ตอนที่ 6
ค่ำคืนที่เริ่มต้นขึ้นด้วยการสื่อสารภาษามือ และการเรียนรู้ที่จะเข้าใจโลกที่ไร้เสียงของมะลิ การอยู่ด้วยกันในความเงียบนี้ กำลังจะสร้างความแปลกใหม่ให้กับแทนไทอย่างน่าประหลาด นี่คงเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ท้าทายสำหรับเขาอีกขั้น
ผ่านไปไม่นาน แทนไทก็วางหนังสือนิทานลง เขาเริ่มรู้สึกอึดอัดกับความเงียบที่ยาวนานเกินไป แต่ยังพยายามอยากจะรู้จักเธอให้มากกว่านี้ ก่อนจะหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับดินสอ
“คุณอายุเท่าไหร่?” เขาเขียนคำถามที่ผุดขึ้นมาในใจลงไป มะลิมองตัวหนังสือ ก่อนจะใช้นิ้วเขียนตัวเลข '1' บนหน้าอกของเขาแทน แล้วตามด้วย '8'
“สิบแปดเหรอ!” แทนไทเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเขียนลงไปในสมุด: “ผม 23 ปีแล้วครับ”
มะลิยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าสวยหวานฉายแววครุ่นคิด ก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะบรรจงเขียนโต้ตอบลงไป: ‘ต้องเรียกว่าพี่แทนไท ถูกมั้ยคะ’
“เรียกกว่า พี่แทน ก็พอครับ” แทนไทเขียนตอบลงไปบ้าง พร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่นอ่อนโยน เขารู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมทายใจกับเธอ เกมที่ต้องใช้หัวใจนำทาง
หลังจากนั้น ทั้งสองก็เขียนโต้ตอบกันมาเรื่อยๆ ความเงียบในห้องโถงไม่ได้อึดอัดอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่กำลังถูกบอกเล่าผ่านปลายดินสอ
“มะลิมีชื่อจริงมั้ยครับ” แทนไทเขียนไปด้วย พูดไปด้วย เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความสนใจที่อยากจะรู้จักเธอให้มากขึ้น
‘มีค่ะ แต่เรียกมะลิจะเพราะกว่า’ มะลิส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมเขียนตอบกลับ ดวงตาคู่ใสของเธอกะพริบปริบๆ ราวกับจะซ่อนรอยยิ้มซุกซน
“ไม่เอาสิบอกหน่อย” แทนไทเขียนจบก็ยิ้มกว้างด้วยสายตาอ้อนวอน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้และเสน่หาที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ
‘มาริสา ค่ะ เป็นไง เชยมั้ยคะ’ เด็กสาวเขียนเสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อย
“ก็น่ารักดีออก” เขาพยายามเขียนไปด้วยมองหน้าเธอไปด้วย ทุกตัวอักษรที่เขียนลงไปเหมือนมีชีวิตขึ้นมาเมื่อเขาสื่อสารกับเธอด้วยสายตาและรอยยิ้ม
“แล้วมะลิอยากให้พี่เรียกว่าอะไรครับ” เขียนเสร็จเขาก็ยื่นดินสอให้เด็กสาว
‘เรียกมะลิอย่างเดิมก็ได้ค่ะ’ มะลิเขียนตอบบ้าง รอยยิ้มบางๆ กลับมาประดับบนใบหน้าของเธออีกครั้ง
“โอเคครับ” แทนไทจีบนิ้วเป็นรูปโอเค เขาพยายามใช้ภาษามืออย่างง่ายกับเธอ เป็นสัญญาณเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงออกถึงความเข้าใจและความผูกพันที่เริ่มถักทอ
“แล้วมะลิชอบสีอะไรครับ?” เขาเปลี่ยนเป็นเขียนคำถามพื้นๆ บ้าง มะลิทำท่าทางเหมือนคิดชั่วครู่ ก่อนจะลากนิ้วเขียนตอบชายหนุ่ม
“สีฟ้า?” แทนไทพูดออกไป แม้รู้ว่าเธอไม่ได้ยิน แต่ก็อยากจะลองพูด มะลิพยักหน้าอย่างดีใจ ดวงตาเป็นประกายที่เขาเข้าใจ ความสุขเล็กๆ ที่ได้เห็นเธอแสดงความรู้สึกออกมา ทำให้หัวใจของเขาพองโต
เด็กสาวเขียนคำถามต่อไปอย่างช้าๆ: ‘พี่แทนเรียนอยู่หรือทำงานแล้วคะ?’
แทนไทรับสมุดมาอ่าน เขายิ้มเล็กน้อยแล้วเขียนตอบกลับไปว่า “พี่เรียนอยู่ครับ” มะลิพยักหน้ารับแล้วเขียนต่อ: ‘ปีอะไรแล้วค่ะ’
“ปี 4 ครับ” แทนไทเขียนตอบกลับไป เขาเริ่มรู้สึกสนุกกับการสื่อสารแบบนี้ ความเบื่อหน่ายที่เคยเกาะกินจิตใจในโลกที่วุ่นวายของเขาได้จางหายไปสิ้น แทนที่ด้วยความสดใสและความตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้โลกอีกใบ...โลกที่เต็มไปด้วยความเงียบงัน แต่กลับอบอวลไปด้วยความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนและบริสุทธิ์ของมะลิ
‘พี่แทนเรียนคณะอะไรคะ’ มะลิเขียนถาม ดวงตาของเธอมองเขาอย่างตั้งใจ แทนไทหยุดคิดเล็กน้อย คณะที่เขาเลือกเรียนเป็นสิ่งที่เขาสนใจจริงๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงานเหมือนคนอื่น ๆ
“พี่เรียนถาปัตย์..ครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมองมะลิและส่งยิ้มให้
‘พี่ชอบออกแบบโครงสร้างเหรอคะ’ มะลิเขียนเสร็จก็ยิ้ม ๆ เหมือนเธอจะแซวเขาเสียมากกว่า
”ครับพี่ชอบสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ” มะลิพยักหน้าช้าๆ ดวงตาของเธอฉายแววเข้าใจและชื่นชม แทนไทรู้สึกดีใจที่เธอเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามสื่อสารออกมาโดยไม่ใช้เสียง ความเงียบในยามนี้จึงไม่ได้อึดอัดเหมือนช่วงแรก ๆ แต่มันกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลายและความสนิทสนมมากขึ้น
มะลิอ่านสิ่งที่แทนไทเขียน เธอพยักหน้าอย่างช้าๆ ราวกับครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนที่ดวงตาของเธอจะฉายแววเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เธอชี้ไปที่ภาพวาดภูมิทัศน์อันซับซ้อนบนผนัง ก่อนจะมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม
‘มะลิชอบบ้านสวยๆ ค่ะ’ เด็กสาวใช้นิ้วเขียนคำง่ายๆ ลงบนหน้ากระดาษอย่างตั้งใจ แล้วชี้ไปที่ภาพวาดบริเวณนั้นอีกครั้ง
‘ภาพนั้น เหมือนบ้านในฝันของมะลิเลย’
แทนไทมองตามที่เธอบอก ภาพวาดนั้นเป็นบ้านทรงโมเดิร์นที่ออกแบบได้สวยงาม มีความโค้งมนและมีองค์ประกอบของธรรมชาติ เขาเองก็ชอบภาพนั้นเหมือนกัน
“จริงเหรอ!!” แทนไทเขียนตอบกลับไป
“พี่ก็ชอบบ้านหลังนี้ครับ เคยคิดอยากสร้างบ้านแบบนี้เหมือนกัน” เขาเขียนเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองมะลิ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งเกินกว่าคำพูดใดๆ จะอธิบายได้
มะลิอ่านข้อความนั้น ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อย เธอไม่เขียนตอบอะไร เพียงแต่จ้องมองเข้าไปในดวงตาของแทนไท แววตาของทั้งคู่เชื่อมโยงกันอย่างเงียบงัน มีเพียงความเข้าใจและความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
“มะลิอยากลองมีเซ็กซ์มั้ย?” แทนไทเขียนคำถามนี้ลงไปอย่างไม่รู้ตัว แล้วก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาที่ใบหน้าทันทีที่เขียนจบ เขาชำเลืองมองมะลิอย่างประหม่า
มะลิอ่านคำถามนั้น เธอชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะค่อย ๆ ส่ายหน้าช้า ๆ แทนไทรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ได้หนักอึ้งเหมือนตอนแรก แต่มันกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย
เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณห้องโถงอีกครั้ง ก่อนจะเห็นภาพวาดที่แขวนอยู่บนผนังหลายภาพ เป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงาม และภาพเหมือนของหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาเดาว่าน่าจะเป็นมะลิเมื่อตอนเด็ก
เขาเดินไปใกล้ๆ ภาพวาด มะลิก็ลุกตามมาด้วย เธอหยุดยืนอยู่ข้างๆ เขา แล้วค่อยๆ ชี้ไปที่ภาพวาดรูปท้องฟ้าสีครามที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆสีขาวนวล แทนไทพยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงบอกว่า ‘สวยจังเลย’ มะลิยิ้มเล็กน้อย แล้วชี้ไปที่ภาพวาดรูปดอกมะลิที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ
แทนไทหยิบรูปนั้นขึ้นมาดู มันเป็นภาพดอกมะลิที่วาดได้สวยงามและมีชีวิตชีวา เขาเงยหน้ามองมะลิ แล้วชี้ไปที่ดอกมะลิในภาพ จากนั้นก็ชี้ไปที่ตัวเธอ มะลิเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังจะสื่อ เธอพยักหน้าเล็กน้อย แล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม
หลังจากดูภาพวาดเสร็จ แทนไทก็จูบมือนุ่ม ๆ ของมะลิ กลับมานั่งที่เดิม เขารู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจ ไม่ใช่แค่ความเห็นใจ แต่เป็นความรู้สึกอบอุ่นที่ทำให้เขามองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป บราเทนเดอร์หนุ่มตัดสินใจที่จะลองสื่อสารความรู้สึกที่ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม
เขาหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเขียนช้าๆ ด้วยลายมือที่มั่นคงขึ้น:
“มะลิน่ารักมากเลย”
เด็กสาวอ่านข้อความนั้น ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย แก้มของเธอมีสีแดงเรื่อๆ เธอก้มหน้าเล็กน้อยด้วยความเขินอาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาอีกครั้ง แล้วยิ้มให้เขาอย่างเขินๆ รอยยิ้มนั้นทำให้หัวใจของแทนไทเต้นรัว
แทนไทไม่รอช้า เขายื่นมือออกไปช้าๆ แล้วค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆ ที่หลังมือของมะลิ สัมผัสนั้นแผ่วเบา แต่ก็ทำให้มะลิสะดุ้งเล็กน้อย เธอไม่ได้ดึงมือกลับ แต่กลับประสานนิ้วมือเข้ากับนิ้วของเขาอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่เชื่อมโยงกันทำให้ความเงียบในห้องดูเหมือนจะอบอุ่นและโรแมนติกขึ้นมาทันที
แทนไทเขียนต่อในสมุดโน้ตอีกครั้ง:
“พี่ดีใจที่ได้มาเจอมะลิ”
มะลิอ่านข้อความนั้น เธอเหลือบตาขึ้นมองเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความสุข ความประหลาดใจ และความอ่อนโยน เธอขยับตัวเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเล็กน้อย แทนไทรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเธอ
เขาเก็บสมุดโน้ตลง แล้วค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้มะลิมากขึ้น สายตาของทั้งคู่ประสานกัน ความรู้สึกมากมายที่ไม่มีคำพูดถูกถ่ายทอดผ่านดวงตา สัมผัสมือที่ยังคงเชื่อมโยงกันทำให้พวกเขารู้สึกถึงกันและกันอย่างลึกซึ้ง
เวลาล่วงเลยไปจนเกือบรุ่งสาง เข็มนาฬิกาบอกว่าใกล้จะเข้าสู่วันใหม่เต็มที แทนไทสังเกตเห็นมะลิเริ่มหาวเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยปรือลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ยังพยายามจ้องมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุข
แทนไทเขียนข้อความลงในสมุดโน้ต: “มะลิ พี่ว่ามะลิไปนอนไหมครับ จะตีห้าแล้ว?”
มะลิอ่านข้อความนั้น รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอกระพริบตาช้าๆ สองสามครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ แทนไทรู้สึกโล่งใจที่เด็กสาวเชื่อฟัง
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเอื้อมมือไปจับมือเรียวเล็กของมะลิอย่างแผ่วเบา มะลิรับสัมผัสจากเขาอย่างว่าง่าย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนข้างๆ แทนไท ความเงียบที่ปกคลุมยังคงอยู่ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ความเงียบที่น่าอึดอัดอีกต่อไป หากแต่เป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงันในใจของคนทั้งสอง
ทันใดนั้น! คุณชมพู่ที่แอบจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิดในห้องทำงานก็รีบมาหาทั้งคู่ แววตาของเธอสลับมองระหว่างแทนไทกับลูกสาวอย่างครุ่นคิด
“ผมกำลังจะกลับพอดีครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ แต่ในใจก็รู้สึกแปลกๆ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คุณชมพู่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะฉายแววแน่วแน่ขึ้นมาแล้วเอ่ยขึ้นทันที
“คุณไม่ต้องไปทำงานที่บาร์อีกแล้วค่ะ ตกลงฉันจ้างคุณดูแลมะลิ” คุณชมพู่เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แต่คำพูดนั้นทำให้แทนไทถึงกับชะงัก
“หลังจากคุณเรียนเสร็จ ฉันจะไปรับคุณที่มหาวิทยาลัยเอง”
แทนไทขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ต้องการให้คุณชมพู่ต้องมารับส่งขนาดนั้น
“ไม่เป็นไร ถ้าคุณชมพู่ อยากให้ผมมาดูแลมะลิ ผมมาที่นี่เองได้ครับ” คุณชมพู่มองเขาด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา ก่อนที่มุมปากของเธอจะยกขึ้นเล็กน้อย
“งั้นก็ตามใจคุณค่ะ ส่วนเงินเดือนที่ฉันจะจ้างคุณดูแลมะลิ ฉันให้มากกว่าที่ทำงานเดิมสามเท่า หรือว่าคุณอยากได้เท่าไหร่ก็เสนอมาได้เลยค่ะ”
“ผมรับเท่าที่ทำงานเดิมก็ได้ครับ” คุณชมพู่พยักหน้ายอมรับ
แทนไทรู้สึกโล่งใจที่เธอไม่ได้บังคับเขามากไปกว่านี้ เขาหันไปมองมะลิที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอมองเขานิ่งๆ แววตาเศร้าสร้อยคล้ายจะบอกลา แทนไทส่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูด
จากนั้น แทนไทก็เดินออกจากบ้านหลังใหญ่ท่ามกลางความเงียบงัน ทิ้งให้คุณชมพู่และมะลิยืนมองตามหลังเขาไปในความมืดที่ปกคลุมค่ำคืนนี้ได้เปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างในตัวของแทนไทไปอย่างสิ้นเชิง ความเบื่อหน่ายที่เคยมีได้ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ความเห็นใจ และความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ กับเด็กสาวผู้เงียบงันคนนั้น