“ปานมุก...เธออยากตายเหรอ!”
บนเตียงขนาดคิงไซส์ปูลาดด้วยผ้าสีเข้ม เข้ากับสไตล์การตกแต่งของห้องที่เป็นโทนเทาดำ ปรากฏร่างใหญ่ ดวงตาคมคู่นั้น มองเธอลุกโซนด้วยไฟโทสะ สองมือบีบคอของเธออย่างรุนแรงจนใบหน้าเธอเริ่มแดงเพราะกำลังจะขาดอากาศหายใจ
อ๊ะ...หายใจไม่ออก!
เธอตื่นมาในห้องที่ไม่คุ้นตาพร้อมกับโดนบีบรัดอย่างรุนแรงโดยชายผู้หนึ่ง ในมโนสำนึกเธอรับรู้ว่าเขาเป็นสามีของเจ้าของร่างนี้ ‘แต่สามีบ้าที่ไหนจะทำร้ายภรรยาเอาถึงตายกันเล่า’
ซาดิสท์!
เธอตื่นมาโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรผิดไป ก็พบกับเขาที่เอาแต่บีบคอของเธอเสียแล้ว
เธอรู้สึกว่าออกซิเจนในปอดกำลังหมดลง แต่สัญชาตญาณการอยากเอาชีวิตรอดทำให้เธออ้าปากสูดเอาออกซิเจนเข้าไปให้ได้มากที่สุด แม้ว่าจะทรมานแค่ไหนก็ตาม
สองมือเล็กยกขึ้นออกแรงรั้งสองมือใหญ่ที่เรี่ยวแรงดั่งยักษาแล้วพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อดึงมันออก
‘ไม่...ฉันตายอีกไม่ได้’ เธอร่ำร้องเรียกสติตัวเองและพยายามหาทางหนีรอดจากกรงเล็บซาตานใบคราบเทพบุตรผู้นี้
แต่เรี่ยวแรงที่เพิ่งฟื้นคืนสติมีหรือจะสู้เรี่ยวแรงผู้ชายร่างควายอย่างเขา ยิ่งเธอดิ้นรนเขาก็ยิ่งออกแรงมากขึ้น ไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจนักหนา ถึงกับจะฆ่าจะแกงกัน
ดวงตาเล็กของเธอค่อย ๆ ปิดลง ประสาทการรับรู้ทั้งหมดค่อย ๆ เลือนลางไปพร้อมกับสติ
ปัง!
“หยุดนะ…อัสนี”
เสียงหญิงชราที่เรี่ยวแรงโรยราใกล้วาระสุดท้ายของชีวิต หอบสังขารมาเพื่อปกป้องทายาทของคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ และฝากฝั่งให้ดูแลก่อนจะตาย
ต่อให้ลมหายใจสุดท้าย คุณหญิงกลีบบัวก็จะต้องปกป้องเธอให้ดีที่สุด
“คุณย่า!” เสียงอัสนีสั่นด้วยความโกรธแต่ยังไม่ปล่อยมือออกจากคอของปานมุก
“ย่าขอ...ไม่รักก็อย่าทำร้าย...แค่ก แค่ก แค่ก!” แล้วร่างหญิงชราก็ทรุดลงล้มไปกับพื้น พร้อมเสียงกรีดร้องของคุณแม่บ้านกระถิน คนรับใช้ใกล้ชิดคุณหญิงกลีบบัวมาตั้งแต่ยังสาว
“คุณอัส...เร็วเข้าเถอะค่ะ คุณหญิงไม่หายใจแล้ว” ป้ากระถินกล่าวทั้งน้ำตา เมื่อเจ้านายคู่ทุกข์คู่ยาก ได้ล้มลงไปเพราะพฤติกรรมที่เอาแต่ทำร้ายปานมุก ไม่ว่าด้วยร่างกายหรือจิตใจ
เมื่อก่อนร่างกายไม่เคยได้เฉียดใกล้ แต่ยามนี้ไม่รู้ว่าไปรับข้อมูลข่าวใดจากไหนมาอีก ถึงได้เข้ามาบีบคอหลานสะใภ้คนโปรดของคุณหญิงกลีบบัว
“คุณย่า...คุณย่า...!!!” เสียงเรียกสั่นสะท้านห้อง แต่ร่างของหญิงชราที่เป็นที่เคารพหนึ่งเดียวของเขาได้ล้มลงแล้ว ตอนนี้เขาเหมือนตัวคนเดียวขาดร่มไทรใหญ่คอยปกป้อง
อัสนีมองไปยังร่างที่แทบจะไม่มีเสื้อผ้าติดกาย ด้วยแววตาแดงก่ำ แล้วตะโกนเสียงสั่นลั่นห้องของตน
“เธอทำให้คุณย่าต้องตาย!”
คนที่โดนกล่าวหามึนงง เธอนี่นะ?
แค่ตื่นมาอีกครั้งหลังตายก็ว่ายากแล้ว แต่กลับมาเจอเรื่องชิบหายวายป่วงอะไรวะเนี่ย...ปานมุกคิดจนปวดหัว “คุณอัสเกือบฆ่าคุณปานมุก แล้วก็ทำให้คุณหญิงต้องตาย ฮื้อ ฮื้อ !” เสียงตัดพ้อมองอัสนีอย่างผิดหวัง
หญิงสาวมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า แล้วก็คิดได้แค่ว่า คงจะมีคุณแม่บ้านวัยชรานี่สินะ ที่เข้าใจสถานการณ์ ยกเว้นคนกระทำอย่างบ้าคลั่งเช่นเขา
“คุณย่าครับ!”
“ถ้าคุณอัสยังอารมณ์ร้อนเช่นนี้อีก วิญญาณคุณท่านคงไม่สงบสุข เห็นแก่คุณท่านเถอะค่ะ อย่าทำร้ายเธออีกเลย” คุณกระถินกล่าวเสียงสั่นเครือเรียกสติของอัสนีให้รับรู้เสียบ้างว่าตัวเองทำอะไรลงไป
อารมณ์ของอัสนีสั่นคลอนเมื่อได้ยินแม่บ้านกล่าวถึงคุณย่าที่เพิ่งหมดลมหายใจไปเพราะเขา จึงเลิกสนใจปานมุกชั่วขณะ แล้วหอบเอาร่างที่ไร้ลมหายใจของผู้เป็นย่าขึ้นรถแล้วขับไปโรงพยาบาล แม้ว่าตัวเองจะรู้อยู่แล้วว่าไม่อาจจะช่วยชีวิตไว้ได้ แต่เขาก็อยากลอง
ความโกลาหลเมื่อครู่สงบลง เพราะมีเรื่องที่ต้องจัดการที่ใหญ่กว่าเรื่องของเธอ ปานมุกจึงก้มลงสำรวจร่างกายของตัวเอง มองดูรอยฟกช้ำที่แขนและคอ ที่คนใจร้ายผู้นั้นได้กระทำลงไป
เธอรู้สึกปวดร้าวไปทั่วร่างกาย เหมือนร่างกายกำลังแหลกสลาย แต่ก็ต้องลากสังขารเพื่อไปแต่งตัวให้เรียบร้อย เพราะสภาพของเธอนั้นอีกนิดเดียวก็โป๊เสียแล้ว
แต่ห้องนี้ไม่ใช่ห้องของเธอ มีแต่เสื้อผ้าผู้ชายจึงเลือกหยิบชุดคลุมอาบน้ำมาพันรอบตัวแล้วก็วิ่งออกจากห้องไป แต่ยังไม่ทันพ้นออกจากประตูไปไกล มีชายคนหนึ่งได้หยุดเธอไว้ด้วยเสียงเรียกที่เรียบเฉย กับสีหน้าที่เคร่งเครียด
“คุณปานมุกครับ”
“คุณอัสนีต้องการให้คุณเซ็นใบหย่า”
นั่นปะไร ยังไม่ทันได้ขยับกลับห้อง ก็มีเรื่องให้น่าปวดหัวอีกแล้ว เธอได้แต่พยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องไป ปล่อยให้ผู้ช่วย กรกัณจน์ลงไปรอเธอที่ด้านนอก
ความเจ็บปวดที่ร่างกายยังไม่บรรเทาลง เธอก็ต้องปวดขมับอีกหน พรางหลับตานั่งลงบนเตียงนอนในห้องของตัวเองนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้