แสงทองของดวงอาทิตย์ในยามเช้าสาดส่องลงมาร่างเปล่าเปลือยของหญิงชายคู่หนึ่งซึ่งตอนนี้ยังคงหลับใหลเพราะความเหนื่อยล้า จากเหตุการณ์ของเมื่อคืนนี้
พริมาเริ่มรู้สึกตัวเพราะความเคยชินที่เธอมักจะตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าแบบนี้ทุกวัน แต่ทันทีที่พริมารู้สึกตัวและความรู้สึกหนักราวกับมีบางสิ่งบางอย่างทาบทับอยู่ที่เอวคอดของหญิงสาวทำให้เธอได้มองสำรวจเล็กน้อย
“จะลุกออกไปยังไงเนี่ย” พริมานึกในใจเพราะตอนนี้เธออยากจะกลับตอนโดของตัวเองแล้วแต่ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ตัว หนุ่มโฮสต์ที่เธอลากมาด้วยเมื่อคืนนี้ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง ที่จริงเขามีสิทธิ์เต็มที่ในการใช้ห้องนี้เพราะเขาเปิดห้องที่ราคาแพงเอาเรื่องเอง
มือเรียวพยายามยกมือของชายหนุ่มที่พาดบนเอวของเธออย่างช้าๆ มีแรงยื้อจากเขาอยู่เล็กน้อย เธอหยุดและค่อย ๆคลายมือออกไปจากแขนแข็งแกร่งของเขาและเพราะเขาอาจจะเกิดความรำคาญทำให้ร่างหนาได้ขยับตัวเองพลางยกแขนออกจากเอวคอดของเธอเพื่อที่เขาจะนอนในท่าที่สบายกว่าเดิม
การลุกขึ้นนั่งของพริมาเป็นอย่างยากลำบากไม่น้อยเพราะความรู้สึกเจ็บที่ท้องน้อย และเจ็บตรงกลางสาวของเอ
“คนบ้า ไม่คิดจะเบามือเลยหรือไง” พริมามองเจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาอยู่ครู่หนึ่งอย่างคาดโทษ ก่อนเธอจะขยับตัวเองลงจากเตียงนอน เธอมองใบหน้าที่กำลังหลับอยู่ตอนนี้เธอเองอดคิดไม่ได้เลยว่า หนุ่มโฮสต์คนนี้หน้าตาหล่อเหลาและลีลา สมกับเป็นตัวท็อปของร้านจริงๆและไหนจะรถหรู การเปิดห้องของเขา แต่เขารับงานที่ราคาสามพันห้าร้อยบาทได้ยังไงกัน
แต่พอเท้าของเธอแตะลงที่พื้นร่างบางทรุดลงไปกองกับพื้นเพราะความเจ็บปวดทันที ขาไม่มีแรงซะอย่างนั้น พริมายกมือปิดที่ปากของเธออย่างรวดเร็ว เธอกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินและตื่นขึ้นมา
“โอ้ย ซี้ด เจ็บเป็นบ้าเลย” ร่างบางพูดออกมาเบาๆก่อนขยับตัวเองลุกขึ้นเพื่อจะไปแต่งตัวและออกไปจากที่นี่ ทั้ง ๆ ที่เธอแทบจะลุกขึ้นไม่ไหว
พริมาใช่เวลาเพียงไม่นานกับการแต่งตัวและพร้อมจะออกมาจากห้องพักของโรงแรม ก่อนออกจากห้องเธอไม่ลืมที่จะวางเงินจำนวนห้าพันบาทไว้ให้ชายหนุ่ม แต่เธอไม่บอกกล่าวเพราะไม่อยากทำความรู้จักกับชายหนุ่ม
ต่างจากร่างหนาที่เขาอดยอมรับกับตัวเองไม่ได้เลย เขาอยากจะรู้จักหญิงสาวคนนี้เหลือเกิน คิมหันต์รู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ตอนที่พริมาได้ลงจากเตียงและลงไปกองที่พื้นแล้วเพียงแค่ชายหนุ่มไม่ได้เข้ามาดูเท่านั้น เพราะไม่อยากทำให้หญิงสาวตกใจกลัว ถึงอย่างไรเขาต้องหาโอกาสทำความรู้จักเธอให้มากกว่านี้แน่นอน
“หึ…. เธอเนี่ยมันเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ แม่สาว
ขุนศึก” คิมหันต์เอ่ยออกมาพร้อมมองจำนวนเงินที่พริมาวางทิ้งเข้าไว้ให้เขา
ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์เมื่อคืนนี้พริมาเป็นคนเสียความสาวให้เขาแท้ ๆ แต่กลับทำเหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ คิมหันต์ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเธอนักแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อเพราะเป็นการตัดสินใจที่เต็มใจของเธอเอง จากนั้นเขาจึงลุกอาบน้ำและแต่งตัวออกจากห้องไป
ทางด้านของพริมาเธอได้เดินเข้ามาภายในห้องพักภายในคอนโดของตัวเองแล้ว พริมาทิ้งตัวเองลงนอนไปกับเตียงแทนก่อนการลุกไปอาบน้ำ เพราะตอนนี้เธออยากพักมากกว่าทำอย่างอื่นเสียอีก เธอมองไปที่กระเป๋าและคิดว่าจะกินยาคุมฉุกเฉินไหมเพราะมีการใช้ถุงยางแล้ว
“ไม่กินก็แล้วกัน” พอตัดสินใจได้ก็พยายามบิ้วตัวเองให้ขยับตัวไปอาบน้ำ หลังจากชะล้างร่างกายเรียบร้อยเธอสวมชุดนอนแล้วล้มตัวนอนพักผ่อน
“โอ้ยเจ็บจริงๆ ไม่คิดจะยั้งมือเลยหรือไง” พริมาเอ่ยออกมาพร้อมจับลงที่หน้าท้องของตัวเอง เธอพอจะรู้ว่าการมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรกมันจะมีความเจ็บได้ แต่ไม่ได้คิดว่าจะเจ็บเท่านี้ ถ้าคนที่เธอมีอะไรด้วยไม่ทำจนหมดไปหลายน้ำและเรียกว่าทั้งคืนเลยก็ว่าได้
พริมาที่หมดแรงได้เผลอหลับไปอย่างหมดแรงแม้ว่าเธอจะมีเรียนก็ตาม
สองวันต่อมา
คิมหันต์ยังคงใช้ชีวิตปกติไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมเลยแม้แต่น้อย แต่หลังจากที่เขาได้สัมผัสร่างกายของพริมาแล้วคิมหันต์กลับไม่ได้อยากจะสนใจผู้หญิงคนไหนเลย
“หายไปไหนเนี่ย สองวันแล้วไม่ได้มาลงงานหรือจะเป็นอะไรหรือเปล่า” คิมหันต์พูดลอย ๆ ออกมาเมื่อสายตาของเขายังคงจับจ้องยู่ที่ห้องแอคเคานต์ของขุนศึกซูซ่าแต่ไร้การเคลื่อนไหวของเจ้าของแอคเคานต์
แต่คิมหันต์ก็ยังได้เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองเพื่ออ่านงานขอขุนศึกซู่ซ่าอย่างฆ่าเวลา ก่อนเขาจะได้ลุกจากเตียงนอนของตัวเองเพื่อจะเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัย
ทางด้านของพริมาหลังจากที่เธอกลับมาจากโรงแรม เธอไข้ขึ้นจนไม่สามารถทำอะไรได้ แม้แต่จะไปเรียนเธอยังไปไม่ไหวทำให้เธอเอาแต่เก็บตัวพักผ่อนอยู่ในห้อง โชคดีที่มียาสามัญประจำบ้านอยู่ จนตอนนี้เธอเริ่มดีขึ้นจนใกล้หายปกติแล้ว
พริมาแต่งตัวไปมหาวิทยาลัยเพราะวันนี้มีเรียน โดยที่เธอยังไม่ได้สนใจเรื่องงานเขียนที่เธอไม่ได้ลงงานต่อจากตอนล่าสุดเลย หากเป็นนักอ่านที่ติดตามมาตลอดจะทราบกันว่าหากเปิดเรื่องแล้วเธอจะลงงานวันละ 1 ตอนทุกวันจนกว่าจะจบเรื่องแต่ครานี้หายเงียบไปกว่า 2 วันแล้ว
“ไงคุณเพื่อนไปไหนมา แกไม่มาสองวันพวกฉันเหงารู้ไหม” เพื่อนอย่างชะเอมเอ่ยทักทายสาวแว่นเพื่อนสนิทของตัวเอง ที่เดินเข้ามาหาเธอตรงบริเวณโต๊ะม้านั่งหน้าคณะ
“พอดีไม่สบาย เลยไม่ได้มาเรียน ว่าแต่ที่บ่นคิดถึงนี่เพราะรายงานยังไม่มีคนทำใช่ไหม” ร่างบางเอ่ยถามออกมาพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย ทำให้เพื่อนสนิทของเธอที่นั้นยิ้มออกมาแก้เขินทันที
“ก็ใช่...ยังไม่มีใครทำเลยพริมจ๋า รอความเห็นของพริมก่อน”
“ขอโทษที่ทำให้รอ OK งั้นเดี๋ยวเราดูเนื้อหาก่อนแล้วเรามาเริ่มทำไปด้วยกัน” เมื่อพริมาพูดจบเธอก็สนใจที่หนังสือที่เธอถือมาด้วยทันที แต่ความเงียบที่เกิดขึ้นจากเพื่อนสนิททำให้
พริมาอดมองใบหน้าของชะเอมอีกครั้งไม่ได้
“ชะเอม มองอะไรมองตาไม่กระพริบเลย” ร่างบางเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย
“อ๋อ มองคนหล่อคนนั้นไง” ชะเอมไม่เพียงแค่เอ่ยออกมาเพราะเธอชี้ไปที่เจ้าของร่างสูง ที่มีใบหน้าหล่อเหลาจนทำให้สาวๆ ในมหาวิทยาลัยต่างหลงใหลและหมายปอง แต่เขาคนนั้นก็มองผู้หญิงเป็นเพียงเสื้อผ้าที่ใส่แล้วทิ้งเท่านั้น ไม่คิดจะใช้ซ้ำอีก
พริมามองตามเพื่อนสนิทไปแต่ก็ต้องตกใจเพราะคนที่เพื่อนสนิทของเธอพูดถึงดันเป็นคนเดียวกับที่เธอเพิ่งมีความสัมพันธ์ด้วย พรางนึกในใจก็จะใช้ซ้ำได้ยังไงในเมื่อเขารับงานไปด้วยอาจจะเป็นเหตุผลที่เขาไม่ผูกพันกับใครคนใดคนหนึ่ง พริมาไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องของใครเธอจึงเลือกที่จะเงียบและปล่อยผ่านไป
“มีอะไรเหรอ” ชะเอมเอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าพริมดูตกใจเมื่อเห็นรุ่นพี่มหาลัย
“อ๋อ...เปล่าไม่มีอะไร ว่าแต่เขาคือ...” ยังไม่ทันที่พริมาจะถามจบประโยคเพื่อนสาวก็รีบทำการแนะนำทันที
“เป็นรุ่นพี่เราอยู่ปี 4 เรียนคณะนิเทศ ที่สำคัญรูปหล่อหล่อและบ้านรวยมาก” ประโยคสุดท้ายของชะเอมที่เอ่ยออกมาทำให้พริมานึกถึงตอนเปิดห้องที่โรงแรมทันที แต่ย้อนแยงอยู่นะ ทำไมรับงานโฮสต์ หรือทำเอาสนุก หยุดๆ พริมาไม่ต้องไปอยากรู้เหตุผลของเขา พริมาบอกตัวเองในใจ
“อ๋อ ว่าแต่สองวันที่ผ่านมามีงานหรืออะไรใหม่ ๆ ที่อาจารย์สอนบ้างเอามาแบ่งกันสิ” ร่างบางเอ่ยพร้อมหยิบสมุดจุดดบันทึกของเพื่อนมาดู
พริมาเรียนจนถึงเย็นและเมื่อเธอเลิกเรียนแล้วจึงแวะไปซื้อของเข้าห้องก่อนกลับมาที่คอนโด แต่แล้วเธอต้องตกใจเมื่อเดินเข้ามาภายในคอนโดได้เพียงไม่กี่ก้าว เธอเจอกับคนร่างหนาหน้าคุ้นที่ยืนรอลิฟต์
“อะไรกันว่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่ามาหาเรา ไม่น่าจะใช่มั้ง พี่เขาจะรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่ แถมวันนั้นแต่งตัวแต่งหน้าซะขนาดนั้น” พริมาอดพูดกับตัวเองไม่ได้เมื่อเห็นคิมหันต์อยู่ที่คอนโดของตัวเอง
พริมาไม่ได้ทำให้ตัวมีพิรุธเพราะยังไงเสียเธอมั่นใจมากว่าคิมหันต์ไม่มีทางจำเธอได้
สาวแว่นกระโปรงยาวและเสื้อตัวใหญ่ เดินเข้าไปยืนข้างคิมหันต์เพื่อรอลิฟต์ด้วยความมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางจำเธอได้แน่นอน
“ชั้นไหนครับ” คิมหันต์เอ่ยถามคนข้างกายออกมาเมื่อเขาเดินเข้าไปภายในลิฟต์แล้ว เขายังคงทำเหมือนไม่รู้จักและจำคนข้างกายไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เขาจำเธอได้และรู้จักเธอเป็นอย่างดี
“ชั้น 24 ค่ะ” ร่างบางเอ่ยตอบออกมาอย่างไม่ได้มองคนร่างสูงเลย
“บังเอิญจังเลยนะครับอยู่ชั้นเดียวกับผมเลย” คิมหันต์จงใจเอ่ยออกมาพร้อมกดชั้นให้กับตัวเอง แต่คำพูดของเขาทำให้พริมาได้มองเขาผ่านแว่นหนาของตัวเองด้วยความตกใจ
“ค่ะ บังเอิญจริงๆค่ะ” พริมาเอ่ยแค่นั้นก่อนก้มใบหน้าลงอย่างไม่คิดจะมองใบหน้าของอีกฝ่าย แต่คิมหันต์ยังคงมองร่างบางอยู่เป็นระยะ
ภายในลิฟท์ที่ทั้งเงียบทั้งอึดอัดได้เกิดขึ้นกับพริมาเพราะความกลัวว่าชายหนุ่มจะจำเธอได้นั้นเอง ตอนนี้รู้สึกว่าลิฟท์มันเคลื่อนตัวอย่างช้าผิดว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ
“เรียนมหาลัยเดียวกันกับผมเหรอครับ” คิมหันต์เอ่ยถามออกมาท่ามกลางความเงียบ
“คงใช่มั้งคะ พริมไม่แน่ใจว่าอยู่ที่เดียวกันหรือเปล่า”
พริมาเอ่ยตอบออกมาอย่างปัด ทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้ความจริงอยู่แล้วว่าเธออยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับชายหนุ่ม
“อ๋อครับ เดี๋ยวยังไงก็คงได้เจอกันครับ ถ้าอยู่มหาลัยเดียวกัน” คิมหันต์เอ่ยออกมาก่อนลิฟท์จะเปิดออก ทำให้พริมาได้ก้าวเท้าหวังจะเดินไปที่ห้องพักทันที แต่เมื่อเห็นว่าคิมหันต์เดินตามเธอมาเธอก็ต้องตกใจไม่น้อย ยังไม่ทันเอ่ยถามอะไรคิมหันต์ได้แตะคีย์การ์ดลงตรงห้องข้างห้องของเธอ
“บังเอิญจังเลยนะครับ อย่าลืมลงงานนะครับคืนนี้ คนรออ่านใจจะขาด คุณขุนศึกซู่ซ่า” คำพูดของคิมหันต์ทำให้พริมายืนนิ่งสตั้นไปชนิดที่เรียกว่าทำอะไรไม่ถูกเลยก็ว่าได้