@มหาวิทยาลัย > โรงอาหาร
ช่วงพักเที่ยงของมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยเสียงคึกคักของนักศึกษาที่ทยอยกันเข้ามาในโรงอาหารขนาดใหญ่ โต๊ะหลายตัวถูกจับจองจนเต็ม แต่ก็ยังมีบางที่ว่างให้เลือกนั่งบ้างประปราย กลิ่นอาหารลอยคลุ้งไปทั่ว ขับให้บรรยากาศอบอุ่นและมีชีวิตชีวา เสียงของฉันดังขึ้นเบา ๆ แต่ชัดเจน ท่ามกลางเสียงจอแจ
"ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ"
น้ำเสียงเจือความเกรงใจเล็กน้อย ฉันยิ้มบางอย่างเป็นมิตร ในมือถือจานอาหารที่เพิ่งตักเสร็จเรียบร้อย ดวงตาเงยขึ้นสบกับสายตานิ่งเฉยของเขา... รุ่นพี่สุดเย็นชา ใบหน้าของเขานิ่งสนิทเหมือนถูกแกะสลักจากหิน ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ เลยสักนิด
"ฉันไม่ชอบนั่งกับคนอื่น...ที่ว่างมีเยอะแยะ จะไปนั่งที่ไหนก็ไป อย่ามาเกะกะ..ขว้างทางแถวนี้.."
เสียงของพายุทุ้มต่ำ แฝงความหงุดหงิดเล็กน้อยโดยไม่ปิดบัง แววตาของเขาเรียบเฉยจนเย็นชา ท่าทางไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองฉันอย่างจริงจัง มือยังตักข้าวเข้าปากอย่างไม่ใส่ใจ ฉันเบะปากน้อย ๆ ความน้อยใจปะปนความหงุดหงิดแล่นเข้ามาในอกทันที มุมปากคว่ำลงอย่างไม่ปิดบัง
"ชิ...คนอะไร..ใจร้ายจริง...ขอนั่งด้วยแค่นี้ก็ไม่ได้"
ฉันบ่นอุบ ขณะที่สายตาเริ่มปะทะกับโต๊ะอีกฝั่ง ที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก เป็นโต๊ะของพี่อคิน รุ่นพี่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้แต่ก็พูดจาขี้เล่นอยู่เสมอ
"น้องพระแพงมานั่งข้างพี่ก็ได้นะครับ...หรือจะมานั่งในใจพี่ก็ได้..ที่ข้างๆยังว่างเสมอ..."
พี่อคินส่งเสียงมาอย่างทะเล้น ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ แววตากรุ้มกริ่มอย่างเคย เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ข้างหนึ่ง ขาข้างหนึ่งไขว่ห้างสบาย ๆ มืออีกข้างยกช้อนหมุนเล่น ขณะที่สายตาก็ไม่ละจากใบหน้าฉัน ฉันกลอกตาเบา ๆ แล้วเอียงหน้าหลบอย่างขำ ๆ ก่อนจะโบ้ยหน้าไปยังโต๊ะอีกฝั่ง
"ไม่ดีกว่าค่ะ หนูเกรงใจ เดี๋ยวสาวๆโต๊ะนั้นจะมาดักตบหนู..."
ฉันโบยหน้าไปทางกลุ่มนักศึกษาหญิงที่กำลังนั่งจ้องพี่อคินอยู่..แถมยัยนั่นยังทำตาขว้างใส่ฉันอีกด้วย.. กลุ่มนักศึกษาหญิงสี่ห้าคนนั้นนั่งมองมาทางฉันเขม็ง แววตาไม่เป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย ราวกับจะเชือดฉันด้วยสายตา แถมหนึ่งในนั้นถึงกับทำตาขวางใส่อย่างชัดจนฉันต้องรีบเบนหน้าออก
"5555 ใครจะกล้า ลองทำดูดิ...พี่จะสั่งเก็บให้หมดเลย"
อคินหัวเราะเสียงดัง ยักคิ้วให้พร้อมแววตากรุ่น ๆ อย่างไม่แยแสต่อสายตาทุกคู่ในโรงอาหาร น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจเกินร้อย
"ขอบคุณนะคะ แต่หนูไปนั่งกับเพื่อนดีกว่า ขืนนั่งแถวนี้ คนบางคนคงจะกินข้าวไม่อร่อย.."
ฉันปรายตามองไปทางพายุอีกครั้ง ใบหน้าบึ้งตึงของเขายังเหมือนเดิม แข็งกระด้าง ไม่ไยดี ราวกับคำพูดของฉันไม่มีน้ำหนักใด ๆ ฉันเบ้ปากใส่เขาแล้วหันหลังเดินจากมา ฉันทำหน้ายู่ใส่พี่พายุ ก่อนจะเดินถือจานอาหารไปหามุกดา ...คนอุตส่าห์แวะมาทัก...ไอ้คนหน้านิ่ง เกิดมายิ้มไม่เป็นเลยรึไง..ทำไมถึงชอบทำหน้าดุตลอดเวลาด้วยก็ไม่รู้
ขณะที่ฉันเดินจากมา จานข้าวในมือสั่นเล็กน้อยเพราะอารมณ์ขุ่นมัว สายตาก็หันกลับไปมองโต๊ะเดิมอยู่หลายครั้ง พร้อมบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างหงุดหงิด หัวใจรู้สึกหน่วง ๆ อย่างบอกไม่ถูก
"หึ...." : คนเป็นพี่ยิ้มมุมปากออกมาเมื่อเห็นคนเป็นน้องเดินออกไปพร้อมกับริมฝีปากเล็กที่ขยับเขยื้อนไม่หยุด ก่อนจะตักข้าวเข้าปากอย่างอารมณ์ดี ริมฝีปากของพายุโค้งขึ้นน้อย ๆ มุมปากยกอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ดวงตาเรียบนิ่งแต่มีประกายบางอย่างแฝงอยู่ เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ พร้อมตักข้าวเข้าปากราวกับอาหารเริ่มอร่อยขึ้นมาทันทีที่เธอจากไป
"เห่อะ..!..มึงเป็นบ้าไปแล้วเหรอไอ้ยุ..ไปพูดให้เขางอน แล้วก็มานั่งยิ้มอยู่คนเดียว...ประสาท..!"
อคินมันด่าผม...ก่อนที่ผมจะมองตามหลังยัยตัวแสบที่ทำหน้ายู่ หน้าบูดหน้าบึ้ง เดินไปบ่นไปอยู่แบบนั้น ก็จริงอย่างที่มันบอกผมชอบพูดเสียงแข็งใส่เธอ ชอบทำให้เธองอน พอเธองอนกลับเป็นตัวผมเองที่ดูจะมีความสุขทุกครั้ง... ผมชอบเวลาที่เธอทำหน้างอ ทำท่าทางเหมือนจะงอนผม มันดูน่ารัก น่าเอ็นดู เหมือนแมวน้อยที่กำลังงอนเจ้าของ...ถ้าพูดตามจริงก็คือชอบเธอแหละครับ..เพียงแต่ไม่แสดงออกมาให้เธอรู้ก็แค่นั้น...
@พระแพง
บรรยากาศในโรงอาหารช่วงพักกลางวันเต็มไปด้วยเสียงจอแจของนักศึกษา โต๊ะเก้าอี้แน่นขนัดไปด้วยกลุ่มเพื่อนที่จับจองพื้นที่นั่งกินข้าวกันอย่างคึกคัก ฉันเดินตรงเข้าไปในโรงอาหารด้วยสีหน้าหม่นหมอง ใบหน้าบูดบึ้ง แววตาหม่นแสงเต็มไปด้วยความสับสน สองเท้าเดินลากช้าเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง บางช่วงก็ถอนหายใจยาวอย่างไม่รู้ตัว
"เป็นอะไร ทำหน้าบูดหน้าบึ้งมาแต่ไกลเชียว"
เสียงมุกดาทักขึ้นทันทีเมื่อเห็นฉันเดินเข้าไปหา แววตาเพื่อนสนิทฉายแววห่วงใย แต่ฉันกลับทำเพียงถอนหายใจออกมาอย่างแรง พร้อมพ่นลมหายใจด้วยความอัดอั้น
"เห้อ !"
"เอ้า..!..ถามไม่ตอบแถมยังมาทำหน้างอใส่กูอีก มึงเป็นอะไร..มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เล่ามา...."
เสียงมุกดังขึ้นอีกรอบ เธอเลิกคิ้ว ถามพลางหยิบช้อนจิ้มข้าวในจาน แต่สายตากลับจับจ้องมาที่ฉันไม่วางตา ฉันยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจนั่งลงฝั่งตรงข้ามเธอ วางจานข้าวบนโต๊ะเบาๆ แล้วเอ่ยเสียงเบาอย่างลังเล
"มุก กูมีเรื่องจะถามมึง" มุกดายกแก้วน้ำขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนจะวางลงแล้วเงยหน้ามองฉันอย่างตั้งใจ
"อืม..ถามว่า.."
"...การที่ผู้ชายจูบผู้หญิงโดยที่ไม่ได้มีสถานะต่อกัน..ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบกัน..แล้วเขาจะทำแบบนั้นไปทำไมวะ"
ฉันเอ่ยเสียงเบาแต่จริงจัง แววตาสับสน ดวงหน้าแดงเรื่ออย่างควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกอึดอัดเหมือนถูกบีบหัวใจ
"มันก็มีหลายเหตุผลนะ...คนเป็นแฟนกันจูบกันมันก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าไม่ได้รักไม่ได้ชอบกัน แล้วมาจูบกันเนี้ย ก็คงจะเพราะเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นละมั้ง .. พวกผู้ชายเจ้าชู้..ส่วนใหญ่จูบผู้หญิงได้โดยไม่คิดอะไร ทำมากกว่าจูบก็มีเยอะแยะ"
มุกดาพูดไปพลางวางช้อนลงอย่างมีน้ำหนัก คิ้วขมวดเหมือนใช้ความคิด เธอมองฉันอย่างสงสัย เหมือนเริ่มจับจุดอะไรได้บางอย่าง
"...แล้วถ้าผู้ชายคนนั้นไม่เจ้าชู้ล่ะ แทบจะไม่เข้าใกล้ผู้หญิงเลยด้วยซ้ำ..."
ฉันก้มหน้าลง มองนิ้วมือที่กำลังเขี่ยข้าวในจานเบาๆ เสียงสั่นน้อยๆ แฝงอยู่ในน้ำเสียง
"ที่มึงพูดอยู่นี่..หมายถึงใคร ? พูดอย่างกับเกิดขึ้นกับตัวเอง"
"............"
ฉันนิ่ง ไม่ตอบ สีหน้าเหมือนคนกำลังกลืนคำพูดลงคออย่างฝืดเคือง แววตาวูบไหวชั่วขณะ ก่อนจะเบิกตาโตตกใจเมื่อได้ยินเสียงมุกดาร้องขึ้นมาอย่างตกใจ
"เชี้ย..!..นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงไปจูบกับผู้ชายมา"
"อีมุก..!!! มึงจะพูดเสียงดังเพื่อ!"
ฉันรีบยื่นมือไปปิดปากมัน ก่อนจะเหลียวซ้ายแลขวาอย่างลนลาน ผู้คนรอบข้างหันมามองเล็กน้อย แล้วพากันหันกลับไปเหมือนไม่ใส่ใจ
"พระแพง...นี่มึงโดนผู้ชายจูบมาเหรอ..ใคร..?..อย่าบอกนะว่าเป็นพี่เฟิร์ส..ลุงรหัสสุดหล่อของมึง...."
"มึงจะบ้าเหรอ...พี่เขาจะมาจูบกูทำไม..กูกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย" ฉันเงยหน้าตอบพลางทำหน้ายุ่ง ท่าทีหงุดหงิดที่โดนจับผิด
"ก็มึงบอกเองว่าไม่มีสถานะ...พักหลังมานี้กูเห็นมึงแทบจะตัวติดกันกับพี่เขา มึงไปไหนก็เห็นพี่เขาตามไปด้วยตลอด"
"กูกับพี่เฟิร์สต้องซ้อมแข่งทักษะด้วยกัน ก็เลยบังเอิญเจอกันบ่อย ไม่มีอะไรเกินเลยสักหน่อย"
ฉันรีบแก้ต่าง ขยับตัวนั่งหลังตรงขึ้นมานิดหน่อยราวกับอยากแสดงความมั่นใจ แต่แววตากลับไม่อาจปิดความอึดอัดใจไว้ได้
"ถ้าไม่ใช่พี่เฟิร์ส..แล้วไอ้ผู้ชายที่มึงกำลังพูดถึงอยู่เนี้ย...ใคร.????? คงไม่ใช่พี่พายุหรอกนะ"
".....อืม.........."
เสียงตอบแผ่วเบา ทำเอามุกดาเบิกตากว้างจนแทบหลุดจากเบ้า มือข้างหนึ่งทาบอกตัวเองอย่างตกใจ
"พระแพง !!!! จริงดิ...."
ฉันไม่ตอบ แต่สายตาที่เสมองไปทางอื่นนั้นก็เพียงพอที่จะยืนยันทุกอย่าง มุกดาอ้าปากค้างราวกับได้ยินข่าวที่ไม่อยากเชื่อ จากนั้น ฉันเล่าเหตุการณ์ให้มุกดาฟังอย่างช้าๆ เสียงในโรงอาหารรอบข้างยังคงจอแจแต่ในวงสนทนาเรากลับเหมือนมีม่านบางๆ แยกออกมาจากโลกภายนอก มุกดานิ่งงันไปครู่หนึ่ง
"ไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ....."
"เป็นไปได้ไง..พี่พายุเนี้ยนะ..จูบมึง..ถ้าบอกว่ามึงเป็นฝ่ายจูบเขาก่อนกูจะไม่อะไรเลย..."
"กูก็กุลสตรีคนหนึ่งไหม.....มึงก็พูดเกินไป..." ฉันเบะปากใส่ พลางทำหน้าหมั่นไส้แบบขำๆ
"พี่พายุไม่มีประวัติเจ้าชู้ แถมยังไม่คุยกับใครง่ายๆ พี่เขาจูบมึง..หรือเขาจะชอบมึงวะ....."
"เห่อะ ! ไม่มีทางอ่ะ...มึงไม่เห็นเหรอ เจอหน้ากูแต่ละครั้ง ทำหน้าอย่างกับโกรธกันมาเป็นร้อยเป็นพันชาติ คุยด้วยยังไม่ค่อยอยากจะคุยเลย" ฉันกลอกตา ถอนหายใจหนักๆ ขยับไหล่ขึ้นลงเหมือนคนถอดใจ
"แต่กูว่าพี่เขาคุยกับมึงมากกว่าผู้หญิงคนอื่นอีกนะ...คุยแต่กับมึงล่ะมั้ง..ขนาดพวกกูเจอพี่เขาตั้งหลายครั้ง..เขายังไม่เคยพูดด้วยสักคำ"
"จะอะไรก็ช่างเถอะ แต่กูว่าพี่เขาไม่ได้ชอบกูหรอก นี่กูคิดเอาไว้ว่าจะเลิกจีบเลิกตามพี่เขาแล้ว..."
"ทำไมอ่ะ......จะทิ้งไม้พายแล้วว่างั้น..."
"ช่วงนี้กูเหนื่อย..กิจกรรมเยอะแยะเต็มไปหมด...แทบจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง...แล้วอีกอย่างนะ..พี่เขาคงไม่มีทางมาชอบคนแบบกูหรอก"
น้ำเสียงฉันแผ่วลง แววตาคล้ายคนกำลังยอมแพ้ ความท้อแท้ถาโถมในอกเหมือนคลื่นที่ตีซัดเข้าฝั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"พูดง่ายเนาะ....ไหนบอกมึงชอบเขาไง...ยังไปไม่ถึงไหน ท้อซะแล้ว"
"ก็ชอบ...แต่มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอ..กูจีบเขามาตั้งหลายเดือน...เขายังไม่มีวี่แววว่าจะใจอ่อนให้กูเลย...เจอทีไรแยกเขี้ยวใส่กูตลอด บางทีเขาอาจจะมีคนที่ชอบอยู่แล้วก็ได้"
"งั้นเรามาพิสูจน์กันไหม..ว่าเขามีคนที่ชอบหรือเขาชอบมึงกันแน่"
"พิสูจน์ยังไง...???"
"คืนนี้มึงไปปาตี้สายรหัสใช่ป่ะ..."
"อืม.."
"ผับที่เรานัดเจอกันเป็นผับของพี่ดีเทล...กูรู้มาว่ากลุ่มของพวกพี่เขาไปดื่มกินกันที่นั่นทุกคืน.."
"แล้ว ?????"
"เอ้า..!..อยากรู้คำตอบก็ต้องลองเสี่ยงดูหน่อยดิวะ..."
"เสี่ยงอะไรของมึง.."
"เอาน่า....เดี๋ยวคืนนี้กูจัดให้..มึงแค่เล่นตามน้ำกูก็พอ..."
"หมายถึงต้องแสดงละครงั้นเหรอ.."
"นิดๆหน่อยๆเอง..มึงทำได้แน่"
"แต่กูแสดงไม่เก่งนะ...เขาจะไม่จับได้เหรอ.."
"ของแบบนี้มันต้องลอง"
มุกดายิ้มร้าย ยกคิ้วอย่างเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มแบบนั้นของมันฉันจำได้ดี มันคือรอยยิ้มของนางร้ายตัวแม่ที่กำลังวางแผน ฉันมองมันนิ่งๆ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ในเมื่อหัวใจยังไม่ชัดเจน เราก็ต้องเป็นคนเปิดโปงความรู้สึกนั้นด้วยตัวเอง...