ตอนที่ 1 เธอมองเห็นฉันเหรอ

1438 Words
ตอนที่ 1 เธอมองเห็นฉันเหรอ ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ นอกเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้ป่านานาพรรณ สร้างความร่มเย็นให้แก่ผู้อยู่อาศัยอย่างคุณตาคุณยายวัยหกสิบปี ที่ในทุกเทศกาลจะตั้งหน้าตั้งตารอลูกหลานมาเยี่ยมเยียนทุกครั้งตามประสาวัยชรา และปีนี้ก็เช่นกัน เมื่อถึงวันที่30ตุลาคม บรรดาลูกหลานก็จะเดินทางมาพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาล ฮาโลวีน 'โซย่า' นี่คือชื่อของฉัน ในทุกปีคุณพ่อและคุณแม่จะพาฉันและน้องชายมาเยี่ยมคุณตาคุณยายทุกปีในทุกเทศกาล และฉันก็จะพบคุณน้าที่แสนจะใจดีของฉันเป็นประจำ รถครอบครัวขนาดพอเหมาะขับมาจอดที่หน้าบ้านทรงยุโรปหลังใหญ่ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านค่อนข้างเยอะพอสมควร พื้นสนามหญ้าที่กว้างจนสุดลูกหูลูกตาที่ฉันมักจะชอบมาวิ่งเล่น คอกแพะที่ฉันชอบมาให้อาหาร รวมถึงเจ้ามูมู่ สุนัขตัวใหญ่พันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์จอมขี้เล่นที่จะชอบวิ่งมาส่ายหางดุ๊กดิ๊กให้ฉันเสมอ บรรยากาศทุกอย่างมันทำให้ฉันนึกถึงทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาแบบช้า ๆ ถึงแม้ครอบครัวของเราและคุณน้าจะแยกย้ายกันไปอยู่ในเมืองเพราะสะดวกแก่การทำงาน แต่เราไม่เคยห่างจากคุณตาคุณยายเลยแม้แต่น้อย เรากลับมาหาท่านเกือบทุกเดือนรวมถึงน้าเองก็กลับมาเยี่ยมท่านบ่อยครั้ง และท่านทั้งสองก็ยังคงแข็งแรงฟิตปั๋งราวกับเพิ่งผ่านวัยรุ่นมาไม่นาน ฉันเปิดประตูลงจากรถก็พบว่าเจ้ามูมู่มารอคอยต้อนรับถึงหน้าประตูรถ จึงนั่งลงไปลูบหัวมันอย่างมันเขี้ยว “มูมู่! คิดถึงจังเลย” “โซย่า ฟอร์ซ ช่วยแม่ถือของเข้าบ้านไปทำกับข้าวหน่อยลูก” “ค่ะแม่!..เดี๋ยวออกมาเล่นด้วยนะมูมู่” “พี่!” “ว่าไงฟอร์ซ” “เอ่อ.. ไม่มีอะไรครับ ช่วยแม่ขนของเถอะ” “โอเค” เราย้ายสัมภาระและอาหารสดที่ซื้อมาเข้ามาไว้ในบ้าน ก็เป็นช่วงเวลาเย็นแล้ว เมื่อเห็นว่าคุณแม่จัดการกับอาหารในครัวกับคุณยาย และคุณตาก็นั่งคุยจิบน้ำชาที่หน้าบ้าน ฉันจึงชวนฟอร์ซออกไปเล่นกับมูมู่ และจะไปเดินดูฟาร์มแพะที่ห่างจากบ้านไปไม่ไกลนักของคุณยายเฉกเฉ่นทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ฟอร์ซบอกว่าอยากนอนเล่นเกมมากกว่าจึงเป็นเหตุให้ฉันได้เดินเล่นแค่กับมูมู่เท่านั้น “มูมู่! มาเร็วไปเดินเล่นกัน” งิ๊ง! งิ๊ง! บรรยากาศที่สดชื่นแบบเต็มปอด ได้กลิ่นใบไม้และกลิ่นสะอาดที่พัดโชยมาตามลมเป็นระยะ ห่างไปไม่ไกลเป็นคอกแพะที่มีคุณน้าแถวบ้านมาคอยดูแล เขากำลังเลี้ยงแพะป้อนหญ้าและพวกมันก็กำลังกินกันอย่างเป็นระเบียบ สองเท้าจึงเดินเข้ามาทักทายน้าคนเลี้ยงแพะด้วยความสนิทสนม เพราะน้าเองดูแลคอกแพะนี้มานานมากแล้วตั้งแต่ฉันเล็ก ๆ จนเรียกได้ว่าราวกับคนในครอบครัว “วันนี้แพะไม่ดื้อเลยเหรอคะน้า” “ไม่ดื้อเลยครับหนูโซย่า สงสัยรู้ว่าหนูจะมาเล่นด้วย” “ฮ่า ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีซิคะ” ฉันเดินไปใกล้แพะทั้งหลายด้วยความเคยชิน บางคนอาจจะมองว่าถ้าเลี้ยงสัตว์แบบนี้เรื่องกลิ่นและสภาพแวดล้อมจะเป็นยังไง ต้องบอกเลยว่าน้าคนดูแลคือมือหนึ่งของจริง จัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยจนแทบจะไม่เหมือนคอกแพะ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การถ่าย ทุกอย่างน้าฝึกแพะทั้งฟาร์มจนเป็นนิสัยราวกับฝึกเด็กน้อย ฉันเดินป้อนหญ้า ป้อนนมลูกแพะไปเรื่อย ๆ จนเวลามืดลงพร้อมกับดวงไฟในบริเวณบ้านคุณยายเริ่มสว่างขึ้นมาแทนจนแทบจะเปลี่ยนพื้นที่ที่เคยเป็นสีเขียวสดใสก่อนหน้านี้ ให้เป็นสีส้มทั่วทั้งพื้น เมื่อเห็นแบบนั้นจึงบอกลาน้าพร้อมกับจูงเจ้าโกลเด้นเดินเล่นไปเรื่อย ๆ เดินกลับมายังตัวบ้านก็เห็นว่าคุณน้ามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้ จึงเดินเข้าไปทักทายคุณน้าและน้าเขย รวมถึงลูกพี่ลูกน้องอีกคนที่ใบหน้าไม่ค่อยรับแขกสักเท่าไหร่ เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่กำลังคุยกันฉันเลยเลือกที่จะเดินออกมาเดินเล่นหน้าบ้านอีกครั้งเป็นการคร่าเวลา และสูดบรรยากาศของธรรมชาติให้เต็มปอด ถึงแม้บรรยากาศจะเย็นลงมีความมืดเข้ามาปกคลุม แต่ก็ยังคงพอมองเห็นรอบ ๆ ได้อย่างรำไร เดินมาเรื่อย ๆ พร้อมกับเจ้ามู่มู่ ออกมายังนอกรั้วบ้านของคุณยาย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติเพราะฉันเองก็เดินออกมาแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง เพราะที่นี่ปลอดภัยทั้งเรื่องสัตว์ร้ายและผู้ร้ายเป็นสิ่งที่เมืองนี้ดูแลและเข้มงวดมาก “พี่! จะไปไหน” ฉันหันหน้าไปมองน้องชายที่ตะโกนถามฉันจากชั้นสองของบ้าน ซึ่งปกติเวลามาบ้านยายฟอร์ซแทบจะไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าฉันจะไปไหน ที่ไหน กลับเข้าบ้านกี่โมง แต่ก็คงเพราะตอนนี้มันเริ่มมืดแล้วละมั้ง น้องคงจะห่วงก็ไม่น่าแปลก “เดินเล่น เดี๋ยวกลับ” ฉันตอบพร้อมกับเดินออกนอกบ้านตามถนนมาเรื่อย ๆ ที่นี่ดีอยู่ตรงที่ว่าต่อให้หมู่บ้านจะห่างไกลนอกเมืองแค่ไหน แต่ถ้ามีบ้านคนจะต้องมีไฟให้ความสว่าง นั่นทำให้ฉันสามารถเดินมาเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้สึกกลัว การเดินเล่นบนถนนกว้างที่ข้างทางเต็มไปด้วยดอกไม้ และต้นไม้ขนาดย่อม สายลมที่พัดโชยเป็นระยะหอบหิ้วกลิ่นหอมของธรรมชาติพัดเข้ามาจนสดชื่น นั่นยิ่งทำให้ฉันชอบที่จะเดินเล่นสูดลมหายใจเข้าออกจนเต็มปอด บรู๋ววว! โฮ่ง! โฮ่ง! แต่จู่ ๆ เจ้ามูมู่ก็ส่งเสียงเห่าและหอนขึ้นมาทำให้ฉันตกใจจนหัวใจแทบจะหล่นไปที่ตาตุ่ม ฉันหันไปมองตามเสียงนั้นก็เห็นว่ามันวิ่งส่ายหางดิ๊กดิ๊กไปในซอยข้าง ๆ ที่มีต้นไม้ใหญ่ชูกิ่งก้านแผ่ขยาย ฉันเพ่งตามองตามก้นเจ้าสุนัขตัวแสบไปอย่างจดจ่อ ก็เห็นว่ามันนั้นวิ่งไปหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่พร้อมกับส่ายหางกระโดดไปมาราวกับกำลังเจอคนรู้จัก ซ้ำยังส่งเสียงทักทายไม่ขาดสาย และเพราะความสงสัยทำให้ฉันต้องก้าวเดินตามก้นของมันไปช้า ๆ จนอยู่ในระยะสายตาก็พบว่าด้านหน้าเจ้ามูมู่นั้นมีผู้ชายคนหนึ่งที่มองจากสายตาอายุน่าจะมากกว่าฉันไม่กี่ปี กำลังนั่งลูบหัวเจ้าหมาสีน้ำตาลอ่อนอยู่ด้วยความคุ้นชิน เสื้อผ้า หน้าผมเรียกได้ว่าเป็นคนมีเงินเลยก็ว่าได้ ฉันเดินเข้าไปใกล้อีกพร้อมกับหยุดยืนมองผู้ชายคนนั้นในหัวก็คิดไปต่างๆ นานา ว่าเขามานั่งทำไมตรงนี้มืด ๆ เป็นคนหรือผี เป็นคนดี หรือผู้ร้าย แต่คงเพราะความอยากรู้มักจะชนะทุกสิ่ง ฉันขยับตัวเข้าไปใกล้เจ้ามูมู่ที่กำลังส่งเสียงครางหงิง ๆ ให้คนด้านหน้าอย่างน่าหมั่นไส้ มาเข้ามาใกล้จึงเอื้อมมือไปดึงปลอกคอเจ้าสุนัขตัวแสบให้ถอยห่างจากผู้ชายคนนั้น แต่สายตาฉันกับจับจ้องไปที่ใบหน้านั้นไม่ละสายตาเลยแม้แต่น้อย และเหมือนเขาจะรู้ตัวว่าฉันกำลังจ้องเขาอยู่ เขาหันใบหน้าที่หล่อเหลานั้นมามองฉันด้วยสายตาที่มองจากดาวอังคารก็เห็นว่าเป็นแววตาสงสัย ในวินาทีที่สายตาของเราจ้องมองกัน ท้องฟ้าที่เคยมีสายลมพัดเบา ๆ แบบชื่นใจก็เกิดกรรโชกขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ท้องฟ้าที่ไม่มีแม้แต่แนวโน้มว่าจะมีฝนหรือพายุก็ส่งเสียงร้องดังจนแสบแก้วหู เกิดเป็นฟ้าผ่าเสียงดังจนเกิดแสงสว่างวาบไปทั่วพื้นที่ ฉันรับรู้ได้ถึงบรรยากาศรอบตัวที่เปลี่ยนไปทุกอย่างแต่กลับไม่ตกใจกับสิ่งเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย มีแค่ความรู้สึกอยากจ้องมองผู้ชายคนนี้และไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลย หงิง! หงิง! “เธอ.. มองเห็นฉันเหรอ?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD