แล้วพี่สาวของเขาก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีก อาหารบนโต๊ะก็ถูกทิ้งไว้จนเย็นชืดเพราะเหมือนว่าพวกเขาจะกินไม่ลงกันแล้ว
ธาวินรีบลุกจากเก้าอี้แล้วเข้าไปกอดพี่สาวเอาไว้ ก่อนจะลูบที่แผ่นหลังของเธออย่างปลอบโยน
“พี่ธาราอย่าร้องไห้เลยนะครับ ผมเชื่อว่าพี่กรน่าจะหลงผิดไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“ไทม์จะทำอะไร อย่าทำร้ายพี่กรนะ”
แม้จะรู้ว่าถูกสามีนอกใจ แต่เธอก็ยังเป็นห่วงผู้ชายคนนั้นจนเขานึกฉุน
“ผมไม่ทำอะไรคนที่พี่รักหรอก แต่คนอื่นน่ะไม่แน่”
บอกแค่นั้นเขาก็เดินออกมาจากบ้านของพี่สาวทันที พร้อมกับแผนการมากมายในใจ
และนี่ก็คือแผนการขั้นแรก...คือการแอบตามสิปปกรมาที่บ้านหลังนี้ซึ่งนี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาเห็นพี่เขยมาหายัยเด็กคนนั้นที่นี่
ครั้งที่สามในรอบหนึ่งสัปดาห์แล้วปล่อยให้พี่สาวของเขาต้องนอนจมอยู่กับน้ำตาแบบนั้น!
รถเก๋งมือสองที่เขาเช่ามาเพื่อเหตุผลบางอย่างแล่นมาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่พี่เขยนำรถไปจอดราวสี่หลังโดยอาศัยรถกระบะคันใหญ่ที่อยู่ด้านหลังบังรถของเขาไว้ และแม้จะไม่ได้ลงจากรถ เขาก็มองเห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งที่โผกอดพี่เขยของเขาซึ่งมีช่อดอกไม้และกล่องขนมเค้กในมือได้อย่างชัดเจน
มือใหญ่บีบพวงมาลัยในรถแน่นจนเห็นเส้นเลือดผุด นี่ขนาดว่าเขาไม่ใช่คนที่ถูกนอกใจยังรู้สึกโกรธแค้นได้ขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนที่พี่สาวมาเจอภาพบาดตาแบบนี้เข้า หัวใจของเธอจะต้องแตกสลายขนาดไหน
ยิ่งคิดไปถึงตอนที่พี่สาวร้องไห้ปานจะขาดใจก่อนหน้านี้ เขาก็ยิ่งอยากจะลงไปฆ่าหญิงโฉดชายชั่วให้ตายอยู่ตรงนั้น
ธาวินใช้เวลานั่งรอให้สองคนนั้นเสพสมกันอย่างมีความสุขในบ้านเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ก่อนที่เขาจะเห็นพี่เขยออกมาจากบ้านนั้นโดยมียัยเด็กนั่นเดินออกมาส่ง และแน่นอนว่าทั้งดอกไม้และกล่องเค้กหายไปแล้ว ก็แปลว่าเขาซื้อมาให้ผู้หญิงคนนั้นจริงๆ
ชายหนุ่มรอจนแน่ใจว่าพี่เขยขับรถออกไปแล้วและจะไม่ย้อนกลับมาอีก เขาจึงได้ก้าวลงจากรถแล้วเดินตรงไปที่บ้านเป้าหมาย ก่อนจะเอื้อมมือไปกดกริ่ง รออยู่ไม่นานประตูบ้านก็เปิดออก
“ลืมอะไรเหรอคะพี่...อ้าว...ไม่ใช่นี่นา คุณมาหาใครคะ”
ต้องยอมรับว่าพอได้เห็นหน้าเธอชัดๆ คนที่มีสาวควงไม่ซ้ำหน้าแบบเขาก็ถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน เพราะนอกจากความอ่อนเยาว์ และแววตาใสซื่อน่าเอ็นดูนั่นแล้ว ใบหน้าของเธอก็ยังสวยมาก สวยกว่าดาราสาวๆ บางคนที่เขาเคยควงมาเสียอีก
“คุณคะ มาหาใครคะ มาผิดบ้านรึเปล่าเนี่ย”
เธอเรียกเขาอีกครั้ง นั่นจึงทำให้เขานึกขึ้นมาได้ว่าเขามาทำอะไรอยู่ตรงนี้
เขายังไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับล้วงเอาของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะยื่นให้เธอ
“นี่เช็คเงินสดสิบล้าน รับไปซะแล้วออกไปจากชีวิตของพี่เขยฉันซะ นี่ฉันถือว่าให้ค่าตัวเธอสูงมากแล้วนะ สำหรับคนที่ชอบลักกินขโมยกินของคนอื่นเหมือนเธอน่ะ”
สุณิชามองเช็กในมือเขาก่อนจะยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างงงๆ
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ คุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ หนูไม่รู้จักพี่เขยของคุณนะ บางทีคุณอาจจะมาผิดบ้านแล้วมั้ง”
“โกหกได้หน้าซื่อดีนะ เธอจะไม่รู้จักเค้าได้ยังไง ในเมื่อพี่กรเพิ่งจะออกมาจากบ้านเธอเมื่อกี้นี้เอง”
“อ๋อ...คุณหมายถึงพี่กรเหรอคะ โธ่ แล้วก็ไม่พูดชื่อแต่แรก ไอ้เราก็นึกว่ามาผิดบ้าน”
“เข้าใจตรงกันก็ดี รีบรับเงินนี้ไปสิ จะได้จบเรื่องซะที แล้วก็ขนของออกไปจากบ้านพี่เขยของฉันด้วยล่ะ ฉันให้เวลาเธอสามวันนะ ถ้าเธอยัง...”
“เดี๋ยวนะคุณ นี่มันบ้านหนูนะ อยู่ดีๆ จะมาไล่หนูไปอยู่ที่อื่นได้ยังไง คุณบ้ารึเปล่าเนี่ย ถ้าบ้าก็กลับไปกินยาที่บ้านนะคะอย่ามาพูดจาไม่รู้เรื่องแถวนี้ หนูไม่มีเวลามาคุยกับคนบ้าหรอก”
บอกแล้วเธอก็รีบเอื้อมมือไปเพื่อจะล็อกรั้ว แต่ก็ช้ากว่าคนที่แข็งแรงกว่าเมื่อเขาผลักประตูรั้วเข้าไปและเข้ามาอยู่ในอาณาเขตบ้านของเธอเรียบร้อย
“นี่เธอกล้าว่าฉันเป็นคนบ้างั้นเหรอ!”
เขาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้แล้วบีบเต็มแรง ใจนึกอยากจะบีบคอเธอให้ตายตรงนี้ไปซะเลย โทษฐานที่เธอกล้ามาสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวของพี่สาวสุดที่รัก แต่ก็รู้ว่าถ้าฆ่าคนตายเขาก็จะต้องติดคุกโดยไม่จำเป็น และเขาก็มีแผนสำรองเอาไว้เผื่อเธอไม่ยอมรับเงินอยู่แล้ว
“ปล่อยหนูนะ ไม่งั้นหนูจะร้องให้คนช่วยจริงด้วย ช่วยด้วยค่ะ ช่วย...อื้อ...อื้อ...” หญิงสาวยังไม่ทันได้ตะโกนให้ใครได้ยิน เขาก็นำผ้าเช็ดหน้ามาโปะที่จมูกของเธอ ไม่นานเธอก็ค่อยๆ หมดสติไปในที่สุด
“ช่วยไม่ได้นะ เธอเลือกที่จะทำให้ฉันแสดงด้านมืดออกมาเอง ในเมื่อฉันอุตส่าห์เสนอเงินให้ดีๆ แล้วไม่เอา มันก็ต้องรับบทโหดกันหน่อยล่ะ” ชายหนุ่มหันมองซ้ายขวาให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเห็นพวกเขา จากนั้นเขาก็พาเธอไปนอนที่เบาะหลัง ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในบ้านของเธอแล้วปิดไฟทุกดวง แม้จะสะดุดตากับเค้กบนโต๊ะที่เขียนข้อความ Happy Birthday และมีเทียนเลข 21 ปักเอาไว้