ลองดูไม่เสียหาย

1927 Words
ตอนที่ 4 คุณชมพู่หลับตาลงครู่หนึ่ง ภาพเหตุการณ์เลวร้ายในวันนั้นย้อนกลับมาฉายชัดในความทรงจำราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน หยาดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าเริ่มไหลอาบแก้มอย่างไม่อาจห้ามปราม “เมื่อหลายปีก่อน...เกิดเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเราสองแม่ลูก” เสียงของเธอขาดห้วง สั่นพร่าด้วยแรงสะอื้นที่พยายามกลั้นไว้ “วันนั้นที่บ้านหลังเก่า...” เธอเงยหน้าขึ้นมองแทนไท ดวงตาที่แดงช้ำและรื้นน้ำนั้นเต็มไปด้วยความปวดร้าวแสนสาหัส “ฉันถูกคนชั่วบุกเข้าข่มขืน...ต่อหน้าต่อตามะลิ!” แทนไทตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาป ถ้อยคำนั้นกระแทกเข้ากลางอกเขาอย่างจัง ความโหดร้ายของมันเกินกว่าจินตนาการ น้ำเสียงของคุณชมพู่แตกพร่า ความอัดอั้นตันใจที่เก็บไว้มานานพรั่งพรูออกมา “เสร็จแล้วคนพวกนั้นก็ขู่ทำร้ายมะลิค่ะ...จากนั้นมะลิก็ไม่พูดอีกเลย” คำพูดแต่ละคำเหมือนมีดกรีดลึกลงไปในหัวใจของคนเป็นแม่ มันบาดลึกและเจ็บปวดจนเขาเองก็รู้สึกจุกในลำคอ “ฉันพยายามพาลูกไปรักษา...ไปมาหลายที่...แต่ก็ไม่ได้ผล...” คุณชมพู่ส่ายหน้าไปมาอย่างคนเสียสติ เหมือนคนกำลังจมดิ่งในความทุกข์ที่ไร้ทางออก “ต้องมีอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจของมะลิมาก ๆ แน่เลยครับ” แทนไทเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาด้วยความเห็นใจ “ค่ะ...ก่อนที่พวกคนร้ายมันจะจากไป...มันขู่มะลิเอาไว้...มันบอกว่าถ้ามะลิปริปากพูดเรื่องนี้กับใคร...มันจะกลับมา...แล้วก็จะฆ่าปาดคอทิ้ง ตอนนั้นมะลิเพิ่งจะอายุได้แค่ 8 ขวบ” แทนไทนิ่งอึ้งไปทันที หัวใจของเขากระตุกวูบ ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง ทั้งความตกใจสุดขีด ความโกรธแค้นที่พลุ่งพล่าน และความสงสารจับใจต่อชะตากรรมของเด็กสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เขาแต่ไม่เคยเห็นหน้าเธอในสถานการณ์ปกติมาก่อน “หลังจากวันนั้น...มะลิก็ไม่พูดอีกเลยค่ะ” คุณชมพู่สะอื้นฮัก ปล่อยให้น้ำตาไหลรินอย่างไม่สนใจ “แกกลัว...กลัวจนเสียสติ หมอบอกว่ามันเป็นผลกระทบทางจิตใจที่รุนแรงมาก แกสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก เพราะกลัวว่าถ้าพูดออกมาแล้ว...ฝันร้ายนั้นมันจะย้อนกลับมาอีก” คุณชมพู่ยกมือกุมหน้าอกตัวเอง พยายามบังคับให้เสียงไม่สั่นไปมากกว่านี้ ดวงตาแดงก่ำของเธอมองตรงมาที่แทนไท “ทุกคืน...ฉันยังได้ยินเสียงกรีดร้องของลูกในความฝัน ฉันเห็นแววตาหวาดผวาคู่นั้น...มันตามหลอกหลอนฉันไม่เคยหยุด” คุณชมพู่มองแทนไทด้วยแววตาอ้อนวอน แววตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังแต่ก็ยังคงมีความหวังริบหรี่ให้เห็น “ที่ฉันทำทุกอย่าง...ที่ฉันกล้าพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นออกไป...ก็เพราะฉันหมดหนทางแล้วจริงๆ ค่ะคุณแทนไท ฉันแค่อยากจะดึงลูกสาวของฉันออกมาจากความทุกข์เหล่านั้น ฉันอยากให้แกได้รู้สึกปลอดภัย...อยากให้แกรู้ว่าโลกนี้มันยังมีสิ่งดีๆ หลงเหลืออยู่บ้าง...” “ฉันไม่ได้หวังให้คุณมารักหรือผูกพันอะไรกับลูกสาวฉันมากมายหรอกค่ะ” เธอกล่าวต่อทั้งน้ำตา เสียงของเธออ่อนล้าเต็มที “ฉันแค่อยาก...อยากให้ลูกลองเปิดใจคุยกับใครสักคน...ใครสักคนที่มะลิรู้สึกไว้วางใจ...ใครสักคนที่อาจจะทำให้แกกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง...แม้ว่ามันจะเป็นแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ ของคนเป็นแม่ก็ตาม...แล้วเชื่อมั้ยคะ เธอไม่ปฏิเสธคุณ ปกติถ้าฉันพาผู้ชายเข้ามาในบ้านเธอก็กรีดร้องแล้วค่ะ” ความเงียบโรยตัวลงอีกครั้ง คราวนี้มันหนักอึ้งกว่าครั้งไหน ราวกับม่านหมอกหนาทึบที่กลืนกินทุกสรรพเสียง แทนไทมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคุณชมพู่ ดวงตาที่แดงช้ำนั้นสะท้อนความเจ็บปวดรวดร้าวที่เขาไม่อาจหยั่งถึง หัวใจของเขาบีบรัดด้วยความเห็นใจอย่างสุดซึ้ง เหตุผลที่เธอทำลงไป...มันหนักหนาและเจ็บปวดเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้ ความหมายที่ซ่อนเร้นของคุณชมพู่เริ่มเปิดเผยอย่างเชื่องช้า มันคลี่คลายดุจม้วนกระดาษเก่าที่ซุกซ่อนเรื่องราว แทนไทตระหนักในที่สุดว่า เขาไม่ได้ถูกพามาที่นี่เพื่อเธอ แต่เพื่อช่วยเหลือหรือเติมเต็มบางสิ่งบางอย่างให้กับมะลิ สิ่งที่ไม่ถูกเอ่ยแต่กลับก้องกังวานในอากาศคือความเปราะบางและความต้องการที่ซ่อนอยู่ในแววตาของชมพู่ ผู้ซึ่งยอมทำทุกวิถีทางเพื่อลูก “คุณต้องการให้ผม...มีเซ็กซ์กับมะลิอย่างนั้น...เหรอครับ?” แทนไทตัดสินใจเอ่ยถามออกไปในที่สุด คำถามที่เขาเองก็แทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะหลุดจากปากของตัวเอง น้ำเสียงของเขาแหบพร่าด้วยความสับสน คุณชมพู่สบตากับเขาอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีแววตาหลบเลี่ยงหรือความอับอายใดๆ มีเพียงความมุ่งมั่นที่น่ากลัว “ฉันอยากให้คุณเปิดใจ...ทำความรู้จักกับมะลิอย่างแท้จริง ถ้าเธอรู้สึกดีกับคุณ...มันก็อาจพัฒนาไปถึงจุดนั้นได้ไม่ใช่เหรอคะ” น้ำเสียงของเธอราบเรียบ หากแต่คำพูดกลับสั่นสะเทือนโลกทั้งใบของแทนไท แทนไทรู้สึกสับสนอย่างมาก สมองของเขาหมุนวนควานหาเหตุผลและคำตอบ เขาไม่เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนในชีวิต เขามาที่นี่พร้อมความคาดหวังบางอย่าง หวังว่าจะได้เริ่มต้นบทรักกับผู้หญิงที่น่าดึงดูดเช่นเธอ แต่สิ่งที่เจอกลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง... “แล้วถ้าผม...ทำไม่ได้ล่ะครับ?” แทนไทถามเสียงแผ่ว ความรู้สึกอึดอัดใจกัดกินอยู่ในอก คุณชมพู่ถอนหายใจอีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนลงแต่ยังคงความเด็ดเดี่ยว “ถ้าคุณทำไม่ได้...คุณก็คงไม่ใช่คนที่ฉันตามหา ถือว่า...คุณสอบไม่ผ่านค่ะ” เธอตัดสินใจไม่ยื้อเขา และเคารพในการตัดสินใจของเขา หลังจากได้อธิบายทุกอย่างซึ่งไม่เคยบอกกับใครมาก่อน แรงกดดันถาโถมเข้ามาในใจของบาร์เทนเดอร์หนุ่ม เขามองไปที่บ้านหลังใหญ่ราวกับจะมองหาทางออก แต่แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นใบหน้าที่สวยหวานแต่เศร้าสร้อยของมะลิที่เดินออกมายืนเพียงลำพัง แทนไทไม่รู้ว่ามะลิมายืนตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉับพลันความรู้สึกสงสารก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจอย่างไม่อาจห้ามได้ “เอาเป็นว่า...ผมจะพยายามครับ” แทนไทตอบในที่สุด เสียงของเขาหนักแน่นขึ้นกว่าเดิม คุณชมพู่คลี่ยิ้มออกมา รอยยิ้มที่ดูโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด หยาดน้ำตาแห่งความหวังยังคงไหลอาบแก้มของเธอ “ขอบคุณค่ะ” เธอหันไปหามะลิที่ยืนคอยด้วยความหวัง ก่อนจะสื่อสารกับบุตรสาวด้วยภาษามือบางอย่าง มะลิเดินตรงมาหาแทนไท ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างเร่าร้อน ซึ่งมันแฝงไปด้วยความคาดหวังบางอย่างที่แทนไทเองก็สัมผัสได้ “มะลิบอกว่า...เธอยินดีที่จะทำความรู้จักกับคุณเพิ่มค่ะ” คุณชมพู่แปลให้ น้ำเสียงของเธอยังคงสั่นเครือเล็กน้อย แทนไทเดินเข้าไปใกล้มะลิ เขายื่นมือออกไปแตะมือของเธอเบาๆ ก่อนจะจูงมือเด็กสาว แล้วพาเข้าไปในบ้าน สัมผัสแรกที่เชื่อมโยงกันมะลิรู้สึกถึงความอ่อนโยนของเขา แทนไทพามะลิมานั่งลงบนโซฟาแล้วนั่งลงข้างเธออย่างช้า ๆ คุณชมพู่ที่ตามเข้ามายิ้มอย่างดีใจ “เดี๋ยวเรามาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นน้า...มะลิ” แทนไทเอ่ยเสียงเบาหวิว หวังลึก ๆ ว่าเธอจะได้ยินในสิ่งที่เขาพูด “คุณไม่ต้องกังวลไปค่ะ...มะลิพอจะอ่านปากคุณออกบ้าง” คุณชมพู่เอ่ยขึ้นจากด้านหลัง ทำให้แทนไทประหลาดใจเล็กน้อย ดวงตาคู่ใสของมะลิทอดมองมือใหญ่ของแทนไท...มือนั้นที่ดูแข็งแรงทว่าแฝงความอ่อนโยน ในโลกอันเงียบงันของเธอ ทุกการกระทำคือถ้อยคำนับพันที่สื่อสารจากหัวใจ ปลายนิ้วเล็กๆ ของเธอสั่นเทาเล็กน้อยขณะค่อยๆ เคลื่อนไปสัมผัสปลายนิ้วของเขาอย่างแผ่วเบาและจงใจ ราวกับผีเสื้อแรกแย้มกำลังทดลองแตะต้องโลกใบใหม่ที่เพิ่งค้นพบ สัมผัสเพียงแผ่วเบานั้นส่งกระแสความอบอุ่นซ่านแล่นจากปลายนิ้ว ผ่านเข้าสู่ทุกอณูของร่างกาย ปลุกหัวใจดวงน้อยที่เคยสงบนิ่งให้เต้นระรัวด้วยจังหวะที่ไม่คุ้นเคย...จังหวะที่หวานหวามและสั่นไหว รอยยิ้มหวานละมุนค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากอิ่มของเธอ เป็นรอยยิ้มที่เอ่อล้นด้วยความรู้สึกผูกพันอันลึกซึ้งที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน แววตาที่ทอประกายวิบวับนั้น...คือจุดเริ่มต้นของความหลงใหลในตัวบาร์เทนเดอร์หนุ่มตรงหน้า ผู้ที่ก้าวเข้ามาในโลกอันเงียบสงบของเธอ และทำให้มันสั่นไหวด้วยความรู้สึกที่อาจจะเรียกว่า...รัก คุณชมพู่มองทั้งสองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง เธอเฝ้ารอคอยวันนี้มานานแสนนาน วันที่มะลิ ลูกสาวของเธอจะได้พบกับใครสักคนที่จะเข้าใจและเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป แม้จะรู้ว่าคำขอของเธอนั้นดูเกินเลยไปมาก แต่ในฐานะแม่ เธอพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีความสุข “ฉันจะให้คุณอยู่กับมะลิตามลำพัง” คุณชมพู่เอ่ยขึ้น เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย ความกังวลฉายชัดในแววตา เธอมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของมะลิสลับกับแทนไท ก่อนจะตัดสินใจก้าวข้ามความลังเลในใจ “คุณแทนไทคะ...ฉันอยากจะขออะไรคุณสักอย่าง” เธอเว้นช่วง หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดต่อ “อย่าฝืนใจมะลิ ถ้าหากเธอไม่ยินยอม...” คำขอนั้นทำให้แทนไทชะงักไปชั่วขณะ แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไร คุณชมพู่ก็กล่าวเสริมขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าเขาจะปฏิเสธเธออีกครั้ง “ถ้ามีอะไร...คุณเดินไปเรียกฉันได้เสมอ ห้องนอนของฉันอยู่ไม่ไกลค่ะ คุณเดินตรงไปจนสุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเจอห้องนอนของฉันแล้ว คุณไปเคาะเรียกได้ตลอดเวลา” เธอเดินออกจากห้องโถงไป ทิ้งให้แทนไทอยู่กับลูกสาวของเธอเพียงลำพัง ท่ามกลางความเงียบที่หนักอึ้งและคำขอที่ทิ้งน้ำหนักมหาศาลไว้เบื้องหลัง แทนไทหันไปมองมะลิ เด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาอย่างเงียบเชียบ บาร์เทนเดอร์หนุ่มไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี แต่เขารู้ว่าเขาต้องพยายาม...ไม่ใช่เพื่อค่าตอบแทนของคุณชมพู่ แต่เพื่อรอยยิ้มที่แสนเศร้าของเด็กสาวตรงหน้า เขาตัดสินใจที่จะลองสื่อสารกับเธอด้วยภาษากาย ด้วยรอยยิ้ม และด้วยความอ่อนโยน...หวังว่าความเงียบจะถูกเติมเต็มด้วยความเข้าใจและความรู้สึกที่แท้จริง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD