พอกลับมาถึงคอนโด ฉันก็ขนของเข้าลิฟต์อย่างทุลักทุเล แต่ในเวลาที่ฉันสิ้นหวังที่สุด กลับมีแสงสว่างประกายขึ้นตรงหน้า พี่สุดหล่อกำลังเดินออกมาจากลิฟต์อีกตัวพอดี
“เฮ้!!พี่ภูภัทร พี่จะไปไหนเหรอคะ ”
ฉันโบกไม้โบกมือทักทายพี่เขาอย่างดีใจ ขอให้พี่เขาช่วยยกของพี่จะช่วยรึเปล่านะ แต่ลองดูก็ไม่น่าเสียหายอะไรนี่เนาะ
“ไปกินข้าว ”
เขามองหน้าฉันนิดหน่อย และกำลังจะเดินผ่านไป
“เดี๋ยวสิคะ พี่ช่วยหนูยกของขึ้นไปไว้บนห้องก่อนได้ไหมคะ พอดีของมันเยอะ ”
ฉันทำหน้าอ้อน และหรี่ตามองพี่เขา ลุ้นว่าเขาจะมีน้ำใจช่วยรึเปล่า แต่แล้วก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ พร้อมมองดูนาฬิกาที่ข้อมือเหมือนรีบ
“หนูเลี้ยงข้าวพี่ก็ได้นะคะ ”
“ของอยู่ไหน ”
เขาถามเสียงห้วนเหมือนไม่พอใจ แต่แล้วยังไงละในที่สุดเขาก็ช่วย
“ตรงนั้นค่ะ แล้วก็มีตรงนี้ด้วย ”
ของฉันเยอะมากจริงๆ พอให้คนงานที่บ้านมาช่วย
ป้าศศิก็บ่น ทั้งที่ใบขับขี่ฉันก็ไม่มี แต่ก็ต้องขับรถแม่มาจอดไว้ที่คอนโดด้วย
“ขอบคุณนะคะ ”
เขาหิ้วของเข้าลิฟต์ ไม่แม้แต่จะเรียกฉัน คนอะไรอย่างตึง
“มีอะไรอีกไหม ”เขาถามขึ้นหลังช่วยยกของเสร็จ
“ไม่มีแล้วค่ะ เดี๋ยวหนูไปกินข้าวกับพี่นะ จะได้เลี้ยงพี่ด้วย ”
พี่ภูภัทรไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ฉันจึงเดินเข้าลิฟต์ไปกับเขา และก็เดินตามเขามาต้อยๆจนถึงรถ
“ตามมาทำไม ”
เขาหยุดเดินแล้วหันกลับมาถาม ฉันมองตาปริบๆ ไม่ใช่ว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วเหรอ
“ก็…หนูจะไปเลี้ยงข้าวพี่ไงคะ ”
มันเข้าใจยากตรงไหนอะ
“ก็ใช่ แต่ทำไมไม่ขับรถไปเองละ ”
“ก็ไปด้วยกันจะประหยัดน้ำมันกว่าไหมคะ อีกอย่างหนูขับรถไม่เก่ง และก็ไม่มีใบขับขี่ด้วย ”
พอฉันอธิบายเหตุผลไป พี่เขาก็มองฉันนิ่ง
แล้วยังไงละ ตกลงจะให้ไปด้วยรึเปล่าละเนี่ย
“ห้ามกินของบนรถ ห้ามทาแป้งแต่งหน้าบนรถ ”
ฉันยิ้มกว้างรีบพยักหน้าหงึกๆ รถเขามันหรูหราหมาเห่ามาก ยิ่งพอเข้ามาด้านในอะนะ คือมันสุดยอดมากๆ ยังใหม่กริ๊บอยู่เลย
“โห!!รถพี่คงแพงน่าดู คันนี้กี่ล้านคะ ”
บ้านฉันก็มีฐานะนะ แต่ใดๆคือยังขี่รถคันละ3-4ล้านอยู่เลย แต่นี่มันระดับรถสปอร์ตหรูคิดว่าต้องมีหลักสิบล้านแหละ
“20ล้าน”
พอได้ฟังคำตอบฉันถึงกับตาโต
“พี่อายุเท่าไหร่คะ ยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย ทำไมถึงมีเงินซื้อรถแพงขนาดนี้ ”
ต้องรวยเบอร์ไหนเนี่ย ถึงขี่รถราคา20ล้านได้
“นั่งเงียบๆซัก5นาทีได้ไหม หนวกหู ”
ฉันนี่หุบปากแทบไม่ทัน จะรักษาน้ำใจเพื่อนบ้านซักหน่อยก็ไม่ได้ ฉันนั่งเงียบไปพักใหญ่ พี่ก็พามาจอดที่ห้างไม่ไกลนัก ก่อนจะพาฉันขึ้นลิฟต์มาชั้นบนของห้าง และร้านที่เขาพามาก็จะเป็นบุฟเฟ่แบบพรีเมี่ยม ห๊ะ!!พรีเมี่ยมเลยเหรอ
“เชี่ยภู! มาช้าจังวะ”
เสียงผู้ชายโต๊ะด้านในทักขึ้น พอฉันมองไปถึงรู้ว่ามีเพื่อนพี่เขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
ฉันได้แต่ยืนนิ่ง แทบทำตัวไม่ถูก
“อ้าว แล้วนั่นพาใครมาด้วย ”
เสียงเพื่อนเขาเอ่ยถาม พร้อมมองเลยพี่ภูมาที่ฉัน
“เด็กข้างห้อง พึ่งย้ายมาอยู่ใหม่ ”
เขาตอบอย่างไร้อารมณ์ จะพูดให้ดีกว่านี้ก็ไม่ได้
“อ้อ น้องนั่นเอง พี่ชื่อธีร์นะครับ คนที่คุยกับน้องเมื่อวาน ”
ฉันยิ้มแห้งๆส่งให้พี่เขา แต่ก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่มีคนพูดด้วย
“ สวัสดีค่ะ หนูชื่อสมายด์ เป็นเพื่อนบ้านของพี่ภูภัทรค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ๆนะคะ ”
ฉันทักทายพี่ๆด้วยรอยยิ้ม เพราะนิสัยปกติของฉันเป็นคนร่าเริง และยิ้มง่ายมากๆ
“ พี่ชื่อแอลลี่จ้ะ มานั่งก่อนสิจ๊ะ ”
ฉันยิ้มบางเดินไปหาพี่แอลลี่ แล้วนั่งลงข้างๆ
“ ได้ยินเสียงก็ว่าน่ารักแล้ว ได้เจอตัวจริงยิ่งน่ารักไปกว่าเสียงอีก เรียนอยู่ชั้นไหนแล้วครับ”
พี่ธีร์ถามขึ้น
“ม.6ค่ะ ”
“อยากกินอะไรสั่งได้เลยนะจ๊ะ ที่นี่เป็นแบบบุฟเฟ่ ”
ฉันพยักหน้าหงึกๆ ดีนะที่เจอพี่ผู้หญิงด้วย
พี่เขาน่ารักกับฉันมาก พูดจาก็เพราะ ที่นี่มีของกินที่ฉันชอบทั้งนั้นเลย สเต็ก ซูชิ แซลมอนซาชิมิ กุ้งแม่น้ำเผา ขาปู แพนเค้ก ผลไม้สด
และฉันก็สั่งมาหลายเมนูเลยหละ
“โหตัวเล็กแค่นี้ ทานหมดเหรอครับ ”
และพี่อีกคนก็เอ่ยแซว 2คนนี้น่าจะเป็นแฝดกันหน้าตาเหมือนกันมาก
“พี่คูเปอร์ ถามอะไรน้องแบบนั้นคะ น้องเป็นผู้หญิงนะ เดี๋ยวไม่กล้ากินกันพอดี ”
พี่แอลลี่เอ็ดพี่คูเปอร์เบาๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่ใช่คนเรียบร้อยขี้อาย เข้าใจว่าพี่ๆแค่แซวเล่น ”
ฉันยิ้มให้พี่จนตาหยี รอไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ
สเต็กของโปรดคือหอมเตะจมูกมาก ยิ่งหิวๆอยู่ด้วย
“ทานเลยนะครับ กินตอนร้อนๆคืออร่อยมาก ”
พี่ธีร์ขยับจานให้ฉันนิดหน่อย แล้วฉันก็เริ่มลงมือ
ส่วนพี่ภูภัทรสั่งแค่สเต็กเนื้อจานเดียว กินแค่นั้นมันจะไปคุ้มอะไรล้า…รวยอย่างเดียวจริงๆ
“อร่อยไหมจ๊ะ ที่นี่อร่อยมากนะ พวกพี่มาทานกันประจำ ”
“อื้ม..อร่อยที่สุด เท่าที่เคยกินสเต็กมาเลยค่ะ ”
ฉันตอบทั้งที่ยังเคี้ยวไม่หยุด
“พี่ไม่กินมะเขือเทศเหรอคะ ”
ฉันถามขึ้นเมื่อเห็นพี่ภูภัทรเขี่ยไว้ข้างจาน
“ไม่กิน ”
“งั้นหนูขอนะคะ หนูชอบมาก พี่ไม่รู้อะไร ว่ามะเขือเทศนอกจากทำให้ผิวพรรณดีแล้ว ยังทำให้หลับสบายอีกด้วยนะคะ ”
“ดู่ท่าทางอาหารคงถูกปาก เดี๋ยววันหลังให้ไอ้ภูพามาบ่อยๆนะ ”
เพื่อนพี่ภูภัทรเรียกว่าภูเฉยๆ ก็ดูเพราะไปอีกแบบ
“ได้ค่ะ อร่อยถูกปากมากจริงๆ คงต้องมาบ่อยๆค่ะ ”
หลังกินอิ่มฉันแทบหายใจไม่ออก มันแน่นและตึงท้องไปหมด
“เดี๋ยวพี่ไม่ต้องจ่ายนะคะ หนูเลี้ยงพี่เอง ”
ฉันโน้มไปกระซิบเบาๆกับพี่ภู บอกว่าจะเลี้ยงก็ต้องเลี้ยง
“เช็กบิลครับ ”
พี่คูเปอร์เรียกพนักงานมาเก็บตังค์ ฉันรีบควักกระเป๋าตังค์สีชมพูหวานแหววออกมารอจ่าย
“ทั้งหมด 7คน คนละ1500บาท รวมหนึ่งหมื่นห้าร้อยค่ะ ”
ฉันแทบสำลักน้ำตาโตเมื่อได้ยินว่าคนละ1500
แล้วที่พี่แอลลี่บอกว่ามากินกันบ่อยๆ นี่ต้องรวยขนาดไหน ฉันค่อยๆส่องดูเงินสดในกระเป๋า ที่มีไม่ถึง2พัน แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเตรียมสแกนจ่ายแทน
“กูเลี้ยงเอง ”
ในขณะที่ฉันกำลังเปิดมือถือเข้าแอปธนาคาร พี่ภูภัทรก็ยื่นแบล็คการ์ดสีดำให้พนักงาน มันจะเกินไปแล้ว กินข้าวมื้อละเป็นหมื่น