอนโตแล้ว”
“มีคนรู้เรื่องนี้ไหม”
“มีแค่เพื่อนฉันไม่กี่คนค่ะ”
เขาวางปากกาลง เอนหลังพิงเก้าอี้ ก่อนตัดสินใจหยุดเพียงแค่นี้ก่อน
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่าครับ ผมไม่อยากให้คุณเครียดไปมากกว่านี้”
ไม่ใช่แค่นั้น ตัวเขาเองก็รู้สึกโกรธไอ้เวรนั่นด้วย เธอแค่ห้าขวบ! วัยนั้นมันควรเป็นวัยที่เธอสดใส ร่าเริง เธอเด็กมาก มากจนไม่ควรมาเจอเรื่องโหดร้ายแบบนี้ เธอผ่านมันมาได้ยังไงกัน ต้องเข้มแข็งขนาดไหนถึงใช้ชีวิตต่อได้.....
“คุณไม่ต้องคิดมากกับสิ่งที่ฉันเล่าก็ได้นะคะ มันก็แค่อดีต....”
ลดาพูดออกมาเมื่อสังเกตเห็นว่าเขาดูโมโหจนปิดไม่มิด ทว่าสิ่งที่เขาตอบกลับมาทำให้เธอแทบน้ำตาร่วง
“ผิดแล้วครับ จะตอนไหนมันก็คือแผลเป็น คุณอาจจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ถ้าปล่อยไว้นานเกินไปมันอาจร้ายแรงกว่าที่คุณคิด”
ลดาถึงกับเงียบไป เธอรู้ดีว่าต่อให้แสร้งเป็นไม่สนใจยังไง แต่มันก็ยังคงมีผลกับเธอจนถึงตอนนี้ไม่มากก็น้อย
“อย่าปล่อยมันไปเพียงเพราะคิดว่ามันไม่เป็นอะไรสิครับ คุณแค่ไม่รู้ว่าตัวเองบาดเจ็บ แค่นั้นเอง”
เธอก้มหน้างุดดูมือคู่สวยที่จับกันไว้แน่นจนเกิดรอยแดง ซ่อนใบหน้าจากคุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่เพราะกลัวตัวเองจะร้องไห้ออกมา
“บางที ถ้าได้ระบายมันอาจจะดีกับคุณนะครับ”
“ขะ ขอบคุณนะคะ คุณหมอ”
“เอาเถอะครับ เรายังต้องเจอกันอีกยาว วันนี้คุณทำได้ดีมาก ผมจะพาคุณไปเลี้ยงข้าวแล้วกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ค่อยหิว...”
จ๊อกกก~
ลดาหน้าแดงซ่าน เพิ่งจะบอกว่าไม่หิวแต่ท้องเจ้ากรรมดันร้องขึ้นมาซะงั้น
“งั้นผมขอเลี้ยงข้าวพยาธิในท้องคุณแล้วกัน คงหิวน่าดู”
เขากลับมาเป็นคนกวนประสาทเหมือนเดิมอีกแล้ว ปากคอเราะร้ายจริง ๆ
ทั้งคู่ไปทานอาหารที่ร้านใกล้กับโรงพยาบาล พอไม่ได้อยู่ในหน้าที่ เธอก็ได้เห็นเขาในอีกมุมหนึ่งเป็นมุมที่กวนประสาทอย่างมาก เช่นตอนนี้....
“คุณกินแต่ของไม่มีประโยชน์นะ มิน่าละ ถึงได้ผอมเป็นไม้เสียบผีแบบนี้”
เขาบ่นเมื่อเห็นเธอสั่งไก่ทอดมากิน แทนที่จะสั่งอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่านี้ บอกเลยว่าสกิลปากเขาไม่แพ้ใครแน่นอน
ลดาข่มใจไม่ให้ด่าเขากลับก่อนจะสวนคืนแบบนิ่ม ๆ
“ฉันไม่ใช่ควายนี่คะ ที่จะกินแต่ผักแต่หญ้าเหมือนคุณ”
เธอเองก็ใช่ย่อยซะที่ไหน เพราะอีกฝ่ายสั่งสลัดผักมากินเธอเลยเปรียบเทียบเขากับควายซะเลย
“นี่คุณด่าผมเหรอ”
“อ้าว แล้วคุณเป็นควายเหรอคะ ถึงได้ร้อนตัวน่ะ”
“คุณนี่มัน!”
“คุณหมอว่าฉันก่อนนะ ถือว่าหายกัน”
หมดคำจะเถียงกับคนตรงหน้า ชาญวิทย์ก้มหน้าก้มตากินอาหารของตัวเองไปเงียบ ๆ ผู้หญิงอะไรเถียงคำไม่ตกฟากปากจัดซะไม่มีแต่ก็ดีกว่าเห็นเธอนั่งจมทุกข์ล่ะนะ เห็นเธอเถียงเขาได้ฉอด ๆ แบบนี้ก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย
“จะไปไหนต่อหรือเปล่า”
ชาญวิทย์ถามขึ้นหลังทานกันไปได้สักพัก
“ไม่ค่ะ ว่าจะกลับเลย เซชิลน่าจะหิวแล้ว”
“เซชิล?”
“ชื่อแมวค่ะ ที่เก็บมาเลี้ยงไง”
“งั้นเหรอครับ นัดครั้งหน้า ผมอาจจะขอนัดนอกสถานที่นะครับเพื่อที่จะได้ไม่ตึงเครียดจนเกินไป”
อยู่ ๆ ก็กลับเข้าโหมดทางการ เล่นเอาเธอตามไม่ทันเลย
“ได้ค่ะ”
“ขอไลน์”
“คะ?”
“ไลน์คุณน่ะ ไว้นัดคุยกันน่าจะง่ายกว่า”
“อ้อ ได้ค่ะ”
ลดาให้ไลน์ตัวเองไปแบบงง ๆ จริง ๆ เขามีเบอร์เธอนะจะอยากได้ไลน์ไปอีกทำไม แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร อีกฝ่ายก็ลุกขึ้นเตรียมตัวกลับไปทำงานต่อ
“ผมต้องขอตัวก่อน ไว้เจอกันครับ”
“ค่ะ”
“แล้วก็ อย่าลืมทานยาที่ผมสั่งจ่ายให้ก่อนนอนด้วยนะครับ”
ก่อนออกไปก็ไม่ลืมหันมากำชับให้เธอทานยาด้วย อุตส่าห์ตั้งใจจะตีเนียนลืมกินซะหน่อย
“ผมรู้อาการคุณได้จากการทานยานะครับ ถ้าคุณแอบทิ้งหรือแกล้งไม่กิน ผมจะไปป้อนคุณเอง”
เขาพูดเหมือนมานั่งอยู่ในหัวเธอแถมขู่ด้วยทีเล่นทีจริง เล่นเอาเธอทำตัวไม่ถูกเลย ดักกันขนาดนี้คงมีแต่ต้องทำตามเท่านั้น
“ได้ค่าาา”
เธอจงใจลากเสียงยาวเพื่อกวนประสาทเขา แต่อีกฝ่ายแค่ส่งรอยยิ้มกระตุกใจมาให้
“หวังว่าครั้งหน้า คุณจะไม่โทรมเป็นผีมาเจอกันนะ”
“ไอ้หมอปากเสีย”
เธอได้แต่ด่าตามหลังเขาไปเพราะอีกฝ่ายออกไปจากร้านอาหารแล้ว ยังไงเขาก็ยังเป็นคนที่กวนประสาทเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย แต่แปลกใจที่เธอสามารถคุยกับเขาได้อย่างสนิทใจ ลดายอมรับว่าเขาเป็นหมอที่เก่งทีเดียว แค่พูดคุยกันไม่กี่ครั้งก็ทำลายเการะที่เธอสร้างมาหลายปีได้แล้ว
รอยยิ้มที่หายากปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว การกระทำทุกอิริยาบถของเธออยู่ในสายตาคน ๆ หนึ่งตลอดเวลาตั้งแต่ที่เข้ามาในร้าน
รามที่อีกฟากของร้านอาหารเขาเห็นทุกอย่าง มือหนากำหมัดข่มอารมณ์ไว้แน่น เขาบังเอิญมาทานอาหารที่นี่พอดี ตอนที่เขาเห็นลดาและกำลังจะเข้าไปทักก็พบว่าเธอไม่ได้มาคนเดียว ทว่ามีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งมากับเธอด้วย
ชาญวิทย์ไม่ได้ใส่ชุดกาวน์มาด้วย ทำให้เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครและเขาเองก็ไม่รู้ว่าเธอป่วย รามได้แต่กำหมัดนั่งมองอยู่ไกล ๆ
มันเป็นใครถึงกล้ามายุ่งกับผู้หญิงของเขา
“ลดาต้องเป็นของรามคนเดียว ใครมันมายุ่งกับลดาผมจะจัดการมัน”
รามพึมพำบอกกับตัวเอง เขาหึงจนหน้ามืดไปหมดแล้ว และไม่ว่ายังไงเขาจะไม่ยอมเสียลดาไปอีกครั้งอย่างแน่นอน