“เผลอตัวบ่อยๆ ระวังจะตายไม่รู้ตัว”
ท่าทางของฟิโอดอร์และคำพูดของเขาทำให้ตมิสาหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย หากแต่หญิงสาวต้องแสร้งทำเป็นใจกล้า ปั้นหน้ายิ้มยากออกไป
“ฉันจะไม่เผลอตัวอีกแล้ว สัญญาเลย จะให้สาบานเลยก็ได้ คุณปล่อยฉันไปเถอะนะ เอาฉันมาขังไว้แบบนี้ไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอก”
มือทั้งสองข้างของหญิงสาวประสานเข้าหากันอยู่ใต้คาง ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ มองคนตรงหน้าอย่างขอความเห็นใจ อีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบตมิสาจึงฉวยโอกาสนั้นมาต่อรอง
“เอาอย่างนี้ไหม ฉันให้คุณปารองเท้าใส่หลังฉันคืนหน่อยก็ได้ แต่เบาๆ หน่อยก็ดี ฉันยังไม่อยากหลังหัก”
ฟิโอดอร์จ้องมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา ดวงหน้ารูปไข่ คิ้วได้รูปที่พาดเหนือดวงตากลมโตดุจกวางสาว ขนตาเป็นแพงอนงาม จมูกที่เชิดรั้นนิดๆ รับกับริมฝีปากอิ่มสีเชอร์รี่สดที่ปราศจากการแต่งแต้มจากลิปสติก เนื้อตัวของหญิงสาวดูมอมแมมก็จริงหากแต่กลิ่นกายกับส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกลิ่นแป้งเด็ก และมันก็ถูกจริตมากกว่ากลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เคยอยู่ข้างกายเขา นัยน์ตาสีเทาอมฟ้ายังคงจับจ้องอยู่ที่ตมิสาทำเอาเจ้าตัวประหม่า
“จ้องกันขนาดนั้น ไม่ได้คิดจะฆ่าจะแกงกันอยู่หรอกใช่ไหม”
ตมิสายอมว่าเธอรู้สึกหวาดกลัวคงตรงหน้าไม่น้อย ยิ่งอีกฝ่ายทำหน้าเรียบเฉยติดจะเย็นชา เธอก็รู้สึกราวกับว่ามีรังสีอำมหิตแผ่กำจายออกมาจากตัวของอีกฝ่าย
“ฉันจะปล่อยเธอไปก็ได้”
“เอ๊ะ”
ตมิสาถึงกับเลิกคิ้วอย่างงุนงง เพราะหลังจากที่อีกฝ่ายเงียบไปพักใหญ่เขาก็ยอมเปิดปาก และสิ่งที่ได้ยินก็ย้อนแยงกับสิ่งที่เธอคิดเอาไว้
คิดว่าอีกฝ่ายจะเอาคืนเธอเสียอีก
“เธอเห็นบ่อน้ำพุตรงหน้าบ้านไหม”
ตมิสาทำท่าครุ่นคิด คิ้วได้รูปที่พาดเหนือดวงตากลมโตขยับเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะทำท่าคล้ายนึกออกแล้วตอบออกไปว่า
“เห็นสิบ่อน้ำพุใหญ่ๆ ออกสีขาวหม่นหน่อยๆ อันนั้นใช่ไหม”
“ใช่ อันนั้นแหละ ไปล้างให้เรียบร้อย แล้วค่อยกลับบ้าน”
“คุณหมายถึงให้ฉันล้างไอ้บ่อน้ำพุใหญ่ๆ นั่นคนเดียวน่ะนะ”
“ใช่ ล้างให้สะอาด แล้วเธอก็กลับไปได้ ถือซะว่าเป็นการลงโทษที่เธอกล้าปากรองเท้าเน่าๆ ของเธอใส่ฉัน”
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ตั้งใจปาใส่คุณซะหน่อย”
เมื่อเห็นสายตาดุๆ จ้องมองมาท้ายประโยคตมิสาจึงเสียงเบาลง ในขณะที่ดวงตาคมเข้มของฟิโอดอร์ไม่ได้ละสายตาไปจากหญิงสาวเลย
“เลือกเอาระหว่างล้างบ่อน้ำพุหน้าบ้านกับล้างบ่อจระเข้หลังบ้าน”
“...”
“เธออยากล้างบ่อไหนมากกว่ากัน”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เรียวปากสีเชอร์รี่สดเผยอค้างอยู่อย่างนั้น ตมิสาไม่ทันได้โต้ตอบอะไรกลับไป ฟิโอดอร์ก็เป็นฝ่ายตัดสินใจแทนเธอจนตมิสาต้องรีบร้องท้วงเป็นพัลวัน
“ตกลงเลือกบ่อจระเข้?”
“บ่อน้ำพุก็พอมั้งคุณ ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกนะ”
“ไม่ได้โง่ก็ไปจัดการให้เรียบร้อย เพราะขืนเธอยังชักช้า ฉันจะเปลี่ยนใจโยนเธอลงไปในบ่อจระเข้แน่”
ฟิโอดอร์บอกเสียงเรียบ ดวงตาสีเทาอมฟ้ามองตมิสาอีกครู่หนึ่ง แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกไปมาเฟียหนุ่มก็ถามขึ้นมาว่า
“เธอชื่ออะไร”
“ฉันชื่อตมิสา แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”
ถึงแม้จะหวาดหวั่นอยู่มาก แต่ตมิสาก็ไม่ยอมลงให้คนตรงหน้าง่ายๆ นั่นเพราะอีกฝ่ายถามเธอเสียงห้วนจัด หญิงสาวไม่ทราบว่าปกติแล้วนั้นเขาเป็นอย่างนี้หรือเปล่า แต่อย่างน้อยเขาก็ควรถามด้วยน้ำเสียงที่ดูสุภาพกว่านี้หน่อยไม่ได้หรอกหรือไรกัน
เธอจึงไม่ตอบคำถามเขาและตอกกลับด้วยเสียงห้วนจัด
“กล้าดีนี่ ขนาดเธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรองขนาดนี้ยังกล้าที่จะยอกย้อน ก็ได้ ฉันยอมบอกชื่อของฉันก็ได้” ฟิโอดอร์กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะยอมบอกออกไป “ฟิโอดอร์ อัครา คอมบารอฟ คือชื่อของฉัน”
ได้ยินอีกฝ่ายบอกแบบนั้นดวงตากลมโตถึงกับเบิกกว้าง เรียวปากเผยอค้างอยู่อย่างนั้น พักใหญ่กว่าที่ตมิสาจะหาเสียงของตัวเองเจอ น้ำลายเหนียวหนึบถูกส่งลงลำคออย่างยากลำบาก ก่อนจะถามออกไปด้วยเสียงติดขัด
“คะคุณคือมาเฟียรัสเซียงั้นเหรอ”
ตมิสาเคยได้ยินมาว่าฟิโอดอร์ อัครา คอมบารอฟ เป็นมาเฟียรัสเซียที่ขึ้นชื่อเรื่องความเหี้ยมโหดแม้ว่าเลือดในกายครึ่งหนึ่งในตัวเขาจะเป็นสายเลือดของชาวไทยจากฝั่งของมารดา แต่ชื่อเสียงของเขาเป็นที่น่าเกรงขาม ธุรกิจในมือเขามีตั้งแต่ธุรกิจสีขาวไปจนถึงธุรกิจสีดำ ไม่บ่อยนักที่ฟิโอดอร์จะปรากฏตัวต่อหน้าสื่อ นั่นทำให้น้อยคนนักที่จะเคยได้เห็นหน้าคาดตาของมาเฟียหนุ่ม
หากแต่ชื่อเสียงของเขากลับกระฉ่อน ไม่ใช่แค่เฉพาะในรัสเซียหรือประเทศไทย
แต่เป็นทั่วโลก
“ใช่ ฉันเอง คราวนี้เธอยังมีคำถามอะไรอีกไหม”
ตมิสาสั่นหน้าหวือ กลีบปากนุ่มเม้มเข้าหากันแน่นมนขณะที่ดวงตากลมโตนั้นฉายแววตื่นตระหนกจนฟิโอดอร์นึกขัน หากแต่เขายังคงรักษาท่าทางด้วยการตีหน้านิ่งเฉกเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
หากแต่แววตาสีเทาอมฟ้าคู่นั้นกลับฉายชัดว่ามาเฟียหนุ่มขบขันกับท่าทางที่เพิ่งจะมาตื่นกลัวตนเองของตมิสา ซึ่งไม่บ่อยนักที่มาเฟียหน้านิ่งอย่างฟิโอดอร์จะรู้สึกขบขันกับเรื่องอะไรง่ายๆ
เว้นเสียแต่ตอนที่เขาอยู่กับเพื่อนสนิทเท่านั้น
“ฉันจะรีบไปขัดบ่อน้ำพุเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ขัดเสร็จแล้วกลับบ้านได้เลยใช่ไหมคะ”
น้ำเสียงที่เคยแข็งกระด้างรีบปรับเป็นมีหางเสียงและนุ่มนวลอย่างถึงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ฟิโอดอร์รู็ทันว่าอีกฝ่ายแค่จงใจเสกสรรปั้นแต่งเพื่อเอาตัวรอดเพียงเท่านั้น มาเฟียหนุ่มคิดไปคิดว่าก็เดาว่าเด้กสาวตรงหน้าเขาอายุไม่น่าจะถึงยี่สิบปีเลยด้วยซ้ำ
สั่งสอนแค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วกระมัง
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ