“หมายถึงคุยบนเตียงน่ะเหรอคะ” เธอมองค้อนเขาอย่างลืมตัว
คราวนี้เขาถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ยิ่งทำให้เธอค้อนหนักเข้าไปอีก
“มีอะไรน่าขำนักหนาเหรอคะ”
“ก็ที่คุณพูดน่ะมันเหมือนว่าคุณกำลังหึงผมอยู่เลยนะดรีม”
ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจใหญ่ แต่คนฟังถึงกับอายจนหน้าแดง
“ดรีม...ดรีมจะหึงคุณได้ยังไงคะ ดรีมเป็นแค่เลขาฯ นะ ไม่ใช่แฟนคุณซะหน่อย” เธอรีบเถียง
“แล้วอยากเป็นมั้ยล่ะ”
“อะไรคะ”
“เป็นแฟนไง อยากเป็นมั้ย? แฟนผมน่ะ” คราวนี้เขามองสบตาเธออย่างจริงจัง แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาแค่แกล้งเธอเล่นเท่านั้น
“ไม่อยากค่ะ เป็นแฟนกับคุณซันคงเหนื่อยน่าดู”
“อะไร? ผมไม่ได้เซ็กส์จัดถึงขนาดต้องจัดคุณวันละสิบรอบก่อนนอนหรอกนะ” เขารีบออกตัว
“คุณซัน! ดรีมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นนะคะ”
“อ้าวเหรอ แล้วคุณหมายถึงเรื่องไหนล่ะ” เขากลั้นยิ้มเมื่อเห็นแก้มนวลๆ นั้นแดงเรื่อดูแล้วน่ารักน่าหยอกดีไม่น้อยเลย
“หมายถึงเรื่องที่จะต้องคอยตบตีกับพวกคนคุยทั้งหลายของคุณต่างหากล่ะคะ”
“ไม่มีแล้วน่า”
“ไม่มีอะไรคะ”
“ก็คนคุยไง คุณก็เห็นนี่ผมจัดการไปหมดแล้ว ตอนนี้ผมไม่มีใครเลยนะ นอกจาก...คุณคนเดียว” เขาขยับเข้าไปใกล้แล้วเอียงหน้าซบไหล่เธออย่างอ้อนๆ เล่นเอาหญิงสาวถึงกับตัวเกร็งยิ่งกว่าเดิม
“นี่คุณซันอย่ามาแกล้งอำดรีมเล่นนะคะ ขยับไปนั่งตรงๆ เลย ดรีมต้องใช้สมาธิขับรถ”
“แต่เมื่อกี้คุณก็ไม่ได้เสียสมาธิอะไรนี่ แล้วก็ไม่ได้เกร็งเหมือนตอนแรกแล้วด้วย ดูผ่อนคลายขึ้นเยอะเลยนะ” เขาเงยหน้าขึ้นมองริมฝีปากจิ้มลิ้มนั้น ก่อนจะขยับตัวกลับไปนั่งตัวตรงแล้วหลับตาลงอย่างอารมณ์ดี
เหมือนฝันจึงเพิ่งจะเข้าใจว่าที่เขาชวนเธอคุยเรื่องพวกนั้นก็เพียงเพราะต้องการทำให้เธอเบนความสนใจจากการขับรถหรูเท่านั้น สิ่งที่พูดมาไม่ได้มีอะไรที่จริงจังเลย
โดยเฉพาะ...เรื่องที่เขาชวนเป็นแฟน
ก่อนจะถึงคอนโดที่พักของเขา หญิงสาวก็แวะรับอาหารที่สั่งเอาไว้ ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปจนถึงจุดหมายปลายทาง
“จัดโต๊ะเสร็จแล้วค่ะ คุณมากินข้าวก่อนนะคะ อีกยี่สิบนาทีคุณหมอจะมาถึงค่ะ” เธอบอกเมื่อนำอาหารจัดลงในจานเรียบร้อย
“ความจริงไม่ต้องให้หมอมาแล้วก็ได้นะ ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ ได้นอนพักสักงีบคงจะหาย”
เขาบอกพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ แต่ก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเธอยื่นหลังมือมาทาบกับหน้าผากนั้นก่อนจะเลื่อนมาแตะที่ลำคอของเขาแล้วดึงมือกลับ
“ตัวยังร้อนอยู่เลยนะคะคงไม่หายง่ายๆ หรอก ให้หมอมาตรวจก็ดีแล้วค่ะ คุณไม่ได้ดื่มหนักแบบนี้มานาน แถมยังมีงานล้นมือแทบทุกวันร่างกายก็เลยประท้วงเอา วันนี้ให้หมอจัดยาให้ แล้วนอนพักไปถึงพรุ่งนี้อีกวัน จะได้ไปทำงานวันจันทร์ด้วยความสดชื่นไงคะ”
“คุณจะให้ผมนอนยาวตั้งแต่บ่ายนี้ไปจนถึงพรุ่งนี้เลยเหรอ น่าเบื่อแย่เลยนะ”
“ก็คุณป่วยนี่คะ เบื่อก็ต้องทนค่ะ วันจันทร์มีประชุมเช้านะคะ แล้วก็ยังต้องคุยกับลูกค้ารายใหม่อีกสามรายในตอนบ่าย ถ้าขืนยังป่วยอยู่จะเอาแรงที่ไหนไปทำงานล่ะคะ”
“เฮ้อ...โอเคๆ ผมยอมคุณแล้วครับคุณเลขาฯ”
“ดีค่ะ ว่าง่ายๆ จะได้โตไวๆ นะคะเจ้านาย”
หญิงสาวยิ้มจนตาหยีก่อนจะตักอาหารลงในจานให้เขาอย่างเอาใจ อาทิตย์ก็ได้แต่มองยิ้มๆ แล้วนั่งกินอาหารไปเรื่อยๆ จนรู้สึกอิ่ม ก็ไปนอนพักในห้องระหว่างที่รอหมอมาตรวจ ส่วนเธอก็ไปล้างจานชามระหว่างรอเช่นกัน
ไม่นานคุณหมอก็มาถึงและจัดยาให้เขาชุดใหญ่ก่อนจะเดินทางกลับหลังจากนั้น
“กินยาแล้วก็หลับนะคะ เดี๋ยวดรีมจะนั่งแท็กซี่กลับก่อน เอาไว้...”
“คุณจะไม่อยู่เฝ้าผมหน่อยเหรอดรีม”
“คะ?”
“ผมป่วยนะ จะทิ้งคนป่วยเอาไว้คนเดียวจริงเหรอ เกิดผมเป็นอะไรหนักหนาขึ้นมาแล้วจะมีใครรู้ล่ะ”
“แต่คุณหมอก็มาตรวจแล้วนี่คะ กินยาแล้วคุณคงดีขึ้น”
“เฮ้อ...เข้าใจแล้วล่ะ”
“เข้าใจ...อะไรคะ?”
“ก็เข้าใจว่าไม่มีใครที่ห่วงผมจริงๆ สักคนเลยน่ะสิ คุณเองก็คงทำทุกอย่างตามหน้าที่ และหน้าที่ของคุณก็เป็นเลขาฯ ที่บริษัท ไม่ใช่พยาบาลพิเศษที่จะต้องคอยดูแลผม”
“เข้าใจผิดแล้วค่ะ ดรีมเป็นห่วงคุณจริงๆ แต่ก็แค่คิดว่าการอยู่เฝ้าคุณที่นี่อาจดูไม่เหมาะสมนัก ต่อให้คุณจะไม่ได้คิดอะไรกับดรีม แต่ดรีมก็เป็นผู้หญิงถ้ามีใครรู้เข้าว่าเราสองคนอยู่ด้วยกัน มันคงดูไม่ค่อยดีนัก ดรีมหมายถึงคนอื่นจะเข้าใจผิดเราสองคนเอาได้”
“แล้วใครจะรู้ล่ะ นอกจากหมอที่มาตรวจคนในบริษัทก็อาจจะคิดแค่ว่าเราสองคนออกไปทำงานข้างนอกด้วยกันเท่านั้นเอง”
เหมือนฝันนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจอยู่เป็นเพื่อนเขาอีกสักหน่อย
“งั้นดรีมจะอยู่เฝ้าคุณจนถึงหกโมงละกันนะคะ หลังจากคุณกินอาหารเย็นแล้วดรีมก็จะกลับ”
“คุณไม่ต้องฝืนใจอยู่ก็ได้นะ ผมก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง”
“ดรีมไม่ได้ฝืนใจอะไรค่ะ นอนพักเถอะนะคะ เดี๋ยวดรีมจะไปทำงานรอระหว่างที่คุณหลับ มีอีเมลหลายฉบับที่รอการตอบรับอยู่ค่ะ ยังไงคงต้องรบกวนขอยืมห้องทำงานของคุณก่อนนะคะ”
“ตามสบายเลย ขอบคุณนะดรีม ขอบคุณที่อยู่กับผม”
เขามองเธออย่างซาบซึ้งใจ