ตอนที่ 6 หน้าที่พ่อ

1157 Words
“งั้นก็รอถามลูกพรุ่งนี้ละกัน อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยนะ อาจจะไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่นึกกลัวก็ได้” “ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะค่ะ เอ๊ะ...หรือว่าตาไทม์จะทะเลาะกับตาภูมิคะ เหมือนหลายวันก่อนลูกจะเล่าให้ส้มฟังว่าตาภูมิมาขอให้ไปช่วยผ่าตัดคนไข้เด็กให้แทนช่วงที่ตาภูมิไปสัมมนาที่ญี่ปุ่น” “งั้นส้มก็ลองโทรถามเพื่อนรักของส้มดูสิ เผื่อทางนั้นเค้าจะรู้” “ยัยจ๋าคงไม่รู้หรอกมั้งคะ ก็รู้อยู่ว่าตาภูมิเค้าไม่ค่อยเล่าปัญหาอะไรให้ที่บ้านฟังอยู่แล้ว” เธอนึกไปถึงเพื่อนสนิทอย่าง จารุกัญญ์ ซึ่งเป็นมารดาของภูมิภัทร และธีรกิจเองก็เป็นเพื่อนกับ นายแพทย์ภูผา สามีของจารุกัญญ์เช่นกัน “งั้นก็เลิกเดาแล้วรอฟังลูกเล่าเองดีกว่า กินข้าวต่อเถอะ อิ่มแล้วจะได้ไปเดินเล่นย่อยอาหารที่หน้าบ้านกันหน่อย” “ค่ะ” กมลชนกพยายามจะไม่คิดมากและรอให้ถึงเวลาที่ลูกจะเข้ามาปรึกษาด้วยตัวเอง ได้แต่หวังว่าเรื่องที่ลูกชายเผชิญอยู่จะไม่ร้ายแรงอย่างที่นึกกังวล ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ธาวินก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลสินธนา ซึ่งตอนนี้ห้องผ่าตัดเตรียมพร้อมแล้ว ส่วนสุณิชาเองก็มานั่งรออยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดแล้วเช่นกันหลังจากลูกชายของเธอถูกพาเข้าไปในห้องผ่าตัดเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน แม้พยาบาลจะบอกให้เธอกลับไปรอที่ห้องพัก แต่เธอก็ยังอยากอยู่ตรงนี้ อยากอยู่ใกล้ลูกให้มากที่สุด และเมื่อธาวินเดินผ่านมาเธอก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยกับเขา “คุณหมอคะ ฉัน...ฝากลูกด้วยนะคะ” “ไม่ต้องห่วงนะ เค้าจะต้องหายเป็นปกติแน่นอน ฉันสาบาน” เขาหันมาส่งยิ้มให้เธอบางๆ ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีสายตาที่เธอมองมาแล้วเข้าไปเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัดครั้งสำคัญในคืนนี้ ภายในห้องผ่าตัด หมอหนุ่มรับมีดจากพยาบาลมาถือไว้ ดวงตาของเขามองตรงไปยังศีรษะเล็กตรงหน้าอยู่นานและนิ่งอยู่อย่างนั้นจนพยาบาลในห้องรู้สึกประหลาดใจ “อาจารย์คะ มีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ” “เปล่าครับ เริ่มกันเลยละกัน” เมื่อได้ยินเขาบอกอย่างนั้นการผ่าตัดก็ได้เริ่มต้นขึ้นในทันที ทุกวินาทีที่พ้นผ่าน มันช่างยาวนานราวกับว่าเวลามันช่างเดินเชื่องช้ากว่าวันไหน สุณิชาเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดจนแข้งขามันรู้สึกอ่อนแรงไปหมด แม้จะรู้ว่าต่อให้เธอเดินอยู่อย่างนี้ทั้งคืนก็คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา กระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงคืน การรอคอยที่แสนยาวนานก็สิ้นสุดลง เมื่อธาวินก้าวออกมาจากห้องผ่าตัดเธอก็รีบเดินเข้าไปหาแล้วจับมือเขาไว้อย่างลืมตัว “คุณหมอ ทะเลเป็นยังไงบ้างคะ เค้าปลอดภัยแล้วใช่มั้ย” “การผ่าตัดถือว่าสำเร็จลุล่วงไปอย่างราบรื่นแล้ว ฉันผ่าเอาเนื้องอกออกมาได้ทั้งหมด แต่เราต้องย้ายทะเลไปดูอาการในห้องไอ.ซี.ยูก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอาการอะไรแทรกซ้อนหลังผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ หรือมีเลือดออกและปัญหาจากการดมยาสลบ ถ้าร่างกายเค้ายังปกติดีไม่มีอาการอย่างที่ว่ามา เราก็จะย้ายเค้าออกไปพักรักษาตัวต่อที่ห้องพิเศษได้เหมือนเดิม แต่ว่าทะเลต้องอยู่โรงพยาบาลไปอีกสักพักเพราะจำเป็นต้องมีการดูแลติดตามอย่างต่อเนื่องทั้งระหว่างและหลังการรักษาเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีเนื้องอกเกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นฉันเลยมีเรื่องอยากปรึกษาเธอ เพื่อประโยชน์ของเธอกับลูกเอง” “เรื่องอะไรคะ” “ฉันอยากจะย้ายทะเลไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลของฉัน เพราะอยู่ที่นี่ฉันอาจจะดูแลเค้าไม่สะดวก อีกอย่าง...ถ้าเค้าอยู่ที่นั่นเธอก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาของเค้า เพราะฉันจะเป็นคนจัดการเองทั้งหมด” “แต่...ฉันทำประกันชีวิตให้เค้าแล้วนะคะ” “ประกันชีวิตก็มีวงเงินจำกัด อีกอย่าง...ในเมื่อฉันเป็นคนผ่าตัดเค้า ฉันก็อยากจะดูแลจนมั่นใจว่าเค้าจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก ฉันรู้นะว่าเธอไม่อยากให้เค้าอยู่ใกล้ฉัน แต่ฉันอยากให้เธอนึกถึงเค้าให้มากที่สุด ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องแย่งลูกกันแล้วนะณิชา แต่นี่คือชีวิตของทะเล ฉัน...” “เข้าใจแล้วค่ะ” “หมายความว่าเธอยอมย้ายเค้าไปที่โรงพยาบาลของฉันแล้วใช่มั้ย” “ก็ถ้าฉันต้องทำเพื่อลูก...ฉันก็ยินดีจะทำค่ะ แล้วเค้าต้องอยู่โรงพยาบาลอีกนานแค่ไหนคะ อีกไม่กี่เดือนเค้าก็จะต้องเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว ฉันกลัวเค้าจะเข้าเรียนช้ากว่าเพื่อน” “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก เค้าจะต้องเข้าเรียนทันเพื่อนแน่นอน งั้นเดี๋ยวฉันจะประสานกับที่นี่ไว้นะ ถ้าทะเลออกจากไอ.ซี.ยู.ได้แล้ว เราค่อยย้ายเค้าไปที่โรงพยาบาลของฉันอีกที ตอนนี้ลูกเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ฉันยังไม่อยากเคลื่อนย้ายเค้าตอนนี้โดยไม่จำเป็น” “ค่ะ” “งั้นเธอก็ไปพักเถอะนะ อีกเดี๋ยวเค้าจะย้ายลูกออกจากห้องผ่าตัดแล้ว ยังไงเธอก็ตามเค้าเข้าไปในห้องนั้นไม่ได้อยู่ดี” “ฉันรู้ค่ะ แต่สำหรับคนเป็นแม่แล้ว...ขอแค่ได้นั่งเฝ้าที่หน้าประตูห้องฉันจะสบายใจมากกว่า ฉันไม่อยากเผลอหลับไปในตอนที่ลูกกำลังเจ็บแบบนี้” เธอบอกพร้อมน้ำตาเอ่อคลอ เขาจึงได้บีบมือเธอที่ยังคงจับมือเขาไว้อยู่ตลอด “ตอนนี้ลูกหลับแล้ว เค้าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าเธอยังไม่ยอมไปพัก พรุ่งนี้เธอจะไม่มีแรงมานั่งเฝ้าที่หน้าห้องเค้านะ ไม่ต้องห่วงหรอก คืนนี้ฉันก็จะค้างที่นี่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันจะเป็นคนดูแลเค้าแทนเธอเอง ฉันรู้ว่าไม่ควรพูดคำนี้...แต่...เชื่อใจฉันหน่อยเถอะนะณิชา ถึงฉันจะไม่เคยเห็นตอนที่เค้าเกิด ไม่เคยเลี้ยงดูเค้าเหมือนเธอ แต่ฉันก็รักเค้าไม่น้อยกว่าที่เธอรักหรอก” สุณิชาก้มลงมองมือเล็กที่ถูกมือใหญ่กุมไว้ เธอจึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าเผลอไปจับมือเขาอยู่นาน หญิงสาวจึงได้รีบดึงมือออกแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD