“ไปร้านไหนคะ” เธอถามอย่างอยากรู้ แล้วคิดว่าตอนกลับจะได้แยกกับเขา เพราะไม่อยากให้เขาไปที่คอนโดของเธอจึงต้องหาวิธีเลี่ยงให้ดีที่สุด
“บ้านผม”
“บะ...บ้านเหรอ” เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ แล้วก็รู้สึกหวั่นกลัวและประหม่า ราวกับตัวเองไปบ้านแฟนเป็นครั้งแรกอย่างนั้น
‘ทั้งที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง แต่ทำไมเธอรู้สึกว้าวุ่นใจนักนะ’
“ผมไม่พาคุณไปทำอะไรแบบคืนนั้นหรอกน่า”
“คุณ...หยุดพูดเรื่องนี้นะ เด็ก ๆ อยู่” เธอต้องปรามเขา เพราะจะเอ่ยเรื่องน่าอายแบบนั้นออกมาได้อย่างไร
“ถ้าไม่มีเด็ก ๆ พูดได้ใช่ไหม”
“คุณ!”
^__^ ชวกรยิ้มหยีเต็มใบหน้าส่งให้
เมื่อโดนเธอขึงตาใส่บ่อย ๆ คนที่ชอบแกล้งก็รู้สึกพออกพอใจ เขาชอบจังเวลาที่อยู่กับเธอเช่นนี้
เธอหายใจเข้าลึกเต็มปอดพยายามตั้งสติ ไม่ให้เตลิดไปเพราะเขาที่เอาแต่สัพยอกหยอกเย้าให้เธอโกรธอยู่เรื่อย
เวลาหกโมงเย็นแล้ว แต่ทว่าศุภโชคยังไม่ออกมา
จากบริษัทนวลวรรณก็ตามหาจนทั่วแล้วก็ไม่มี จึงเข้ามาตามหาที่แผนกบุคคล แต่เธอเห็นเขาที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาเซ็นอะไรสักอย่างจึงเรียกขึ้น
“คุณ...ทำอะไรอยู่คะ กลับบ้านกัน” นวลวรรณไม่ได้เข้ามาในห้อง แต่ยืนอยู่ด้านนอกเรียกเขา
ซี้ด...! อ่าห์...!
เสียงครางเล็ดออกจากปาก เมื่อเขายืนขึ้นอย่างตกใจแล้วบางอย่างใต้โต๊ะครูดกับน้องชายของเขา
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” นวลวรรณเห็นเขาครางร้องเหมือนโดนอะไรสักอย่างจึงเอ่ยอย่างเป็นห่วง
“อ้อไม่มีอะไรครับที่รัก พอดีเตะขาโต๊ะ”
เขายืนขึ้นแต่เบื้องล่างก็ยังไม่หยุดรูดเข้าออกพร้อมกับสวบเข้าปากเคล้นเอาจนเขาสั่นเกร็งไปทั้งตัว
“มาเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำรอ”
ภรรยาของเขาไปแล้ว แต่ทว่าเขาก็ทรุดนั่งลงแล้วลากหญิงสาวที่เป็นต้นเหตุขึ้นมา จับให้นอนราบหันก้นมาหาแล้วแหวกเพ้นตี้จิ๋วยัดส่วนที่แข็งแกร่งระรัวเพื่อทำเวลา ไม่นานนักเขาก็รีดออกมาทุกหยาดหยด พร้อมกับปิดปากเธอแน่นห้ามส่งเสียงดัง เพราะกลัวคนจับได้
ภัทรินเทียวไล้เทียวขื่อมานาน จนวันนี้สบโอกาสเหมาะ และแสร้งทำปากกาตกไปใต้โต๊ะแล้วเอื้อมมือของเธอไปลูบคลึงความเป็นบุรุษของเขา และนั่นนำมาซึ่งบทรักที่แสนหวาดเสียวและเร่าร้อน ระคนตื่นเต้นเพราะกลัวคนมาเห็น นับว่าเป็นบทรักเริ่มต้นที่ดีสำหรับเธอและเขา และเชื่อว่าเราสองคนจะไปได้อีกยาว
‘หึ...มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป’
แม้ว่าเธอจะเป็นสายให้กับนวลวรรณ แต่สายลับใช่จะไม่หักหลังผู้เป็นนาย ในเมื่อตำแหน่งของเขานั้นน่าลักกินขโมยกินนัก เธอก็อยากลอง และมั่นใจว่าลีลาเธอนั้นเด็ดดวงกว่าผู้ใดแน่นอน
ศุภโชคดึงออกจากร่างของเธอฉับพลันแล้วก็รูดซิปเดินออกจากห้องไป ทั้งส่งสายตาบอกให้รู้ว่าเดี๋ยวค่อยคุยเรื่องนี้กัน แม้ว่าใบหน้าที่เย้ายวนเว้าวอนอ้อนเอ็นแค่ไหน เขาก็ต้องตัดใจก่อน
เขาไม่เคยนอกกาย ตั้งแต่แต่งงานกันมา ครั้งนี้ครั้งแรก แต่ก่อนแต่งงานเขาซื้อกินเป็นประจำอยู่แล้ว วันนี้ตนเองเผลอตัวไปชั่วขณะ แล้วก็กับเลขาปากสว่างด้วย หากรู้ถึงหูเมียเขาได้ตายเป็นแน่
เวลาหกโมงครึ่งรถของชวกรแล่นมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ ที่จะเรียกว่าบ้านเห็นจะไม่ถูกนัก เพราะมันหลังใหญ่มากจนวราภัคไม่กล้าลงไปเหยียบเลย จนเขาที่นั่งด้านข้างเอื้อมไปช่วยปลดเข็มขัดให้
“ลงสิ...หรือไม่ชอบบ้านจะไปต่อที่คอนโด”
“บ้าสิ!”
เขาจะความจำดีทบทวนเรื่องแต่หนหลังทำไมกันบ่อย ไม่รู้หรือไงมันเรียกความเขินอายจนเธอไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปมุดที่ไหน หากคราวหน้าเจอกันเธอไม่ต้องเอาปี๊บคลุมหัวหรอกหรือ
ชายหนุ่มไม่พูดต่อแต่อมยิ้มให้กับเธอแล้วหันไปปลดเข็มขัดให้เด็ก ๆ ลงจากรถ
“อ่าวมากันแล้วเด็ก ๆ” เสียงสตรีสูงวัยแต่งตัวดีเดินออกมาฉีกยิ้มให้กับเหล่าเด็ก ๆ ที่เจ้าลูกชายตัวดีบอกว่าจะพาเพื่อนปานดาวมาทานข้าวที่บ้านด้วย
“สาหวาดดีค่ะอุนย่า” เด็กหญิงปานดาวไหว้ผู้สูงวัยก่อน แล้วเควินจึงทำตาม
“สวัสดีฮะอุนย่า” เด็กชายเควินเลียนแบบได้เหมือนปานดาว จนคนที่ไม่อยากให้เขาเรียกย่าอย่างวราภัครีบท้วง
“เรียกคุณยายดีกว่าลูก”
“เรียกย่าดีแล้ว จะได้เหมือนปานดาว” ชายหนุ่มเดินมายืนเคียงข้างขัดคำพูดเธอขึ้น
คุณขวัญนรีมองสองหนุ่มสาวที่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้ สลับกับมองเด็กชายตัวน้อย ที่ตากรเล่าให้ฟังว่าปานดาวพูดเป็นตุเป็นตะว่าเป็นแฟนของเธอ
“นะ...นี่!” ใบหน้าเด็กน้อยคนนี้ทำให้ขวัญนรีตกใจ ทำไมเหมือน...!
“เอ่อ...แม่ครับมีอะไรทานบ้างครับ เด็ก ๆ คงหิวกันแล้ว” คนเป็นลูกชายรีบขัดเดี๋ยวไก่จะตื่นแล้วจะต้อนเข้าสุ่มไก่ไม่ได้ พร้อมทั้งเชิญให้เธอมานั่งในห้องรับแขกก่อน
“เข้ามานั่งก่อน ตามสบายนะหนู เดี๋ยวฉันไปดูเด็กในครัวก่อน” ขวัญนรีมองลูกชายตาเป็นมัน พร้อมกับคาดโทษคืนนี้หากไม่ได้รู้เรื่องไม่ต้องนอนกันแน่
“ให้หนูช่วยนะคะ คุณป้า” วราภัคไม่คิดจะมาทานข้าวของเขาอย่างเดียว จึงอาสาเข้าไปช่วยในครัว แต่ทว่าเมื่อเธอผ่านคนตัวใหญ่กว่า เขาก็เอามือลงมาวางที่หัวแล้วก้มกระซิบ
“เรียกแม่ก็ได้นะ...ซ้อมไว้จะได้ชิน”
เสียงกระซิบนั้นทำให้คนหูดีอย่างขวัญนรีได้ยินเต็มสองหู จนอยากจะดึงหูลูกชายตัวดีเสียจริง
“มานี่เถอะหนู...อย่าไปสนใจผู้ชายเจ้าชู้ปากมากพรรค์นั้น”
เมื่อแม่ขัดใจท่าทางฮึดฮัดเหมือนเด็กก็ออกมา แต่เขาจะต้องรีบไปทำบางอย่างก่อนที่เธอจะรู้
สายตาเครียดมองไปยังเด็กน้อยที่มองปานดาวเล่นของเล่นแล้วก็นั่งนิ่ง
“เควิน...มาเล่นกับปานดาวสิ”
“ไม่อาว...เดี๋ยวหักไม่มีเงินซื้อใช้”
คำพูดเด็กน้อยทำให้เขาสะเทือนใจจนไม่รู้ว่าวันนี้กี่ครั้งกี่หนแล้ว ตั้งแต่เช้ายันเย็น จนตัวเองต้องเข้าไปลูบหัวเด็กชายตัวป้อมอย่างรักใคร่เอ็นดู
“ไม่ต้องกลัวครับเล่นเลย เดี๋ยวอาซื้อให้ใหม่”
เธอเลี้ยงลูกอย่างไรกันนะ ทำไมนัยน์ตาเด็กน้อยคนนี้เศร้านัก แต่ละคำที่เอ่ยออกมาเสียดแทงเข้าไปในอก แต่เมื่อเห็นกระเป๋าของเควิน ความขี้เผือกของเขาก็เกิดขึ้นเมื่อเห็นซอง ขาว ๆ มือหนาคว้ามันออกมาเปิด
‘จดหมายทวงค่าเทอม!’