“ความทรงจำอันเลวร้าย”

1878 Words
เมื่อฉันกลับมาถึงห้อง ฉันเดินเข้าไปอย่างเงียบงัน แล้วทรุดตัวนั่งลงในมุมหนึ่งของห้องโดยไม่แม้แต่จะเปิดไฟ ความมืดกลืนกินทุกสิ่ง ไม่มีแสงใดเล็ดลอดเข้ามาเลยแม้แต่น้อย และมันก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างในหัวฉัน… ชัดเจนขึ้น ภาพเหล่านั้น ภาพที่ฉันพยายามผลักออกจากความทรงจำมาตลอด กลับชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหน ใบหน้าของเขา น้ำเสียงของเขา มือสกปรกคู่นั้นที่บีบคอฉัน จ้องฉันราวกับฉันไม่ใช่ “เด็ก” ไม่ใช่ “มนุษย์” ด้วยซ้ำ ภาพที่พ่อเลี้ยงของฉันข่มขืนฉันในตอนเด็ก ตอนนั้นฉันอายุได้ 15 ปี วัยกำลังเรียนรู้ วันนั้น…เป็นวันที่ฉันเพิ่งเลิกเรียน ฉันจำได้ดีว่าตัวเองรีบกลับบ้านอย่างมีเป้าหมาย แค่จะอาบน้ำ แล้วรีบออกไปช่วยแม่ขายขนมที่ตลาดเหมือนทุกวัน ไม่มีอะไรผิดปกติในตอนแรก ทุกอย่างเหมือนเดิม… แต่ใครจะรู้ ว่าวันนั้นจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของฉันไปตลอดกาล อยู่ ๆ เขาก็กลับบ้านมาอย่างกะทันหัน… เสียงประตูหน้าบ้านเปิดดังขึ้น ทั้งที่ปกติช่วงเวลานี้เขาไม่ควรจะอยู่ที่นี่ ฉันที่กำลังแต่งตัว เตรียมจะออกไปช่วยแม่ที่ตลาด ต้องหยุดชะงักกลางคัน ใจฉันเต้นแรงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งที่ยังไม่ได้มองเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ มันเหมือนมีบางอย่างเตือนฉันในใจว่า “ต้องระวัง” แต่ฉันก็ไม่ทันแล้ว… อยู่ ๆ เขาก็ผลักประตูห้องของฉันเข้ามาโดยไม่เคาะหรือบอกกล่าว ฉันสะดุ้งสุดตัว รีบคว้าผ้าขนหนูมาคลุมร่างกายที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย หัวใจฉันเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมานอกอก เพราะแค่สบตากับเขาในวินาทีนั้น ฉันก็รู้แล้วว่า…ไม่ปลอดภัย เขายืนอยู่ตรงนั้น…ในสภาพเมามาย กลิ่นเหล้าฉุนตีขึ้นมาทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในห้อง แววตาที่มองฉัน…ไม่ใช่สายตาของคนในครอบครัว แต่มันคือสายตาที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเหยื่อ ฉันพยายามจะพูด พยายามจะหนี แต่ร่างของฉันแข็งทื่อไปหมด เหมือนถูกตรึงไว้ด้วยความกลัว เขาเข้ามากระชากแขนฉันอย่างแรง ฉันสะบัดตัวหนี พยายามดิ้น พยายามถีบ พยายามผลักเขาออกไปจากตัว แม้จะรู้ดีว่าแรงฉันไม่มีทางสู้แรงของเขาได้เลย แต่ฉันก็ยังพยายามสุดแรงที่มี ฉันตบหน้าเขาไปหนึ่งทีด้วยความกลัวและสิ้นหวัง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความรุนแรงที่ทวีคูณขึ้น เขาไม่หยุด ไม่ฟัง ไม่แม้แต่จะมองฉันในฐานะ “มนุษย์” คนหนึ่งด้วยซ้ำ ในตอนนั้น…ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมา หัวใจฉันแตกสลาย และในขณะเดียวกัน…ร่างกายฉันก็ทรยศฉันไปหมดแล้ว ไร้เรี่ยวแรง ไม่มีแม้แต่เสียงจะกรีดร้อง “ที่พ่อเข้าไปอยู่กับแม่แบมน่ะ จริง ๆ พ่ออยากอยู่ใกล้แบมต่างหาก” เสียงของเขาแทรกเข้ามาในหูฉัน พร้อมกับรอยยิ้มที่น่าขยะแขยง “พ่ออยากได้แบม พ่อเลยเลือกแม่เขาเข้าไปในบ้าน ฮ่าๆๆ” “มึงไม่ใช่พ่อกู ไอสารเลว!” ฉันตะโกนกลับสุดเสียง มือกำแน่น ตัวสั่นเทา เขาหัวเราะเสียงดัง ลั่นห้อง “อย่าพูดแบบนั้นกับพ่อสิ เพราะยังไง… พ่อก็เป็นผัวของแบมไปแล้วนี่ ฮ่าๆๆ!” “กรี๊ดดด!! ไอเลว! ออกไปจากห้องกู! กูจะไปบอกแม่! แม่จะต้องไล่มึงออกจากบ้านนี้!” ทันใดนั้น เขากระชากผมฉันอย่างแรง หัวฉันสะบัดตามแรงกระชาก ร่างแทบล้มลงไปกองกับพื้น “ก็ลองดูสิ ถ้าไม่อยากกลายเป็นนางเอกคลิปในเว็บล่ะก็…” น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือก หัวเราะอย่างพึงพอใจ จากนั้นเขาเดินไปมุมห้อง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หน้าจอแสดงภาพที่ยังคงบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ฉันตาค้าง ตัวชาไปทั้งร่าง ลมหายใจขาดห้วง รู้สึกเหมือนถูกปักตรึงไว้กับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ฉันนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ใจเต้นแรงจนเหมือนจะระเบิดออกจากอก น้ำตาไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว ความกลัว ความเจ็บ และความอับอายถาโถมใส่ฉันราวกับพายุที่ไม่มีทางหนี มือฉันสั่น พยายามควานหาโทรศัพท์ของตัวเอง หัวใจของฉันสั่งให้โทรหาแม่…แต่สมองกลับกรีดร้องว่า “อย่า” เสียงหัวเราะของเขายังดังสะท้อนอยู่ในหัวฉัน “ลองบอกดูสิ ถ้าไม่อยากเป็นนางเอกหนัง…” ฉันกอดเข่าตัวเองแน่น ร่างสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ “อย่าร้องไห้สิแบม…แค่อยู่เงียบ ๆ ทุกอย่างก็จะจบ” เสียงในหัวของฉันกระซิบ แต่มันไม่เคยจบเลย… มันเริ่มต้นจากวันนั้น และมันอยู่กับฉันมาจนวันนี้ ฉันเริ่มปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก ตั้งกำแพงสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ให้ใครเข้ามา ไม่ให้ใครได้รู้ ฉันยิ้มทั้งที่ใจร้องไห้ หัวเราะทั้งที่ข้างในว่างเปล่า ฉันกลัวผู้ชาย…กลัวแม้กระทั่งเงาตัวเองในกระจก เพราะเงานั้นไม่ใช่ฉันคนเดิมอีกต่อไปแล้ว มันคือเด็กสาวที่แตกสลาย คนที่ครั้งหนึ่งเคยไว้ใจ เคยเชื่อว่าโลกใบนี้ยังมีความปลอดภัยหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ฉันก็ยังต้องฝืนยิ้ม ฝืนลุกขึ้นมาใช้ชีวิตในโลกภายนอก…เพียงเพราะหน้าที่การงานและชีวิตที่ต้องดำเนินต่อ ฉันสวมหน้ากากทุกวัน เป็นเพื่อนที่ร่าเริง เป็นพนักงานที่ดูมั่นใจ เป็นผู้หญิงที่ไม่เคยมีอะไรผิดปกติ แต่ในใจ…ฉันร้องไห้ทุกคืน ทุกลมหายใจยังเต็มไปด้วยความกลัว ความรู้สึกผิดที่ฉันไม่ควรจะมี มันยังเกาะกินหัวใจฉันอยู่ทุกวัน และสิ่งที่เจ็บที่สุดคือ…ฉันรู้สึกผิด ทั้งที่ฉันไม่เคยทำอะไรผิดเลย ผิดที่ฉันกลับบ้านเร็วเกินไปในวันนั้น? ผิดที่ฉันไว้ใจ “คนที่แม่รัก” ? ผิดที่ฉันยังหายใจอยู่หลังจากวันที่โลกทั้งใบของฉันพังทลาย? ไม่มีคำตอบ… มีแค่ความทรงจำที่ไม่เคยหายไป และเสียงในหัวที่คอยตอกย้ำ…ว่า “เธอไม่ควรมีความสุข” …… -ฝั่งไทเกอร์- ไทเกอร์นั่งอยู่ในห้องทำงานอย่างเงียบ ๆ มือข้างหนึ่งกำหมัดแน่น ขณะที่สายตาเหม่อลอยมองไปยังโต๊ะตรงหน้า…แต่ในหัวเขา กลับเต็มไปด้วยภาพของเธอ ภาพของแบมแบมที่นั่งกอดเข่า ร่างกายสั่นเทา ริมฝีปากซีด และดวงตาที่เต็มไปด้วยความกลัว กลัวเขา… กลัวจนแทบจะขาดใจ ทั้งที่เขาไม่ได้แม้แต่จะจับตัวเธอ ‘ทำไมเธอถึงมีสภาพแบบนั้นแค่เพียงเขาเข้าใกล้?’ มันไม่ใช่แค่ความตกใจธรรมดา ไม่ใช่แค่ความเครียดจากงานแน่ ๆ มันคือ…ความกลัวฝังลึก ความกลัวที่มักเกิดจาก “บางอย่าง” ที่หนักเกินจะอธิบาย ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะเปิดออกอย่างรวดเร็ว “พี่เกอร์ ให้ไอแบมกลับไปแล้วเหรอ? เห็นพี่มะเหมี่ยวบอกน่ะ” เสียงของ คิว ดังขึ้นพร้อมใบหน้าที่แสดงความสงสัย เขาเดินเข้ามาพลางวางแฟ้มในมือบนโต๊ะ “อืม…มีปัญหานิดหน่อย” ไทเกอร์ตอบเรียบ ๆ แต่เสียงเขาแฝงไปด้วยความเครียด คิวย่นคิ้วทันที “ปัญหาไรวะพี่? ไอแบมร้องไห้เหรอ? หรือมันทะเลาะกับใครในทีม?” ไทเกอร์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว “ตอนกูเดินเข้าไปหา…เธอร้องไห้หนักมาก เหมือนจะขาดใจเลย แล้วก็…” เขาเงียบลงชั่วครู่ สายตาหลุบต่ำ น้ำเสียงเบาลงเหมือนกำลังข่มอารมณ์ “…แล้วก็ถอยหนีกู เหมือนกูเป็นปีศาจอะไรสักอย่าง” ดวงตาเขาหรี่ลงเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปนสับสน “แค่กูจะเอามือไปแตะไหล่เธอ…เธอก็ร้องกรี๊ด แล้วตัวสั่นทั้งตัวเลยว่ะ” คิวชะงักไปทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ “เฮ้ย…จริงดิพี่” “อืม…” ไทเกอร์พยักหน้าช้า ๆ สีหน้าเคร่งเครียด คิวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ “นี่มันยังไม่หายอีกเหรอ…” “หมายความว่าไง?” ไทเกอร์เลิกคิ้วถาม น้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย คิวมองหน้าเขา ก่อนจะถอนหายใจและพูดอย่างลังเล “ก็…ตอนสมัยที่ผมเรียนกับมันน่ะ เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาบ้าง…ว่าไอแบมมันเคยโดนพ่อเลี้ยงทำเรื่องเลวร้าย” เสียงของเขาเบาลงทันทีเมื่อต้องพูดคำที่อธิบายความเจ็บปวดของใครคนหนึ่ง “เหมือน…พ่อเลี้ยงแม่งทำตัวเหมือนเป็นผัวมันอ่ะพี่” ไทเกอร์ชะงัก หัวใจเหมือนถูกบีบ “ตอนนั้น…เรื่องมันก็ลือกันแหละ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องจริงคืออะไร แค่…มีคนเห็นน้องต่างแม่ของแบมแบมเล่าให้เพื่อนฟัง แล้วเรื่องก็แพร่ไปทั่ว หลังจากนั้น…ไอแบมมันก็ไม่ค่อยมีเพื่อนเลย แล้วก็…ระแวงผู้ชายมาก” คิวเงียบไปครู่ ก่อนจะกัดฟันแล้วพูดต่อ “กว่าผมจะเข้าใกล้มันได้แบบเพื่อน ยังต้องใช้เวลาหลายปีเลยนะพี่ แม่งเหมือนต้องเดินบนไข่ตลอดเวลาเลย” ไทเกอร์เม้มปากแน่น ความรู้สึกโกรธปะปนกับความสงสารแล่นเข้ามาในอก เขาไม่กล้าจินตนาการว่า แบมแบมในวัยเด็ก…ต้องผ่านอะไรมา และเขาก็ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมถึงไม่มีใครช่วยเธอออกมาจากนรกนั่นได้ตั้งแต่แรก “นี่ผมคิดว่า…มันหายแล้วด้วยซ้ำ เห็นมาสมัครงานแบบปกติ…” คิวพูดต่อเบา ๆ น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “แต่พอมาคิดดู…มันก็ไม่เคยอยู่ใกล้ผู้ชายเลยนะพี่ แล้วก็ไม่เคยยิ้มให้ใครแบบเปิดใจเลยด้วยซ้ำ” ไทเกอร์กำหมัดแน่น หัวใจปวดหนึบ ‘แล้วที่เธอยอมคุยกับกู…มันคือความไว้ใจครั้งแรกหรือเปล่า?’ ‘แต่กูกลับทำให้เธอกลัว…’ เขาหลุบตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเงยหน้ามองคิวด้วยแววตาแน่วแน่ แต่คิวกลับยิ้มบาง ๆ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ไม่ต้องห่วงมันหรอกพี่…เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น เชื่อผมสิ” ไทเกอร์หันไปมองคิวอย่างไม่มั่นใจนัก คิ้วขมวดแน่น คิวยักไหล่เบา ๆ แล้วพูดต่อ “ผมรู้จักมันดี มันอาจจะเจ็บมาก แต่แบมแบมมันเข้มแข็งกว่าที่พี่คิดนะ” “มันอาจจะเคยกลัว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้ว…” “บางที…มันอาจจะกลัวพี่เพราะมันเริ่มรู้สึก” คิวหัวเราะนิด ๆ พลางมองหน้าไทเกอร์ตรง ๆ “แล้วความรู้สึกนั่นแหละ ที่มันกลัวจะเสียไปอีกครั้ง” ไทเกอร์นิ่ง…เหมือนหัวใจเต้นช้าลงแต่ลึกขึ้น เขาไม่พูดอะไร แต่มองไปทางหน้าต่างเงียบ ๆ คิวตบบ่าเขาเบา ๆ “ถ้าพี่จะอยู่ข้างมันจริง ๆ ก็อย่ารีบ อย่าเร่ง แค่รอ แล้วมันจะเดินเข้ามาเอง…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD