ตอนที่ 4
ธีร์ธวัชรับรู้ได้ถึงความยากลำบากที่เธอต้องเผชิญในชีวิต แต่แทนที่จะรู้สึกเห็นใจเพียงอย่างเดียว เขากลับรู้สึกประทับใจในความเข้มแข็งของเธอมากยิ่งขึ้น เขาคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แค่สวย แต่ยังเข้มแข็งและมีความรับผิดชอบ นี่แหละ...ผู้หญิงคนที่เขาตามหามานาน รอยยิ้มมุมปากของเขากว้างขึ้นอย่างมีความหมาย เขารู้สึกได้ว่าโชคชะตานำพาให้เขามาพบเธอ คงไม่ใช่แค่การมาซื้อภาพวาดเพียงอย่างเดียว ธีร์ธวัชจึงไม่รอช้า เขารีบยื่นข้อเสนอกับเธอทันที
“ถ้างั้นก็แสดงว่า วันจันทร์ถึงวันศุกร์ น้องรัญชน์ก็ว่างสิครับ”
ยังไม่ทันได้ตอบ...สีหน้าของรัญชน์รวีก็พลันซีดลงอย่างกะทันหัน เด็กสาวกุมท้องแล้วขมวดคิ้วแน่นด้วยความเจ็บปวด ดวงตากลมโตหรี่ลงเล็กน้อยราวกับพยายามอดกลั้นบางอย่าง
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ...น้องรัญชน์!!!” ธีร์ธวัชเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่ธีร์คะ!!! เดี๋ยวรัญชน์มานะคะ...ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แววตาของเขาฉายแววกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการของเธอ
“ตามสบายครับ งั้นเดี๋ยวพี่จะเฝ้าของให้เอง” ธีร์ธวัชรีบเสนอตัวทันที และพักเรื่องการยื่นข้อเสนอเอาไว้ก่อน
รัญชน์รวีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สายตาเหลือบมองถุงกระดาษและภาพวาดในนั้นที่จะนำมาให้เขา แต่ด้วยความปวดท้องที่เริ่มรุนแรงขึ้นจนแทบยืนไม่ไหว เธอจึงตัดสินใจรีบเดินไปห้องน้ำอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ธีร์ธวัชมองตามหลังไปจนร่างบอบบางเดินหายไปจากสายตา ก่อนจะหันกลับมามองภาพวาดบนแผง เขายิ้มเล็กน้อยเมื่อความคิดเจ้าเล่ห์บางอย่างแล่นเข้ามาในสมอง เขาหยิบภาพวาดทั้งหมดขึ้นมาอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่วราวกับเป็นมืออาชีพ แล้วนำไปเก็บไว้ที่ท้ายรถยนต์ของเขาอย่างเงียบเชียบ จากนั้นจึงเดินไปที่ตู้เอทีเอ็มใกล้ๆ กดเงินสดออกมาจำนวนหนึ่ง พร้อมกับรอยยิ้มพึงพอใจ
เมื่อรัญชน์รวีเดินกลับมา ใบหน้าของเธอยังคงซีดเผือด แม้จะพยายามปั้นยิ้มบางๆ แต่ก็ไม่อาจปกปิดความอ่อนล้าได้ ธีร์ธวัชที่นั่งคอยอยู่พอเห็นเธอเดินเข้ามา เขาก็ยื่นธนบัตรในมือให้
“นี่ิเงินค่ารูปครับน้องรัญชน์ พอดีมีลูกค้า....เค้าเหมาภาพวาดไปหมดเลย” ธีร์ธวัชเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พยายามเก็บซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เอาไว้ในใจอย่างเต็มที่ เขาอยากช่วยเหลือเธอ แต่ไม่กล้าบอกกับเธอตรง ๆ
รัญชน์รวีเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ ดวงตาของเธอฉายแววไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เธอไม่คิดว่าจะมีใครมาซื้อภาพไปหมดในเวลาอันสั้นเช่นนี้
“จริงเหรอคะ!” เธอแกล้งอุทานเสียงหลง ดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับ จ้องจับผิดราวกับกำลังรอให้เขาพลาดท่า ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อไป
“แต่นั่นมีภาพวาดที่รัญชน์วาดให้พี่ธีร์ด้วยนะคะ” เธอรีบบอกอย่างจงใจ พร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย รอสังเกตปฏิกิริยาของเขาอย่างสนุกสนาน เพื่อดูว่าชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันจะแสดงอาการประหลาดใจหรือมีพิรุธใดๆ หรือไม่
“น้องรัญชน์ดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ หน้าซีดหมดแล้ว ปวดท้องยังไม่หายเหรอครับ” ธีร์ธวัชชวนเปลี่ยนเรื่องและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงอย่างจริงใจ เขารู้ดีว่าภาพวาดของเธอที่จะนำมาให้เขามันอยู่ในซองกระดาษบนโต๊ะต่างหาก ดวงตาคมกริบของเขาสอดส่องพิจารณาใบหน้าซีดเซียวของเธออย่างละเอียด
“พอดีรัญชน์ท้องเสียนิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงแผ่ว
“พี่ว่าน้องรัญชน์ควรไปให้หมอตรวจสักหน่อยดีกว่านะครับ ท้องเสียแบบนี้อย่ามองข้ามนะครับ” ธีร์ธวัชไม่ละความพยายาม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ไม่อาจปิดบังได้
รัญชน์รวีส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ คงแค่ท้องเสียธรรมดา เดี๋ยวก็หาย” เธอพยายามบอกปัด แต่สีหน้าก็ยังคงซีดเผือด
“พี่ว่า...น้องรัญชน์ควรจะห่วงสุขภาพตัวเองก่อนนะครับ ถึงอยู่ก็ไม่มีลูกค้าอยู่ดี เพราะรูปวาดถูกขายไปหมดแล้ว” ธีร์ธวัชพูดย้ำเชิงบังคับ เขาตั้งใจจะหาข้ออ้างพาเธอไปโรงพยาบาลให้ได้
รัญชน์มองปึกธนบัตรในมือเธอ แล้วเหลือบมองแผงที่ว่างเปล่าพร้อมกับซองกระดาษ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าธีร์ธวัชด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้ทัน
“รัญชน์รู้นะคะว่า...เป็นฝีมือของพี่ธีร์” เธอเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่แฝงความเหนื่อยอ่อน
“พี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะครับ มีคนมาขอซื้อภาพวาดจริงๆ” ธีร์ธวัชแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่แววตาเจ้าเล่ห์ของเขากลับเผยพิรุธออกมา
“แล้วพี่ธีร์รู้ได้ไงคะ ว่าราคารูปวาดพวกนั้นราคาเท่าไหร่” รัญชน์ย้อนถามด้วยรอยยิ้มมุมปาก
คำถามของเธอทำให้ธีร์ธวัชถึงกับนิ่งไปพักใหญ่ เขาตั้งใจจะช่วยเธอจริง ๆ แต่กลับลืมคิดถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี้ไป ก่อนจะรีบพูดแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“ก็เขาเหมานี่ครับ ห้ารูปเขาให้พี่ไว้ 3,000 บาท แต่ถ้าราคามันเกินพี่ยอมจ่ายเพิ่มให้เองครับ” เขาตอบพลางคิดเลขในใจอย่างรวดเร็ว
“ยอมรับมาเถอะค่ะ...ไม่งั้นรัญชน์จะไม่พูดด้วยอีกเลย” หญิงสาวยื่นคำขาด
“ถ้างั้นน้องรัญชน์ไปโรงพยาบาลกับพี่ก่อนสิ” ธีร์ธวัชเปลี่ยนเรื่องทันที และใช้โอกาสนี้ต่อรองกับเธอ รัญชน์รวีขำกับท่าทีของเขา
“ถ้าน้องรัญชน์ไม่ไป พี่ก็ไม่บอก” เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาจริงจังและห่วงใย จนรัญชน์รู้สึกได้ถึงความปรารถนาดีของเขา เธอเห็นว่าเขาน่าไว้ใจ และอีกอย่าง เธอก็ตั้งใจจะไปโรงพยาบาลอยู่แล้วเพื่อดูอาการของคุณแม่อยู่จึงตอบตกลง