คนตัวเล็กก้าวออกจากลิฟต์อย่างงง ๆ เธอยืนมองประตูลิฟต์ปิดลง แล้วจึงนึกขึ้นได้ว่า
“ตายละ…ยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย แล้วก็ไม่ได้ถามชื่อเขาไว้ด้วย แล้วจะเอาเสื้อไปคืนเขายังไงล่ะ ทีนี้ เธอนี่น้า…ยัยเรนนี่ ทำไมถึงโก๊ะแบบนี้”
คนขี้ลืมบ่นกับตัวเอง แต่พอนึกได้ว่า ใกล้เวลานัดสมัครงานกับฝ่ายบุคคลแล้ว เธอจึงรีบเดินเข้าไปในออฟฟิศ ส่วนเรื่องเสื้อสูท เรื่องคำขอบคุณ เดี๋ยวเธอค่อยหาทางเอาไปคืนเขา แล้วค่อยขอบคุณเขาก็ได้
หลังจากสมัครงานเสร็จแล้ว เรนนี่เดินออกมายืนรอลิฟต์ พลางคิดว่า จะเอาเสื้อสูทไปซักก่อน แล้วพรุ่งนี้ เธอจึงจะมาดักรอเจ้าของเสื้อที่หน้าลิฟต์ชั้นล่าง
เมื่อลงลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่ง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เรนนี่ล้วงมือลงในกระเป๋าถือ ควานหาโทรศัพท์ แล้วหยิบขึ้นมาสไลด์นิ้วเรียวสวยกดรับสาย
“ฮัลโหลค่ะ…หม่ามี้”
“เรนนี่ เย็นนี้เรามีนัดกินข้าวกับป้าภานะลูก”
“ป้าภา…แม่ของพี่คิณน่ะเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ หนูสมัครงานเสร็จยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เรนนี่กำลังจะกลับ”
“เจอพี่เขาไหม”
“ไม่เจอค่ะ”
ที่จริงเธอไม่ได้บอกพนักงานที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ว่ามาหาท่านรองประธาน และเธอไม่ได้ไปแนะนำตัวกับเขาตามที่หม่ามี้บอกต่างหาก เธอยอมมาสมัครงานที่นี่ตามที่หม่ามี้ต้องการแล้ว แต่เธอยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าพี่คิณ เธอเคยเจอเขาเมื่อ สิบปีก่อน หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เขาไปเรียนต่อเมืองนอกตั้งแต่จบมัธยมปลาย พอเขากลับมาทำงาน เธอก็บินไปเรียนต่อที่อังกฤษ ระหว่างนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย เธอจำไม่ได้แล้วล่ะว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง
“เอาเถอะ ๆ ไม่เจอก็ไม่เป็นไร เย็นนี้ก็ได้เจอกันแล้ว ขับรถดี ๆ นะลูก”
“ค่ะ หม่ามี้”
หม่ามี้ของเธอวางสายไปแล้ว เรนนี่ถอนหายใจยาว เธอเดินมาถึงรถพอดี
พอขึ้นมานั่งบนรถ เรนนี่ก็ถอดเสื้อสูทและวางไว้ที่เบาะข้างคนขับ นึกขอบคุณเจ้าของเสื้อที่แสนใจดี ยังไงเธอก็ต้องเอาเสื้อไปคืนและต้องขอบคุณเขาให้ได้
ในวันที่แสนซวย โลกก็ยังเหวี่ยงคนใจดีมาให้เธอ แต่เย็นนี้สิ…ไม่รู้ว่าจะดีหรือจะซวย เพราะความทรงจำครั้งล่าสุดที่เกี่ยวกับเขาที่เธอจำได้ก็คือ เขาเรียกเธอว่า ยัยเด็กซาลาเปา
เรนนี่ถอนหายใจแรง เธอบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า
“อีตายักษ์”
เธอเรียกเขาว่ายักษ์ เพราะที่เธอพอจะจำได้อีกนิดคือ เขาตัวสูง แถมชอบทำหน้าดุด้วย จะไม่ให้เธอเรียกว่ายักษ์ แล้วจะให้เรียกว่าอะไรเล่า
ตอนที่ 2
ดวงเด่นเรื่องผู้ชาย
เรนนี่ขับรถกลับคอนโดของเธอ เป็นคอนโดที่คุณป๋าซื้อให้เป็นของขวัญที่เธอเรียนจบปริญญาตรี หลังจากกลับมาจากเมืองนอก เรนนี่ก็เทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านกับคอนโด มันไม่ไกลกันเท่าไร คุณป๋ากับหม่ามี้เลยอนุญาตให้เธอมาอยู่ที่นี่ได้ พวกท่านรักและตามใจเธอมาก แต่มีคนที่ไม่ตามใจเธอและขัดใจเธอแทบทุกอย่างคือพี่ชายของเธอ...เฮียโรม พี่ชายที่อายุมากกว่าเธอสี่ปี เฮียโรมเรียนจบปริญญาตรีจากอังกฤษ เขาดูแลกิจการร้านทองของครอบครัว
แต่ถึงพี่ชายจะไม่ตามใจเธอก็ช่าง แค่คุณป๋ากับหม่ามี้ตามใจเธอก็พอแล้ว ยังไงเฮียโรมก็เกรงใจพวกท่าน เฮียโรมเลยไม่กล้าขัดเธอมากนัก และเพื่อตอบแทนที่คุณป๋ากับหม่ามี้ตามใจเธอ เธอจึงพยายามทำตัวเป็นลูกที่ดี เชื่อฟังพวกท่านทุกอย่าง อาจมีบางทีที่เธอแอบขัดใจพวกท่านบ้าง ทำตามใจตัวเองบ้าง อย่างเช่นวันนี้ ที่เธอไปสมัครงาน แต่เธอไม่ไปพบท่านรองประธานอย่างที่หม่ามี้บอก
เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้ว เรนนี่เอาเสื้อสูทของคนใจดีไปส่งซักที่ร้านใต้คอนโด แล้วจึงขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะกลับลงมาขับรถออกไปหาเพื่อน
วันนี้เรนนี่นัดแก๊งเพื่อนสนิทที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง แก๊งของเธอมีกันสี่คน เป็นเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ใบเตย พราวฟ้า และอลิส
เรนนี่วางแผนว่า หลังจากแยกย้ายกับเพื่อนแล้ว เธอจึงจะไปร้านอาหารตามที่นัดไว้กับหม่ามี้
เรนนี่รู้มานานแล้วว่า หม่ามี้อยากให้เธอแต่งงานกับพี่คิณ และผู้ใหญ่สองครอบครัวก็ได้พูดคุยเรื่องนี้กันมานาน เพียงแต่เธอคิดว่า พวกผู้ใหญ่คงพูดไปอย่างนั้น คงไม่คิดจริงจังเท่าไร หรือไม่ก็...กว่าเธอจะเรียนจบ พี่คิณคงมีลูกมีเมีย แต่งงานไปแล้ว แต่ผิดคาด เมื่อเธอเรียนจบ เขาก็ยังไม่มีใคร หม่ามี้บอกว่า เขาไม่เคยคบใคร ไม่เคยมีแฟน
หรือว่า...เธอจะต้องแต่งงานกับเขาจริง ๆ
“เขาอาจจะมีแฟนแล้ว แต่ยังไม่ได้บอกให้ผู้ใหญ่รับรู้ก็ได้ ยัยเรนนี่ แกอย่าเพิ่งคิดมาก”
เรนนี่พูดปลอบใจตัวเองแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะเรื่องนี้ เธอคงไม่กล้าขัดใจคุณป๋ากับหม่ามี้ แต่ถ้าพี่คิณมีแฟนแล้ว เขาก็คงจะเป็นคนบอกปฏิเสธการแต่งงานเอง เธอก็ได้แต่แอบหวังว่า เขาจะมีแฟนแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับคนน่ากลัวอย่างเขา เพราะภาพจำของเขาสำหรับเธอก็คือ หน้าบึ้ง ตาดุ ไม่น่าเข้าใกล้สักนิด