ตอนที่ 9
ถ้ากลัวก็อย่าปากเก่ง
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ หนูอยู่คนเดียวจนชินแล้ว”
“มะปรางถ้าฉันพูดว่าจะไปก็คือไป เธอไม่มีสิทธิ์มาห้ามฉันหรอกนะ”
“ขอโทษค่ะ หนูน่าจะรู้ว่าหนูไม่มีสิทธิ์จะพูดหรือทำอะไรตามใจตัวเองเพราะคุณจ่ายเงินซื้อหนูมาแล้ว”
“รู้ตัวก็ดี งั้นก็ตามฉันมา” เมฆินทร์เดินนำชนัญชิดามาที่รถสปอร์ตคันหรูของเขาที่จอดอยู่ด้านนอกและดันเธอเข้าไปในที่นั่งฝั่งผู้โดยสารก่อนที่ตัวเองจะอ้อมมานั่งในตำแหน่งคนขับ ชนัญชิดาเริ่มรู้สึกกลัวมากขึ้นเมื่อรถเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ตลอดทางกลับคอนโด มีเพียงความเงียบและเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามก้องอยู่ในรถ ชนัญชิดารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษที่กำลังถูกนำตัวไปลงทัณฑ์ เธอรู้ว่าเมฆินทร์โกรธมาก และเธอไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับเธอ
เมื่อประตูห้องเปิดออก เมฆินทร์ก็เดินมาที่โซฟาและกระชากชนัญชิดาจนเธอเซล้มลงมานั่งข้างๆ หญิงสาวมองเมฆินทร์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับหนูแบบนี้นะ” หญิงสาวไม่พอใจที่เขาทำรุนแรงจึงพูดขึ้นอย่างไม่ทันคิด
“ไม่มีสิทธิ์เหรอ เธอคงลืมไปแล้วสินะว่าเธอมีสถานะอะไร”
ชนัญชิดาเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาแดงก่ำไปด้วยน้ำตาที่คลออยู่ เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีทางสู้เขาได้เลยในตอนนี้ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงค้างอยู่ในร่างกายและความรู้สึกคับแค้นใจที่อัดอั้นมานาน ทำให้เธอตัดสินใจพูดสิ่งที่เธอไม่เคยคิดจะพูดออกมา
“อยากให้หนูเป็นนางบำเรอมากนักใช่ไหมล่ะคะ ก็ทำซะสิ หนู จะได้หมดหนี้เร็วๆ คุณจะได้ไม่ต้องมาหึงหวงอะไรไร้สาระแบบนี้” ชนัญชิดาตะโกนเสียงดัง ความกลัวและอับอายเปลี่ยนเป็นความบ้าบิ่นที่ไปท้าทายเขาแบบนั้น
“ปากดีนี่แล้วอย่างอื่นจะดีด้วยไหมนะ”
คำพูดของชนัญชิดาเหมือนเชื้อไฟที่ราดลงบนกองอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในใจของเมฆินทร์ ความอดทนของเขาขาดสะบั้นลงในวินาทีนั้นเขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มไม่สนใจเสียงร้องห้ามของอีกต่อไป
แรงอารมณ์เข้าครอบงำจนยากจะควบคุมเขาอุ้มหญิงสาวขึ้นมาพาดบ่าแล้วเดินตรงไปยังห้องนอน ชนัญชิดาพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่ก็ไม่เป็นผล
“ปล่อยหนูนะคุณเมฆินทร์ ปล่อยหนู” เสียงร้องไห้ปะปนกับเสียงสะอื้นของชนัญชิดาดังก้องไปทั่วห้อง
เมฆินทร์โยนร่างเธอลงบนเตียงขนาดใหญ่ แล้วทาบทับลงมาบนตัวเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและอารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ชนัญชิดาพยายามขัดขืนอย่างเต็มที่ แต่เรี่ยวแรงของเธอก็สู้เขาไม่ได้เลย
“คุณอย่าทำอะไรหนูนะ หนูยังไม่พร้อม”
“เป็นเธอเองไม่ใช่เหรอที่ท้าทายฉันและบ่นว่าฉันไม่เคยมาหา”
“แต่หนูว่าผู้ชายอย่างคุณคงไม่ทำอะไรผู้หญิงที่เขาไม่เต็มใจหรอกใช่ไหม”
“ถ้าไม่เต็มใจคงไม่ยอมมาเป็นนางบำเรอฉันแต่แรกหรอกนะ” เมฆินทร์พูดเหยียด
“แต่คุณก็รู้ว่าทำไมหนูถึงยอม”
“ฉันไม่สนใจเหตุผลของเธอหรอกนะ คนอย่างฉันถ้าอยากได้ก็ต้องได้”
“คุณมันใช่ลูกผู้ชาย ขืนใจผู้หญิง คุณมันชั่ว คุณมันเลว” หญิงสาวตะโกนใส่หน้าและหวังว่าเขาจะโกรธและกลับออกไป
แต่มันตรงกันข้าม คำพูดของชนัญชิดาไม่ได้ทำให้เมฆินทร์หยุดยั้ง แต่กลับยิ่งทำให้เขาโมโหมากยิ่งขึ้น เขาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนต่อว่าอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อนยิ่งด่า ยิ่งขัดขืนเมฆินทร์ก็อยากเอาชนะ
“ฉันว่าเธอเก็บเสียงของเธอไว้ครางดีกว่านะเพราะคืนนี้ฉันจะใช้งานเธอให้คุ้มกับเงินที่จ่ายไป”
เมฆินทร์มองใบหน้าสวยที่แดงก่ำเพราะเจ้าตัวกำลังโมโหที่เขาดูถูก หญิงสาวหายใจเข้าออกอย่างแรงและนั้นก็ยิ่งทำให้หน้าอกที่โผล่พ้นชุดมันสะท้อนขึ้นลงตามไปด้วย
ท่าทางของเธอมันกระตุ้นความต้องการของเมฆินทร์ได้เป็นอย่างดี ดวงตาคมกริบมองเรือนร่างของหญิงสาวที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างพอใจ
เมฆินทร์เห็นแววตาที่หวาดกลัวแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้
“เมื่อกี้ปากดีแต่ทำไมตอนนี้เงียบแล้วล่ะ กลัวเหรอ”
เขารู้สึกว่าร่างกายของเธอกำลังสั่นและคิดว่าชนัญชิดากำลังเสแสร้ง ชายหนุ่มกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีสวย ชนัญชิดารีบยกมือขึ้นยันอกเขาไว้ เธอเบี่ยงใบหน้าหนีริมฝีปากร้อนผ่าวที่ไล่ต้อนจูบลงมาราวกับเธอเป็นของหวาน
“อย่าทำเหมือนไม่เคยไปหน่อยเลย ถ้าคืนนี้เธอทำถูกใจฉัน บางทีฉันอาจจะปล่อยเธอไปจากฉันเร็วกว่าที่คิดไว้”
ชนัญชิดานิ่งเมื่อคิดถึงอิสรภาพที่เขาจะมอบให้ ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงเธอจะต้องทำให้เขาพอใจแต่ในเมื่อไม่มีประสบการณ์ คืนนี้คงต้องตามน้ำไปก่อน จากนั้นเธอจะเรียนรู้เรื่องนี้ให้มากขึ้น หญิงสาวคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องยากอะไรในเมื่อในโลกนี้มีอินเทอร์เน็ต
เมฆินทร์เบียดร่างแข็งแรงให้เสียดสีกับร่างเย้ายวนด้านล่าง ชนัญชิดาหน้าแดงระเรื่อ เนื้อตัวสั่นสะท้านกับสัมผัสที่ไม่เคยพบเจอ และเมื่อสบตากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาก็ทำให้เธอแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ถึงเวลาที่ฉันจะหาความสุขจากเงินที่ฉันจ่ายแล้วนะมะปราง เธอก็อย่าทำเป็นไม่เคยหน่อยเลย”
เสียงทุ้มกระซิบก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าไปตวัดหยอกล้อกับซอกคอและติ่งหู ขบเม้มเบาๆ ทำให้ชนัญชิดาปั่นป่วนไปทั้งท้องน้อย ชายหนุ่มประกบปากจูบอีกครั้งส่งปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรง ปากนุ่ม เกี่ยวพันกับเรียวลิ้นเล็กอย่างหิวกระหาย ความหวานที่ได้รับยิ่งทำให้เมฆินทร์รู้สึกหลงใหล ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่กระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาให้ลุกโชนได้มากเท่านี้มาก่อน
ความรู้สึกต่อต้านในคราแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นความแปลกใหม่ชนัญชิดากำลังจะหมดแรงเพราะฤทธิ์จูบจากเขา
“อ่า...”
เมฆินทร์ครางอย่างพอใจกับการตอบสนองเงอะงะของ คนที่เขาคิดว่าเธอกำลังเสแสร้ง กายของเขารุ่มร้อนและจูบก็เริ่มร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กว่าเขาจะเขายอมผละออกจากปากอวบอิ่ม ชนัญชิดาก็แทบจะขาดอากาศหายใจ
ชายหนุ่มสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่น เขาไล้ปากและจมูกลงไปยังซอกคอระหง ยอมรับเลยว่ากลิ่นกายของเธอช่างหอมและเย้ายวนอย่างที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน
“อื้อคุณเมฆินทร์”
“เรียกฉันว่าเมฆ”
เขากระซิบบอกชื่อเล่นตัวเองที่ข้างหู ก่อนจะลากลิ้นไปตามลำคออีกครั้ง เขาทำราวกับว่ากำลังลากปลายลิ้นลงบนไอศกรีมรสโปรด นั่นก็ทำให้หญิงสาวร้องครางออกมาอย่างไม่อาจจะอดกลั้นได้
ร่างกายเย้ายวนเริ่มดิ้นพล่านกับการจู่โจมของคนมากประสบการณ์ หญิงสาวครางกระเส่าใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยพายุอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ฝ่ามือร้อนกุมอกอิ่มที่ไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน ชนัญชิดาทั้งเขินทั้งเสียวซ่านจนครองสติแทบไม่อยู่
“อื้อ...คุณเมฆ”
หญิงสาวอยากจะร้องขอให้เขาหยุดแต่ก็ช้าไปเมื่อตอนนี้เขาดึงชุดเธออย่างแรงจนมันขาดออกจากกันเผยให้เห็นความอวบอิ่มที่สะดุดตา
ชนัญชิดาสะท้านไปทั้งร่างเมื่อริมฝีปากของเขาไล่ลงมาต่ำยังเนินอกอิ่ม มือหนึ่งอ้อมไปด้านหลัง เขาปลดตะขอบราเซียร์ของเธอออกด้วยความชำนาญ
“เธอน่าจะชื่อส้มโอมากกว่ามะปรางนะ”
เมฆินทร์กระซิบแหบพร่าเขามองความอวบอิ่มอย่างหื่นกระหาย
ชายหนุ่มก้มไล้ปลายลิ้นร้อนไปบนความนุ่มหยุ่นแผ่วเบา เพียงแค่สัมผัสรอบๆ เม็ดเชอร์รี่ลูกสวยก็แข็งชูชันต้อนรับอย่างท้าทาย
“อื้อ.....คุณเมฆ”
เสียงหวานครางสะท้านเมื่อเจอทั้งปลายลิ้นของเขาหยอกเย้าลงบนทรวงอกอิ่มอย่างหนักหน่วง ความเสียวซ่านที่พุ่งพรวดเข้ามาโจมตีจนสั่นไปทั้งตัว
ชายหนุ่มกำลังสับสนเพราะเธอทำเหมือนไม่เคยถูกใครสัมผัสมาก่อน เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอเล็กน้อยจากนั้นก้มหน้าลงดูดกลืนเม็ดเชอร์รี่สีสวยเข้าปากสลับเปลี่ยนข้างไปมา