กริ๊งๆ ๆ เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นรอบที่สามแล้ว ที่หญิงสาวบนที่นอนกดปิดแล้วนอนต่อ หว่านหนิงเธอคงลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้เธอมีงานเปิดตัวเสื้อผ้า
ปัง ปัง เสียงทุบประตูห้องพร้อมตะโกนเรียกชื่อของเธอเสียงดังลั่นไปทั่วบ้าน “หนิงหนิง หนิงหนิง ตื่นหรือยัง ลูกจะไปไม่ทันงานเอานะ” แม่ของหว่านหนิงร้องเรียกอยู่ที่หน้าห้อง
“ห๊า” เธอลุกพรวดขึ้นมาหยิบนาฬิกาข้างหัวเตียงขึ้นมาดู
“ตายแล้ว จะทันไหมเนี่ย ตื่นแล้วค่ะแม่” เธอร้องตะโกนบอกผู้เป็นแม่ พร้อมทั้งพุ่งตัวเข้าไปล้างตาล้างตาทันที
ต้องบอกเลยว่า เธอไม่ได้อาบน้ำ ถ้าอาบคงไม่ทันแน่ ๆ ไหนจะการจราจรที่ติดขัด และเธอยังต้องไปดูนางแบบใส่ชุดก่อนจะเดินโชว์อีก
หว่านหนิงแต่งตัวเสร็จ เธอหยิบกระเป๋าได้ก็พุ่งตัวออกจากห้องวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ลืมที่จะคว้าขนมปังมากัดไว้ที่ปากและแก้วกาแฟที่ผู้เป็นแม่เตรียมไว้ให้ขึ้นไปบนรถด้วย
“ขับรถดีๆ นะลูก” เธอร้องตะโกนบอกลูกสาว เมื่อเห็นว่าหว่านหนิงโบกมือให้อย่างกระตือรือร้นก็อดที่จะส่ายหัวไม่ได้
นิสัยที่นอนตื่นสายของเธอ เมื่อไหร่ถึงจะแก้ได้เสียที
หว่านหนิง เกิดในครอบครัวที่มีแต่ช่างปักผ้า ครอบครัวของเธอสืบทอดวิธีการปักโบราณมาได้หลายร้อยปีแล้ว ทั้งยังมีชื่อเสียงในเมืองจีนอยู่ไม่น้อย เธอจึงซึมซับทั้งวิธีการปักและการออกแบบมาตั้งแต่เล็ก เมื่อโตขึ้นเธอจึงเลือกที่จะเรียนศิลปกรรมศาสตร์ การออกแบบเครื่องแต่งกาย
ผลงานสร้างชื่อของเธอ คงเป็นเสื้อผ้าที่นำเอกลักษณ์การปักลายโบราณเข้ามาผสมผสานกับยุคใหม่ได้อย่างลงตัว จนทำให้มีบริษัทชั้นนำเชิญตัวไปรวมงานด้วยหลายแห่ง
หว่านหนิงที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการแฟชั่นมาหลายปีก็เลือกที่จะเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง วันนี้เป็นงานเปิดตัวสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ในปีนี้ของเธอ จึงไม่สมควรที่จะไปสายอย่างยิ่ง
“อาเยว่ ฉันใกล้ถึงแล้ว เธอให้นางแบบใส่ชุดไว้ได้เลย” หากจะมีงานแก้ เมื่อไปถึงเธอจะได้ลงมือแก้ไขได้ทัน
“ทุกคนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอไม่ต้องรีบมากก็ได้ ฉันเป็นห่วง”เสียงอาเยว่ปลายสายรีบบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวว่าหว่านหนิงจะเกิดอุบัติเหตุได้
“ขอบใจเธอมาก” หว่านหนิงตัดสายไป หากเธอไม่ได้อาเยว่มาคอยเป็นผู้ช่วยก็ไม่รู้ว่าตัวเธอเพียงผู้เดียวจะตั้งบริษัทขึ้นมาได้ไหม
หว่านหลินมาถึงสถานที่จัดงาน เธอรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปที่ห้องแต่งตัวของนางแบบทันที เมื่อเข้าไปด้านในก็พบว่าเป็นอย่างที่อาเยว่เธอบอกไว้ นางแบบแต่งตัวพร้อมเรียบร้อยแล้ว
งานแก้ก็ไม่ได้มีมากมายอย่างที่คิด เพียงเย็บช่วงเอวเก็บรายละเอียดความยาวชุดให้เข้าที่ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมกับการเดินโชว์
“คุณหว่านหนิงคะ นักข่าวขอสัมภาษณ์คุณก่อนงานจะเริ่มค่ะ” ลูกน้องของเธอเดินเข้ามาตามเธอ
“ได้ค่ะ ไปอาเยว่” เธอเข้าไปคล่องแขนเพื่อนสาวก่อนจะเดินออกไปส่วนด้านหน้าของงาน
การสัมภาษณ์ พูดถึงผลงานของเธอในวันนี้ ทั้งเรื่องแรงบันดาลใจที่ได้รับ ชุดที่เป็นตัวเอกของงาน เกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านในยุคโบราณ
งานปักที่บรรจงทำมานานหลายเดือน ทุกรายละเอียดที่ออกมาบนเสื้อผ้าดูสมจริง ราวกับผู้คนบนผืนผ้ามีชีวิต และกำลังเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตของพวกเขาบทผืนผ้าที่หว่านหนิงเธอถักทอ
ผู้คนที่อยู่ในนาข้าวช่วยกันเก็บเกี่ยวผลผลิต ทั้งป่าเขา แม่น้ำ แม้แต่สายลมและแสงแดด ทำให้ผู้คนที่เข้าร่วมงานในวันนี้ต่างประทับใจ และเป็นที่พูดถึงบนโซเซียลมีเดีย
“ขอบคุณทุกคนมากค่ะ วันนี้ฉันเลี้ยงเอง” หว่านหนิงบอกกับทีมงานทุกคนที่ช่วยงานเธอในวันนี้
เธอพาทีมงานทุกคนมากินฉลองที่ห้องอาหารภายในโรงแรมที่จัดการ ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม คาราโอเกะ หว่านหนิงเลี้ยงอย่างใจกว้าง
เกือบห้าทุ่มกว่างานเลี้ยงจะเลิก เธอที่ดื่มเข้าไปไม่น้อยก็เริ่มจะเดินทรงตัวไม่ค่อยจะอยู่แล้ว
“หนิงหนิง เธอกลับได้แน่นะ” อาเยว่มองเพื่อนสาวอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วง ฉันเรียกรถมารับ เธอวางใจได้” หว่านหนิงโบกมือไล่ให้อาเยว่รีบกลับไปพร้อมแฟนหนุ่มของเธอ
“เห้อ ปีหน้าอาเยว่ก็จะแต่งแล้ว แล้วฉันล่ะ สวรรค์ไม่เห็นท่านจะส่งเนื้อคู่มาให้ฉันเลย” เธอเงยหน้าชี้ขึ้นไปบนฟ้าแล้วต่อว่าออกมาเสียงดัง
ปี๊ดดดดดด เสียงบีบแตรรถที่ลากยาว ทำให้หว่านหนิงที่กำลังต่อว่าเทพชะตาอยู่หันไปมองอย่างตกใจ
เธอเห็นเพียงแสงไฟหน้ารถที่สว่างจนแสบตาส่องมาทางเธอเท่านั้น “กรี๊ดดดดด” เสียงกรีดร้องของหว่านหลินดังเพียงแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น
เธอที่เดินเซไปอยู่ทางเดินรถ หันมาอีกทีก็ไม่อาจจะหลบรถที่พุ่งมาด้วยความเร็วได้ทันแล้ว ร่างของหว่านหนิงที่ถูกรถชนด้วยความแรงตกลงมากระแทกพื้น
เธอหมดสติไปแทบจะในทันที เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคงเป็นเสียงกรีดร้องเรียกชื่อเธอของอาเยว่ ที่เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี
“กรี๊ดดด หนิงหนิง”