“ค่ำแล้วคุณหนูจะไปไหนคะนั่น?” แม่นมจันทร์วาดเอ่ยถามจิรภัทร เขาแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนสีเข้ม กลิ่นน้ำหอมคละคลุ้งมาแต่ไกลเป็นเรื่องปกติ แม้จะอยู่ในชุดเสื้อผ้าแสนธรรมดา แต่ก็ไม่ทำให้ความหล่อเหลาที่มีอยู่ลดน้อยถอยลงไปได้เลย
“ผมนัดเพื่อนไว้ครับนม วันนี้วันเกิดเขาเลยจะไปเลี้ยงฉลองให้เขาหน่อยครับ”
“แล้วไม่ชวนคุณณิเธอไปด้วยเหรอคะ?”
“ทำไมผมต้องชวนล่ะครับ นมก็เห็นว่าเขาไม่ได้อยู่ที่บ้าน ค่ำมืดขนาดนี้ออกไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
“คุณหนูมีปัญหากับคุณณิเหรอคะ?”
“เขามาฟ้องอะไรนมเหรอครับ เรื่องของผัวเมียทำไมต้องเอามาพูดให้คนอื่นเครียดตามด้วยผมไม่เข้าใจ”
“ก็คุณณิเธอไม่มีที่ปรับทุกข์นี่คะ แล้วจริงหรือเปล่าที่ว่าคุณหนูขอหย่ากับคุณณิ?”
ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พร้อมกับพยักหน้ารับอย่างไม่ปฏิเสธสักนิด
“ถึงขั้นหย่าเลยเหรอคุณหนู คุณณิเธอทำอะไรไม่ดีหรือเปล่าคะ?”
ร่างสูงของจิรภัทรยืนกอดอก ทำหน้าเซ็งเมื่อโดนซักไซ้จนทำให้รู้สึกอารมณ์เสีย ณิชาวีร์นี่ก็ไม่รู้อะไรชอบไปเล่าบอกให้นมจันทร์วาดฟังตลอด จนทุกวันนี้เขากลายเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องในสายตาของนมจันทร์วาดไปเสียแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้าแทบจะเรียกได้ว่าเป็นลูกรักของแม่นมเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้น่ะเหรออย่าให้พูดเลยแทบจะหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่แล้ว
“อย่าหาว่านมสอนเลยนะคะคุณหนู นมไม่คิดว่าจะมีใครเหมาะสม คู่ควรกับคุณหนูของนมเท่ากับคุณณิเธออีกแล้วล่ะคะ”
“ณิชาวีร์ลูกรักนี่ครับ นมจะมองเธอแบบนั้นก็ไม่แปลกหรอก ผมขอตัวก่อนนะครับนม เลทมาครึ่งชั่วโมงแล้วเดี๋ยวเพื่อนผมจะรอนาน”
“ถ้าเมาก็อย่าขับนะคุณหนู มันอันตรายนมเป็นห่วง”
“ครับนม บอกเด็กในบ้านเข้านอนไปก่อนเลยนะครับ ผมยังไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน”
ขาสูงยาวก้าวเดินออกจากประตูบ้านเพื่อตรงไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ ก่อนที่จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์พุ่งทะยานออกไปจากบ้าน
แม่นมได้แต่ยืนชะเง้อคอมองรู้สึกเป็นห่วงยิ่งนัก พักหลังมานี้ไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้านให้เห็นหน้าเห็นตาบ่อยเหมือนเมื่อก่อน นางเลี้ยงดูของนางมาตั้งแต่ตกออกจากท้องแม่ นางจึงรักและห่วงใยจิรภัทรเหมือนลูกชายแท้ ๆ คนหนึ่ง
@ร้านอาหาร
“ทางนี้ค่ะคุณภัทร”
ณัฐนิชาโบกมือเรียก เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมาตามนัดอย่างที่บอกเอาไว้ ใบหน้าสวยที่ผ่านมีดหมอมาจนนับครั้งไม่ถ้วน ฉีกยิ้มกว้างส่งให้อย่างดีใจออกนอกหน้า
วันนี้วันเกิดครบรอบยี่สิบเจ็ดปีของเธอและคิดว่าจิรภัทรอาจจะลืมไปเสียแล้ว แต่เมื่อตอนสายของวันนี้เขากลับโทรมาอวยพรพร้อมกับนัดออกมาเลี้ยงฉลองวันเกิดด้วยกันซะงั้น ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลยว่าเธอยังคงเป็นคนสำคัญสำหรับเขาอยู่
“มารอนานแล้วเหรอครับ ขอโทษทีผมมาช้า” เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่ว่างเปล่าถูกแทนที่ด้วยชายหนุ่มหล่อหน้าดี พร้อมกับริมฝีปากหนาที่ส่งยิ้มหวานทักทายกันอีกครั้ง
“นิชาเพิ่งจะมาถึงเหมือนกันค่ะ ยังนั่งไม่ถึงห้านาทีเลยด้วยซ้ำ”
“นิชาอยากทานอะไรเป็นพิเศษครับ?”
“อืม...ไม่รู้สิคะ ไม่ได้ทานอาหารญี่ปุ่นนานมากแล้ว คุณภัทรยังจำได้ด้วยเหรอคะว่านิชาชอบทานอาหารร้านนี้”
ถึงแม้บรรยากาศภายในร้านจะถูกรีโนเวทใหม่เกือบทั้งหมด ก็ยังคงมีหลายอย่างที่ยังถูกเก็บเอาไว้เป็นเศษซากความทรงจำ แต่ก่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย หลังเลิกเรียนเสร็จจิรภัทรมักจะขับรถไปรับและพามาทานอาหารร้านนี้แทบจะทุกอาทิตย์
“จำได้ทุกอย่างนั่นแหละครับ ไม่เคยลืมเลยสักครั้ง”
“แหม นิชาควรดีใจสินะคะ”
“ผมมีของขวัญมาให้ด้วยนะ”
ฝ่ามือหนารีบหยิบกล่องสีเหลี่ยมเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกง พร้อมกับยื่นส่งให้คนตรงหน้า
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ”
“จริง ๆ ไม่ต้องมีของขวัญให้ก็ได้นะคะ แค่ชวนออกมาเลี้ยงดินเนอร์ด้วยนิชาก็เกรงใจคนที่บ้านคุณจะแย่อยู่แล้ว”
“เฮ้อ...ผมอยู่กับนิชานะ อย่าพูดถึงคนอื่นจะได้ไหมครับ?”
สายตาคมอ้อนวอนร้องขอ แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเลยสักนิด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดเพราะภรรยาที่บ้านก็พูดคุยรู้เรื่องกันหมดแล้ว
“ไม่พูดก็ไม่พูดค่ะ นิชาขอเปิดดูของขวัญเลยนะคะ”
ก่อนจะลงมือแกะของขวัญออกอย่างตั้งใจ กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม หน้ากล่องประทับตราด้วยโลโก้ร้านเพชรขึ้นชื่อเอาไว้ ณัฐนิชาถึงกับจ้องมองหน้าจิรภัทรอีกครั้ง
“โห ไม่แพงไปหน่อยเหรอคะ นิชาเกรงใจคุณจะแย่ เกรงใจที่จะรับไว้ด้วยค่ะ”
“คิดเสียว่าผมให้ย้อนหลังรวบสี่ปีเลยก็ได้ครับ ผมตั้งใจเลือกมากเลยนะ หวังว่านิชาจะชอบ”
ณัฐนิชาเปิดกล่องของขวัญออก สร้อยรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวฝังเพชรอย่างสวยงาม หญิงสาวได้แต่ยิ้มรับ รู้สึกขอบคุณคนตรงหน้าที่เขามักจะให้ของขวัญราคาแพงแบบนี้แทบจะทุกโอกาส ตั้งแต่สมัยคบกันมาแล้ว
ถ้าหากวันนั้นเธอไม่ได้ไปเดินทางตามหาความฝัน ป่านนี้ทั้งเขาและเธอคงจะลงเอยด้วยการแต่งงานกันจนมีลูกโตหลายขวบแล้ว แต่อดีตก็คืออดีตที่เธอไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ทั้งนั้น เพราะปัจจุบันเขาคือผู้ชายที่มีครอบครัวไปแล้วเช่นกัน
“ชอบใช่ไหมครับ ดีใจที่นิชายังชอบกับของขวัญที่ผมมอบให้”
“รู้ใจนิชาดีกว่าใครก็เห็นจะเป็นคุณภัทรนี่ล่ะค่ะ”
“ขนาดว่าผมรู้ใจนิชามากขนาดนี้ คนที่นิชาเลือกก็ยังไม่ใช่ผมอยู่ดีนี่ครับ”
ใบหน้าหล่อดูเศร้าลงอีกครั้งเมื่อนึกถึง ห้าปีก่อนณัฐนิชาขอไปเดินตามหาความฝันที่ต่างประเทศ เธออยากเป็นนางแบบระดับอินเตอร์มาก เขาไม่ใช่ผู้ชายที่เห็นแก่ตัวกับอนาคตที่อีกคนวาดฝันอยากจะเป็น แต่ใครจะคาดคิดว่าระยะทางที่ห่างไกล จะทำให้เขาทั้งคู่ต้องมีจุดจบระหว่างความสัมพันธ์อย่างเช่นทุกวันนี้ได้
สุดท้ายแล้วณัฐนิชาตัดสินใจเข้าประตูวิวาห์ก่อนเขาเสียอีก ยังจำได้ดีตอนที่หญิงสาวโทรศัพท์มาขอยุติความสัมพันธ์ด้วย เขารู้สึกผิดหวัง รู้สึกเสียใจจนทำอะไรไม่ถูก โทษตัวเองซ้ำ ๆ ไม่น่าปล่อยให้เธอไปอยู่ไกลหูไกลตาเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้มานั่งเสียใจอย่างเช่นตอนนี้เป็นแน่
“ต่างคนก็ต่างมีครอบครัวไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ ทำไมคุณภัทรต้องทำหน้าแบบนี้ด้วยนะ เสียบรรยากาศดี ๆ หมดเลย”
“นิชากำลังจะเลิกกับเขาจริงหรือเปล่า?”
เป็นเพราะเรื่องนี้เขาจึงรู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวบอกกับเขาเมื่อสามเดือนที่แล้ว ตอนเริ่มติดต่อกลับมาหากันอีกหน เสียงร้องไห้ผ่านสายโทรศัพท์ยังดังก้องเต็มหูจนเขารู้สึกสงสารจนอยากทะลุหน้าจอไปช่วยเธอตอนนั้นเลย
“นิชากำลังจะกลับประเทศไทยแล้วค่ะคุณภัทร นิชาโดนมาร์คทำร้ายร่างกายมา นิชากำลังทำเรื่องฟ้องหย่ากับเขา”
ยอมรับเลยว่าเขารู้สึกโกรธผู้ชายคนนั้นมากจนมือไม้สั่น ณัฐนิชาบอบบางน่าถนุถนอมมากขนาดนี้ ผู้ชายคนนั้นกล้าทำร้ายร่างกายของเธอลงได้อย่างไรกันนะ
“จริงค่ะ แต่คงใช้เวลาอีกสักพัก นิชาไม่อยากอยู่กับมาร์คแล้ว เวลากินเหล้าเมามายมาเขาก็ชอบตบตีนิชา เวลานิชาไม่อยากมีอะไรด้วยเขาก็ชอบบังคับข่มขู่”
น้ำตาที่เอ่อล้นของหญิงสาว ยิ่งได้เห็นยิ่งรู้สึกสงสารมากจับหัวใจ
“โธ่...นิชา”
ฝ่ามือหนายื่นไปกอบกุมฝ่ามือเรียวเล็กไว้ให้กำลังใจอีกครั้ง เข้าใจและเห็นใจคนตรงหน้าเป็นอย่างมาก
“ทำยังไงได้ล่ะคะ ในเมื่อนิชาเลือกเองนี่นา”
“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย นิชาบอกผมได้ตลอดเลยนะครับ”
“ขอบคุณคุณภัทรมากนะคะ คุณภัทรยังดีกับนิชาเสมอเลย ทั้งที่นิชาทำไม่ดีกับคุณภัทรมาก่อน”
จีรภัทรยังคงมีรอยยิ้มที่อบอุ่นให้เสมอ เพราะเธอเป็นคนที่เขารักมากและทุกวันนี้ก็ยังคงเหลือเยื่อใยไว้ให้กับเธอคนนี้อยู่ไม่เสื่อมคลาย แทบจะลืมคิดไปเลยว่าตัวเองแต่งงานมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนไปแล้ว