หวั่นไหว3

1223 Words
อาหารเย็นมื้อนั้นจึงเป็นอาหารตามสั่งง่ายๆ ที่ภาคภูมิแวะซื้อข้างทางและนำกลับมาทานที่คอนโดของพราวฟ้าสร้างความแปลกใจให้หญิงสาวจนอดถามไม่ได้ “คุณภาคทานอาหารแบบนี้ได้ด้วยเหรอคะ” พราวฟ้าถามขณะที่กำลังแกะอาหารใส่ลงในจาน “คุณเห็นผมเป็นผู้วิเศษมาจากไหนถึงจะทานของแบบที่คนทั่วไปเขากินกันไม่ได้ล่ะฮึ” ภาคภูมิตอบและเดินมาช่วยหญิงสาวแกะ ถุงกับข้าว “เดี๋ยวพายทำเองค่ะ” “ผมช่วยดีกว่าจะได้เสร็จเร็วๆ ตอนนี้ผมชักหิวแล้วล่ะ” “พี่พราวถามเพราะไม่คิดว่านักธุรกิจหมื่นล้านอย่างคุณจะลดตัวลงมาทานอาหารข้างทางแบบนี้ได้ สถานที่ที่เหมาะกับคุณคือร้านอาหารหรูหราราคาแพงต่างหาก” “นั่นคือสิ่งที่คุณและคนอื่นคิดว่ามันควรจะเป็นต่างหาก ผมก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งนะ แค่บังเอิญว่าผมเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยมีหน้าที่รับผิดชอบมากมายเท่านั้นเอง ตอนอยู่เมืองนอกผมยังทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหารด้วยซ้ำไป” “จริงเหรอคะ” พราวฟ้าอุทานด้วยความคาดไม่ถึง “ตกใจอะไร ชีวิตที่เมืองนอกมันไม่เหมือนกับที่นี่หรอกนะพราว ผมไปเรียนเมืองนอกกับเจ้าภูตั้งแต่เด็ก เราสองพี่น้องถูกฝึกให้ช่วยเหลือตัวเองและไม่ใช้เงินฟุ้งเฟ้อ คุณรู้ไหมว่าคุณพ่อคุณแม่ผมท่านให้เงินจำกัดในแต่ละเดือนไม่ได้ให้เงินถุงเงินถังไปถลุงเล่นได้ตามอำเภอใจนะ” ภาคภูมิเล่าถึงชีวิตในวัยเด็กที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน พราวฟ้านึกชื่นชมบิดามารดาของภาคภูมิกับวิธีการเลี้ยงลูกของท่านทั้งสอง เธอเข้ามาทำงานในตอนที่ทั้งสองท่านวางมือลงแล้วจึงไม่เคยพบตัวจริงเลยสักครั้งนอกจากรูปถ่ายในห้องของภูดิศ “ไม่น่าเชื่อนะคะ พราวคิดว่าคุณจะมีชีวิตเหมือนลูกเศรษฐีคนอื่นที่มีเงินให้จับจ่ายใช้สอยแบบไม่ต้องคิด” “โน คุณพ่อคุณแม่ท่านให้เงินผมแบบที่สามารถใช้จ่ายได้สบายไม่เดือดร้อนก็จริง แต่ถ้าอยากได้อะไรพิเศษหรืออยากเที่ยวผมต้องทำงานพิเศษหาเงินเอง ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมท่านถึงทำแบบนั้นในขณะที่เด็กไทยคนอื่นที่ไปเรียนพร้อมกันกับผมมีเงินใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย แต่พอเริ่มได้ทำงานผมก็เข้าใจสิ่งที่ท่านต้องการให้ผมเรียนรู้ด้วยตนเองนั่นคือการรู้จักประหยัดและวางแผนการใช้เงินอย่างชาญฉลาด ผมเห็นเด็กไทยหลายคนที่เรียนไม่จบเพราะเอาแต่เที่ยวเตร่และผลาญเงินพ่อแม่ไปวันๆ จนสุดท้ายก็ต้องกลับเมืองไทยเพราะโดนไล่ออกและยกเลิกวีซ่า แต่ผมกับเจ้าภูไม่เคยทำแบบนั้นเพราะรู้ดีว่ากว่าจะได้เงินมามันต้องแลกกับหยาดเหงื่อแรงกายและความเหนื่อยยาก ผมกับเจ้าภูเลยไม่เคยใช้เงินแบบไร้ประโยชน์เลยตอนอยู่ที่นั่น บางทีที่ผมอยากออกทริปไปต่างประเทศกับเพื่อนๆ เราสองพี่น้องจะประหยัดด้วยการซื้ออาหารมาทำกินกันเองและทำงานพิเศษเพิ่มขึ้น ถึงมันจะเหนื่อยแต่คุณรู้ไหมพราวว่ามันมีความสุขและภูมิใจมาก” พราวฟ้ามองเห็นความภาคภูมิใจในตนเองที่แผ่ออกมาจากแววตาของเขา นี่เป็นอีกมุมหนึ่งของผู้ชายชื่อภาคภูมิที่เธอไม่เคยทราบมาก่อนและเป็นมุมที่เธอคาดไม่ถึงเสียด้วย เมื่อได้รู้จักเขาเพิ่มขึ้นมุมมองที่เธอมองเขาจึงเปลี่ยนไปในทันที ด้วยเหตุนี้กระมังถึงทำให้ภาคภูมิกลายเป็นคนที่จริงจังกับการทำงานเพราะเขาเป็นพี่ชายคนโตซึ่งถูกสอนให้รู้จักรับผิดชอบตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ไหนจะต้องรับผิดชอบหน้าที่การบริหารวัฒนาเรียลเอาเตทให้เจริญก้าวหน้าต่อไป เขาจึงต้องทุ่มเทให้กับงานมากกว่าภูดิศที่เป็นน้องชาย เพราะในขณะนี้ถือว่าเขาเป็นหัวเรือใหญ่ของบริษัทเลยทีเดียว ด้วยภาระหน้าที่และความรับผิดชอบจึงหล่อหลอมให้เขามีบุคลิกและลักษณะที่จริงจังจนคนอื่นคิดว่าเขาดุและน่ากลัว “เป็นไง เรื่องราวของผมทำให้คุณมองผมดีขึ้นบ้างไหม” “เอ๊ะ...พราวก็ไม่เคยมองว่าคุณภาคไม่ดีนี่คะ” พราวฟ้ารีบแก้ตัวทันที “เหรอ ไม่เคยมองว่าผมไม่ดีแต่ไม่เคยคิดจะญาติดีกับผมใช่ไหมล่ะ คุณคิดว่าผมไม่รู้เหรอพราวว่าคุณพยายามหลบเลี่ยงผมทุกครั้งที่มีโอกาสน่ะ” “ก็คุณภาคชอบดุพราวนี่คะ” “แล้วมันน่าดุไหมล่ะ มีอย่างที่ไหนชอบแต่งตัวให้ผู้ชายมองตา เป็นมัน” พราวฟ้าไม่อยากทะเลาะกับเขาตั้งแต่ยังไม่ทันได้คบกันจึงยกจานกับข้าวไปตั้งที่โต๊ะอาหารและชักชวนให้เขาเริ่มลงมือรับประทานอาหารเย็น หลังการรับประทานอาหารเย็นจบลงภาคภูมิก็บังคับให้เธอไปอาบน้ำและจัดการลงมือทำแผลและทายาให้เธอด้วยตัวเอง พราวฟ้ารู้สึกว่าเขาจู่โจมเข้ามาเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน เพียงแค่วันแรกที่เขาสารภาพความรู้สึกที่มีต่อเธอเขาก็ได้ทั้งจูบแรกและบุกเข้ามาถึงเตียงนอนของเธอเสียแล้ว พราวฟ้าจ้องมองผู้ชายที่กำลังก้มหน้าทายาลงไปบนแผลของเธออย่างตั้งใจด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ภาคภูมิทำให้เธอเปลี่ยนความคิดและมุมมองที่มีต่อเขาไปได้อย่างสิ้นเชิงเพียงชั่วข้ามคืน เธออยากจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป แต่สัมผัสจากปลายนิ้วที่ลูบไล้ไปมาอยู่บนเรียวแขนช่วยยืนยันว่าทุกสิ่งระหว่างเธอและเขาคือเรื่องจริง แม้จะรู้ตัวดีว่าเธอและเขาต่างกันมากมายเหลือเกินแต่เธอไม่อยากปิดกั้นโอกาสตัวเองเมื่อมีผู้ชายดีๆ ผ่านเข้ามา เรื่องของอนาคตปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาเป็นตัวกำหนด แต่เรื่องของหัวใจเธอจะกำหนดมันด้วยตัวเองและเธอคิดว่าตัวเองมีคำตอบสำหรับคำร้องขอของภาคภูมิแล้ว คำตอบที่จะทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล ไม่ว่าผลของการตัดสินใจครั้งนี้ จะเป็นอย่างไร เธอก็จะยินยอมรับมันแต่โดยดี “เสร็จแล้วครับ” ภาคภูมิเก็บอุปกรณ์ทำแผลอย่างเรียบร้อยและหยิบผ้าห่มมาคลุมให้เธอ “ขอบคุณนะคะ” “ด้วยความยินดีครับ พราวนอนเถอะเดี๋ยวผมจะกลับแล้ว” “พราวไปส่งนะคะ” ภาคภูมิดันไหล่ของเธอให้นั่งพิงเตียงไว้ตามเดิมเมื่อเธอทำท่าจะลุกขึ้นไปส่งเขา “ไม่ต้องหรอก พราวนอนเถอะ เดี๋ยวผมจะล็อกห้องให้เอง” “ก็ได้ค่ะ” “ฝันดีนะครับ” ภาคภูมิก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเนียนของคนบนเตียงแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เจ้าของห้องสาวนั่งแก้มแดงหัวใจเต้นระรัวอยู่ตามลำพัง “ฝันดีนะคะคุณภาค” พราวฟ้าเอนกายลงนอนด้วยรอยยิ้มและคืนนี้คงเป็นคืนที่เธอหลับฝันดีที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD