ตั้งแต่วันนั้นเวลาก็ล่วงเลยผ่านเข้าอาทิตย์ที่สอง เจินเจอหน้าเฮียเสือแทบนับครั้งได้ ส่วนเธอก็ทำได้แค่ตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดี
ส่วนใหญ่เขาไปดูงานที่ไร่ในตอนกลางวัน พอตกกลางคืนก็ออกไปดื่มเหล้า กว่าจะกลับก็ดึกดื่นแล้วหมกตัวอยู่ชั้นสอง
คุยกันยังแทบนับประโยคได้เลย
อาการอกหักของเฮียเสือไม่ดีขึ้นเลยสินะ
ช่วงพักกลางวันของบริษัทสุรารักษ์ เจินรีบเดินจ้ำอ้าวไปรับถาดอาหารด้วยความหิวโหยทันที
กับข้าวฝีมือป้าจันทน์อร่อยแบบอยากให้โลกรู้
“ป้าจันทน์วันนี้ทำพะโล้เหรอจ้ะ” เจินชะเง้อหน้ามองพะโล้ในหม้อใบใหญ่ ส่งกลิ่นหอมฉุยคละคลุ้งไปทั่วโรงอาหาร
“ใช่จ้ะหนูเจิน มาเดี๋ยวป้าตักใส่ข้าวให้”
“ขอบคุณนะจ้ะ ฝีมือป้าจันทร์โคตรอร่อยเลย ทำถึงเกิน”
เธอว่าแล้วชูนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้ ก่อนจะรับถาดที่เติมไข่พะโล้กับเนื้อหมูสามชั้น รวมถึงของหวานอย่างบัวลอยไข่หวานมาใส่ไว้ในถาดหลุม
คนของไร่สุรารักษ์อิ่มหมีพลีมันกันทุกคน
พอถึงเวลาพักกลางวันคนงานในไร่ รวมถึงพนักงานออฟฟิศจะพากันมารวมตัวที่โรงอาหาร แต่เจินไม่เคยเห็นเฮียเสือโผล่มากินข้าวที่นี่เลยสักครั้ง
“ปกติเฮียเสือจะอยู่ส่วนไหนของไร่เหรอจ้ะป้า”
“ปกติก็เดินตรวจงานในไร่นะลูก”
ที่ผ่านมาเจินพยายามไม่ก้าวก่ายเรื่องของเขา แต่พอเห็นอาการอกหักยังเป็นหนักกว่าทุกที มันก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี
“บางวันช่วงเย็นก็มานั่งกินเหล้ากับพวกคนงาน แต่ส่วนใหญ่ป้าเห็นจะไปอยู่โฮมสเตย์ท้ายไร่มากกว่า”
“ทำตัวเป็นเด็กหัดรักไปได้”
“พอผิดหวังกับรักครั้งนั้น พ่อเลี้ยงก็เก็บตัวมากเลย”
ป้าจันทน์ทำหน้าเศร้าใจ อดนึกสงสารพ่อเลี้ยงเสือไม่ได้ที่ถูกหญิงคนรักนอกใจ ทั้งที่ใกล้จะถึงเดือนแต่งงานกันแล้วด้วยซ้ำ แต่กลับเจอเหตุการณ์สะเทือนใจเสียก่อน
นับตั้งแต่วันนั้นพ่อเลี้ยงเสือก็เปลี่ยนไป
“บางคนเอาลูกสาวมาเสนอถึงที่ ก็โดนพ่อเลี้ยงเสือไล่ตะเพิดกลับบ้านไปหมด” ป้าจันทน์เริ่มร่ายยาวเสียงอ่อน
“สงสัยจะคีพคาแรคเตอร์พ่อเลี้ยงหน้าโหดอยู่จ้ะป้า”
“พ่อเลี้ยงแกน่าสงสารนะหนูเจิน”
เจินหลุบตาลงมองพื้น พลางพยักหน้ารับเห็นด้วย
“คบกับแฟนมาเป็นสิบปีเชียวนะ จะแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่ดันมาจับได้ว่าโดนนอกใจเสียก่อน ป้าล่ะใจหายแทนเลย”
หัวใจดวงน้องของเจินหล่นวูบ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อน มันยังทำให้เธอรู้สึกชาวาบที่กลางอกอยู่เลย
การที่เห็นเฮียเสือแตกสลายต่อหน้าต่อตา
ความรู้สึกของเธอก็พังย่อยยับไม่มีชิ้นดีเช่นกัน
“เจินขอถามป้าจันทน์อย่างนึงได้มั้ยคะ”
“ถามอะไรล่ะลูก”
“ถ้าแฟนป้านอกใจ ป้าจะให้อภัยเขาหรือเปล่า”
ช่วงนี้ยังไม่มีคนลงมา เธอเลยถือโอกาสพูดคุย รุ่นพี่บางคนก็ขับรถเข้าไปหาอะไรทานในตัวเมือง มีแค่เจินที่ติดใจฝีมือป้าจันทน์จนเฝ้ารอให้เวลาพักเที่ยงมาถึงทุกวัน
“สำหรับป้าไม่มีทางให้อภัยเด็ดขาดลูก สันดานชั่วจะเก็บไว้ข้างตัวเราทำไม ป้ามันก็สวยเลือกได้เหมือนกัน”
หญิงวัยห้าสิบเอ่ยด้วยท่าทีหยอกเย้า ตามประสาคนอารมณ์ดีที่พลอยทำให้เจินคลายความเครียดลงได้บ้าง
“แต่ตานพแกดันรักเมียแบบป้าด้วยสิ ทำไงดีล่ะลูก” ป้าจันทน์แกว่าแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง
“อะไรเนี่ย ป้าจันทน์กำลังอวดสามีเหรอจ้ะ”
“หนูก็รีบหาสามีแล้วมาอวดแข่งกับป้าสิ”
สิ้นประโยคนั้นเจินก็ถึงกับพูดไม่ออก ก่อนทั้งคู่จะพากันชวนคุยแต่เรื่องตลกขบขัน ชนิดที่ช่องว่างระหว่างวัยแทบไม่มีผลกับทั้งคู่เลย
ป่านนี้เจ้าของไร่สุรารักษ์จะทำอะไรอยู่กันนะ..
เมื่อถึงเวลาหลังเลิกงานช่วงเย็น เจินก็เก็บของออกจากออฟฟิศ เดินเท้าผ่านไร่องุ่นเป็นแนวทอดยาว เพื่อตรงไปยังโฮมสเตย์ท้ายไร่
ดวงอาทิตย์ทอแสงสีส้มปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า แสงของวันเริ่มใกล้จะหมดลงเต็มที บรรยากาศยามเย็นแบบนี้เหมาะแก่การเดินทอดน่องแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก
ที่จริงก็คิดมากแหละ แค่หลอกตัวเองว่าไม่ได้คิด
เธอใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง กว่าจะเดินมาถึงโฮมสเตย์ท้ายไร่ ที่ดูเหมือนจะตัดขาดจากโลกภายนอก
บรรยากาศของป่าไม้ให้ความร่มรื่น ทิวเขารายล้อมก็ให้ความเป็นส่วนตัว เงียบจนคล้ายว่าจะได้ยินเสียงความคิดในหัวของตัวเอง
“เฮียเสือ” เจินคลี่ยิ้มกว้าง เมื่อเห็นร่างสูงเดินออกมาจากโฮมสเตย์ สีหน้าหงุดหงิดงุ่นง่านเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน
“มาทำอะไร”
“เจินมาหาเฮียไงคะ”
ว่าแล้วเธอก็เดินขึ้นบันไดไปยืนตรงหน้าเขา ก่อนจะถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วถือวิสาสะเข้าไปสำรวจข้างใน
“ไม่คิดจะมีมารยาทหน่อยเหรอ เจ้าของเขายังไม่อนุญาตให้เข้าด้วยซ้ำ” คนอายุมากกว่าทำเสียงดุ เหมือนไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัว
“เดี๋ยวเจินทำอะไรให้กิน เฮียนั่งรอเจินหน่อยนะ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวจะออกไปกินเหล้ากับพวกลุงคราม”
คนตัวเล็กถูกรั้งแขนไว้ ทำให้หันกลับมาประจันหน้ากับเขา
“กินแต่เหล้าไม่กลัวตับแข็งตายก่อนเหรอคะ” เจินสบสายตาคู่คมไม่ละไปไหน แต่ก็มีแค่ความเฉยชาตอบกลับมา
“ก็ยังไม่เห็นตาย”
“แล้วอยากตายนักหรือไง”
ร่างสูงช้อนสายตามองหญิงสาวอย่างไม่สบอารมณ์ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น จนเจินอดไม่ได้ที่จะพูดจาทำร้ายจิตใจเพื่อดึงสติอีกฝ่าย
“ดูสภาพตัวเองหน่อยเถอะ”
“อะไรของเธอ”
“หนวดเคราก็ไม่คิดจะโกน ผมตัดครั้งล่าสุดเมื่อไหร่คะ”
พออกหักเฮียเสือก็ปล่อยตัวไม่โกนหนวดเครา ผมเผ้ายาวปรกต้นคอจนต้องใช้หนังยางรัดแกงมัดผม
อันที่จริงเธอสังเกตเห็นตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้ว แต่แค่คิดว่าเขาทำงานจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง พอได้เอาตัวเข้ามาคลุกคลีด้วยถึงได้รู้
ว่าเขาไม่คิดจะใส่ใจดูแลเลยต่างหาก..
“คนงานในไร่ต้องการพี่ ลูกน้องอีกกี่ชีวิตที่พี่ต้องแบกรับดูแลไว้ แต่ชีวิตตัวเองยังรับผิดชอบไม่ไหวเลย”
“เจิน”
“เจินพูดจริง”
ร่างบางที่โต้เถียงด้วยความจริง ไม่คิดจะเอ่ยปากขอโทษออกไป แม้จะรู้ดีว่าเผลอล้ำเส้นชีวิตของอีกฝ่ายเข้าให้แล้ว
เจ้าของใบหน้าคมคายขบกรามกรอด เหมือนมีรังสีอำมหิตแผ่กระจายอยู่รอบตัว จนเจินหน้าถอดสีเป็นไก่ต้มทันที
ดูก็รู้ว่าเฮียเสือกำลังโกรธ..
“คนที่ชีวิตไปต่อไม่รอด มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนคนอื่นวะ”
“เฮียเสือ”
“ไปทำชีวิตตัวเองให้ดีเถอะว่ะ”
คนโตกว่าใช้คำพูดดูแคลนกันเพื่อเอาชนะ ทว่าก็ต้องรู้สึกผิดทันทีที่เจินน้ำตาคลอเบ้า ก่อนเธอจะหันไปเก็บขวดเหล้าที่กองบนพื้นมารวมกัน เสื้อผ้าที่พาดบนโซฟามาพาดบนแขนไว้
“แล้วจะทำอะไร”
“เดี๋ยวเจินช่วยเก็บบ้านให้”
“ไม่ต้อง กลับไปได้แล้ว”
เธอแสร้งทำหูทวนลม หยิบเสื้อผ้าบนพื้นไปใส่ตะกร้า ก่อนจะเอาขวดเหล้ากองไว้บนโต๊ะแล้ววิ่งหาถุงดำมาเก็บอีก
เฮียเสือยกมือขึ้นนวดขมับ เพิ่งปากหมาจนรู้สึกผิด แต่ก็เป็นพวกขอโทษก่อนไม่เป็นอีก
อีโก้สูงเฉียดฟ้าเหลือเกิน
“ไม่รับสมัครแม่บ้านไว้ดูแลโฮมสเตย์เหรอเฮีย” เจินชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบ พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่น
“โฮมสเตย์หลังแค่นี้ทำเองไม่ตายหรอก”
“งั้นรับสมัครตำแหน่งเมียไว้คอยดูแลเฮียเสือมั้ยคะ”
คนตัวเล็กแสดงทีท่าซุกซน แต่แววตากลับหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด เธอยู่ริมฝีปากเข้าหากัน แสร้งว่าคำพูดของเขาไม่ได้ทำร้ายความรู้สึกอะไร
ความจริงก็แบบนี้แหละ..
เวลามันจริงมากเกินไปก็ไม่อยากยอมรับมัน
“แก่ปูนนี้แล้วไม่คิดจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนหรือไง”
“ใครแก่”
“นั่นสิ ใครแก่คะ”
คนเด็กกว่าแสร้งลอยหน้าลอยตา ทั้งที่เพิ่งเหน็บอีกฝ่ายไป
เจ้าของไหล่กว้างถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินไปกระชากถุงดำในมือของอีกฝ่ายออกอย่างไม่สบอารมณ์
ปล่อยเขาไว้คนเดียวแหละดีแล้ว
หมาบ้าอย่างเขาใครมันจะอยากมาเข้าใกล้
“บอกให้กลับไป แล้วอย่ามาที่นี่อีก”
“เฮียจะปิดกั้นตัวเองไปถึงเมื่อไหร่คะ”
เจินกระชากถุงดำกลับมาถือไว้ สบสายตาคู่คมด้วยม่านตาที่สั่นไหวไปมา ถึงกระนั้นก็ยังควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ
ต่อให้อยากร้องไห้ก็จะกลั้นมันเอาไว้..
“เฮียอาจจะมองข้ามความรู้สึกหรือความเจ็บปวดของเจินไปได้ แต่เจินมองข้ามความเจ็บปวดของเฮียเสือไม่ได้”
“.....”
“เพราะงั้นให้เจินช่วยเหลือเฮียบ้างนะ”