เรื่องท้องธีริญบิดบังมารดาไม่ได้เพราะอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่คนในบริษัทจะรู้ไม่ได้เป็นอันขาด เธอต้องการเงินสำรองสักก้อนไว้กันเหนียว จึงต้องเร่งทำงานหนัก ตระเวนขับรถออกไปพบลูกค้าปิดดีลการขายให้ได้มากที่สุด ก่อนจะเข้าสู่ช่วงท้องแก่ซึ่งทุกคนจะเริ่มรู้ ถึงตอนนั้นเจ้านายเธอคงไม่ยอมให้ทำงานหนักแน่ ไหนจะต้องวุ่นวายลาคลอดและเลี้ยงบุตรอีกสองสามเดือน ถ้าโชคร้ายมีคนมาทำงานแทนเธอได้ดีกว่า ตำแหน่งเธอคงถูกเปลี่ยนมือไปไม่ยาก
หญิงสาวลูบท้องด้วยความกลัดกลุ้ม ตอนนี้เธอท้องสามเดือน หน้าท้องก็เริ่มจะออกให้เห็นบ้างแล้ว จะใส่ชุดเข้ารูปไม่ได้อีกเพราะอาจมีคนสงสัยหรือดูออก ยิ่งถ้าเกิดมีใครทักขึ้นมากลางวงคงยิ่งไปกันใหญ่ พอเลิกงานในวันศุกร์ ธีริญจึงแวะห้างสรรพสินค้าชื่อดังใกล้ที่ทำงานเพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่สักสามสี่ชุด
เธอเดินเข้าไปในแผนกเสื้อผ้าสตรี ใกล้ๆ กันเป็นแผนกแม่และเด็ก มีชุดคลุมท้องและเสื้อผ้าเด็กน่ารักๆ อยู่เต็มไปหมด วิญญาณมนุษย์แม่เข้าสิงทำให้ธีริญอดใจไม่ไหว เดินเข้าไปหยิบชุดนั้นจับชุดนี้พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หุบ เมื่อคิดว่าหากลูกเธอใส่แล้วจะน่ารักขนาดไหน
ยังไม่ทันได้เสื้อผ้าของเธอ ก็หมดเงินไปกับชุดเด็กเสียแล้ว ธีริญหยิบชุดกระโปรงชั้นระบายสีลูกกวาดและชุดเอี๊ยมสุดคิวต์ในถุงขึ้นมาชื่นชม ลองจับเนื้อผ้าที่นุ่มสบายอย่างพึงพอใจ ไม่นึกเสียดายที่เธอเผลอซื้อมันมาเพราะอดใจไม่ไหว
“ลูกแม่ใส่แล้วต้องน่ารักมากแน่ๆ เลย” เธอยกมือลูบท้องคุยกับเจ้าตัวเล็กไปพลางเดินไปพลาง ไม่ทันมองทางเกือบชนกับคนที่เดินสวนมา เธอเบรกตัวโก่งเอ่ยขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ พอเงยหน้าก็ต้องชะงักเมื่อเจอคนที่ไม่อยากพบหน้าที่สุด เธอกับอดีตสามีห่างหายจากกันไปเดือนกว่าแล้ว ไม่คิดว่าโลกจะกลมเหวี่ยงให้เรามาเจอกันอีก ทั้งที่เธอไม่ต้องการเลยสักนิด
มีแววประหลาดใจผุดผ่านแววตาของภิฌานเพียงวูบเดียวก็ถูกความนิ่งกลืนกิน เขามองแผนกที่เธอยืนอยู่แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ แต่สายตาที่มองกันทั้งกดดันและสงสัยใคร่รู้
“คุณมาทำอะไรที่แผนกนี้”
ธีริญวางท่าเมินเฉยทั้งที่ในใจเต้นตุ๊มๆ ต้อมๆ ผิดไปหลายจังหวะ กว่าจะฝืนปั้นสีหน้าให้เป็นปกติไม่แสดงพิรุธให้เขาเห็น
“มาเดินเล่น”
ภิฌานเลิกคิ้ว ฟ้องชัดว่าไม่เชื่อข้ออ้างเพ้อเจ้อของเธอ
“งั้นเหรอ ผมหลงคิดว่าคุณท้องซะอีก” ไม่พูดเปล่ายังเคลื่อนสายตาไปยังชุดเด็กที่ธีริญถือค้างอยู่ ก่อนจะหลุบต่ำมองหน้าท้องที่เคยแบนเรียบ แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะป่องขึ้นมานิดๆ ดันตัวผ่านกระโปรงรัดรูปจนเห็นชัดชวนให้คนมองสะกิดใจ
คิดอีกมุมเธออาจจะเพิ่งกินข้าวมาจนอิ่มจัดก็ได้
แต่ไม่รู้สิ...เขารู้สึกติดใจอย่างไรพิกล
ธิริญแทบสะดุ้งโหยง หน้าเปลี่ยนสีจนแทบจะเก็บอาการไม่อยู่ ใครจะรู้ว่าในอกข้างซ้ายของเธอเต้นกระหน่ำเหมือนกลองสะบัดชัย ไม่แน่ใจว่าภิฌานเกิดเอะใจหรือสงสัยอะไรขึ้นมารึเปล่า
“คุณคิดมากไปรึเปล่าคะ ฉันจะท้องได้ไง ในเมื่อคุณระวังตัวแจขนาดนั้นตอนที่เรานอนด้วยกัน ฉันยังจำได้ขึ้นใจ คุณพูดซ้ำๆ ย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่ต้องการมีลูก ฉันไม่มีทางพลาดแน่นอน คุณสบายใจได้” หญิงสาวยิ้มเยาะกลบเกลื่อน ทั้งที่ฝ่ามือสองข้างเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง
ภิฌานไม่ได้ปฏิเสธในสิ่งที่อดีตภรรยาพูด เมื่อครู่ตอนเห็นเธอยืนอยู่ในแผนกเด็ก ความคิดของเขาก็พลันซับซ้อนทันทีที่คิดว่าเธออาจจะท้อง เขาไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในท้องของเธออย่างไร ไม่เคยคิดถึงภาพเด็กเล็กๆ ที่หัวเราะยิ้มแย้มอยู่ในอ้อมแขนของเขา และไม่เคยเตรียมใจที่จะกลายเป็นพ่อคนมาก่อน เพราะมองเห็นปลายทางที่เราต้องแยกจาก
แต่ตอนที่ได้ยินเธอบอกปัดทันควัน แถมยังย้ำชัดว่าไม่ได้ท้อง ใจเขาก็วูบหม่นคล้ายรู้สึกผิดหวังหรือเสียดายยังไงยังงั้น
“แล้วคุณซื้อเสื้อผ้าเด็กพวกนี้ไปทำไม”
ธีริญแทบจะปาถุงเสื้อผ้าใส่หน้าเขาให้ความจำเสื่อม ทำไมผู้ชายเฮงซวยคนนี้ถึงกัดเรื่องลูกไม่ยอมปล่อยสักทีนะ เธอไม่ได้วิ่งร้องแรกแหกกระเชอต้องการความรับผิดชอบจากเขาเสียหน่อย จะเซ้าซี้ถามอะไรให้มากความ
“ฉันซื้อไปฝากหลาน”
“คุณเป็นลูกคนเดียว” เขาแย้ง
ธีริญชักสีหน้ามองเขาตาเขียว ก่อนจะตอบปัดรำคาญว่า
“เพื่อนร่วมงานของฉันเพิ่งคลอดลูก ฉันเลยซื้อของขวัญไปรับขวัญหลาน อยากรู้อะไรอีกมั้ย” ท้ายเสียงประชดถาม
“เพื่อนคนไหน” ภิฌานคล้ายจะจำได้รางๆ ว่าติดต่อธุรกิจกับบริษัทของเธอสองสามครั้ง แต่ไม่ยักรู้ว่ามีพนักงานตั้งครรภ์อยู่ด้วย
“คุณภิฌาน! มันจะมากเกินไปมั้ย คุณกับฉัน...เราหย่ากันแล้ว คุณมีสิทธ์อะไรมาถามเรื่องส่วนตัวของฉัน” ธีริญต่อว่าเขาอย่างเหลืออด แถมหงุดหงิดจนทนไม่ไหวเลยเดินหนีเขาไปดื้อๆ เกรงว่าอยู่จ้องหน้าเขาอีกวินาทีเดียวคงได้อกแตกตาย
แต่มือหนาเอื้อมมากุมมือเธอไว้แน่นตอนที่เดินผ่านหน้าเขา จะดิ้นหนีสะบัดก็ไม่มีทางหลุด ภิฌานจ้องหน้าเธอราวกับเขายังไม่หมดคำถาม และไม่ยอมให้เธอหลีกเลี่ยง ทำเอาธีริญกลอกตาอยากจะบ้าตายกับผู้ชายขี้สงสัยเสียจริงๆ
“บอกความจริงผมมา คุณท้องรึเปล่า”