“คุณยังรักผมอยู่ใช่ไหม... เนตร?”
เนตรกมลยืนนิ่ง มือตกอยู่ข้างลำตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง มีแต่ความว้าวุ่นใจ
อ้อมกอดของเขายิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้น เหมือนจะหลอมรวมร่างกายของหล่อนและเขาไว้เป็นเนื้อเดียว เสียงแหบทุ้มมีเสน่ห์ดังขึ้นอีกครั้งข้างหูหล่อนว่า
“บอกความจริงกับผมมา อย่าโกหกผม ผมอยากรู้ว่าคุณเองก็คิดเหมือนกับผม... ใช่ไหม?”
เนตรกมลอยากจะผลักเขาออก แต่ความอบอุ่นของเขามีมากเกินไป อ้อมกอดที่แข็งแกร่งย้ำเตือนความทรงจำที่หอมหวานจนหล่อนไม่อาจต่อต้านหัวใจตัวเองได้ หล่อนสวมกอดเขาแน่นเหมือนที่เขากอดหล่อน หลับตาซึมซับความสุขสมน่าหลงใหลที่เคยได้รับ
“ฉันรักคุณค่ะอิศย์ รักไม่เคยลืม แม้ว่าเราจะเลิกกันมานานแล้ว แต่ฉันก็ยังตัดใจจากคุณไม่ได้สักที”
“ผมเองก็ไม่เคยลืมคุณเลย”
เขากระซิบเสียงนุ่มเจือแววอ่อนโยน ซบซุกใบหน้าบนซอกคอหอมกรุ่น สูดกลิ่นรัญจวนจากกายสาวที่คุ้นเคยติดจมูก
“เนตรเห็นแก่ตัวมากใช่ไหมคะอิศย์ที่ยังมาหาคุณ ทั้งที่คุณแต่งงานกับพี่สาวเนตรแล้ว แต่เนตรทนคิดถึงคุณไม่ได้จริงๆ เนตรยอมรับว่าอิจฉาขวัญ เนตรอยากแต่งงานกับคุณ อยากอยู่กับคุณ มีลูกเล็กๆ น่ารักให้คุณ เนตรฝันอยากสร้างครอบครัวกับคุณ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันผิด”
น้ำตาของหล่อนร่วงหล่นลงมาเหมือนไข่มุกเม็ดงาม และไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่ายๆ บ่งบอกให้รู้ถึงความอัดอั้นตันใจอยู่ข้างใน
ไอศูรย์อดปวดใจไม่ได้ ยกปลายนิ้วบรรจงปาดน้ำตาให้หล่อน ยิ้มอย่างอบอุ่น
“ไม่ร้องนะคนดี ถ้าคุณผิด ผมยอมผิดด้วย เราผิดเพราะเรารักกัน”
บรรยากาศภายในห้องที่มีแสงอ่อนๆ ส่องเข้ามาดูอบอวลโรแมนติกและเต็มไปด้วยความสวยงาม ยากที่ใครจะห้ามใจไหว ชายหนุ่มประคองใบหน้าเรียวเล็กไว้อย่างนุ่มนวล สบตาหล่อนลึกซึ้ง แล้วประทับจูบเต็มตื้นบนกลีบปากแย้มยิ้ม บดเคล้าอย่างดูดดื่มอ่อนหวาน ขยับปากคลอเคลียนุ่มละมุนเต็มไปด้วยความทะนุถนอม มือหล่อนเกาะไหล่เขาไว้ หลับตาพริ้ม เผยอปากรับจูบหวานซึ้งอย่างเต็มใจ
พริบตาเดียวเขาก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มยั่วยวนใจ จูบจึงยิ่งทวีความร้อนแรงมากขึ้น ปากต่อปากคลุกเคล้าแนบแน่นกันเผ็ดร้อน ผ้าผ่อนบนตัวเขาและตัวหล่อนถูกปลดจนหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย ไอศูรย์ยกตัวเนตรกมลขึ้น เกี่ยวขาหล่อนไว้บนตัวเขา มือสอดเข้าท้ายทอยแล้วจูบหล่อนอย่างเร้าใจ
ตุบ!
ขวัญรักหอบหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองตรงมาที่บริษัทเลิศโยธิน ตลอดทางใจเธอเต้นตุ้มๆ ต๊อมๆ เพียรสรรหาคำพูดเหมาะๆ ปรับความเข้าใจกับไอศูรย์ เธอไม่ได้หวังให้เขารู้สึกผิดหรือหันมารักกัน
อย่างน้อย... แค่เขาไม่กล่าวโทษเธอก็พอแล้ว
แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะได้ยินคำสารภาพรักและเห็นฉากจูบอันดูดดื่มระหว่างสามีกับน้องสาวรอเธออยู่ ซองเอกสารที่ใส่สคริปต์และเครื่องบันทึกเสียงจึงร่วงลงพื้น เพราะจู่ๆ มือไม้ก็ไม่มีแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ
หญิงสาวยืนอึ้งไม่ขยับเหมือนข้อต่อทุกข้อขึ้นสนิม สมองมึนงงว่างเปล่า สายตาจับจ้องคู่หนุ่มสาวที่แยกจากกันกะทันหันด้วยความตกใจ แต่เพียงวูบเดียวสีหน้าของไอศูรย์ก็เย็นชา เคลื่อนกายบดบังผู้หญิงที่อยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยไว้ข้างหลัง แล้วถามเธอเสียงเข้ม
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
ขวัญรักมองเขา เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เลือดในตัวเหมือนจะจับเป็นก้อนน้ำแข็ง หนาวเย็นและเจ็บปวดไปถึงไขกระดูก
นี่คือสิ่งที่เขาควรพูดกับเธอหรือ?
คนเป็นภรรยามาเห็นสามีพลอดรักกอดจูบกับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตา เขาควรจะพูดหรืออธิบายความสัมพันธ์ที่ผิดเพี้ยนให้เธอเข้าใจใช่รึเปล่า...
แต่ไอศูรย์กลับเพิกเฉย ซ้ำยังจ้องมองเธอเขม็งคล้ายกับว่าเธอเองที่เป็นคนผิด
ตลกไหมล่ะ?
ขวัญรักอยากจะหัวเราะออกมาเสียงดังๆ แต่เธอกดกลั้นไว้ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมอารมณ์ที่จมดิ่งสู่ก้นบึ้ง ก้มลงหยิบเอกสารช้าๆ แล้วเอ่ยกับเขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เรื่องข่าวเป็นการเข้าใจผิด เพื่อนของฉันไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย นี่เป็นหลักฐานที่จะช่วยยืนยันได้” เธอพยายามเดินเข้าไปหาเขาให้มั่นคงที่สุด ทั้งที่ขาแข้งอ่อนแรงจวนจะล้มเต็มที
ไอศูรย์เปิดซองกวาดตามองแผ่นกระดาษเพียงแวบเดียว ก็โยนลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ ไฟกรุ่นโกรธที่มีต่อภรรยากลับมาอีกครั้ง เธอหอบเอกสารมาเพื่อใส่ความน้องสาวที่ดีกับเธอทุกอย่าง ถ้าเนตรกมลไม่ได้สารภาพกับเขาก่อนละก็ เขาคงจะไขว้เขวหลงเชื่อผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างเธอไปแล้ว
“คุณกำลังจะบอกว่าเนตรเป็นคนกุข่าวพวกนี้ขึ้นมางั้นเหรอ”