7.จ้องจับผิด

1452 Words
เฉินเห่ยฟางมองฮูหยินตนนิ่ง เขาจ้องมองลงลึกในดวงตาคู่สวย ซึ่งยามนี้มันสบกับเขาโดยไม่หลบหนีหันเหไปทางอื่น ไยแววตานางถึงไม่เหลือเยื่อใยต่อข้าเช่นแต่ก่อน นี่คือสิ่งที่เขากำลังถามตนเองในยามนี้ เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้ามันต่างออกไปจากแต่ก่อนมากนัก “หรือท่านเกรงว่าภายหน้าจะเสียผลประโยชย์ของตระกูล เรื่องนี้ท่านต้องคิดให้ดีนะ เพราะข้าไม่ใช่มู่เฟยเฟยคนเดิม การที่ข้าอยู่ในสกุลเฉินต่อ เจ้าอาจจะขาดทุนมากกว่าเดิมก็เป็นได้” ยังมิวายขู่เขา เพราะเฟยเฟยตั้งใจจะป่วนจวนนี้แน่ถ้าเขาไม่ยอม “หึ! อยากแต่งเข้ามาก็รบเร้าบิดามารดาตน บังคับให้สกุลเฉินแต่งเจ้าซึ่งเป็นสตรีขี้โรคเข้ามาเป็นฮูหยิน ทั้งที่ตั้งครรภ์หรือทำหน้าที่ภรรยาก็ยังไม่ได้ พอมายามนี้กลับบอกว่าตนจะหย่า ฮ่าฮ่า มันไม่ง่ายถึงเพียงนั้นหรอกมู่เฟยเฟย” โน้มหน้าลงมาหยันคนตัวเล็ก ซึ่งตอนนี้มองเขาตาเขียว เพราะมันจริงเช่นที่อีกฝ่ายเอ่ย แย่จัง ลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลย เท้าเล็กถอยออกมายืนตั้งหลัก เมื่อนึกได้ว่าในนิยายบอกเล่าถึงสาเหตุการแต่งงานในครานี้ซึ่งมันน่าสมเพชมาก มู่เฟยเฟยใช้อำนาจของบิดามารดาต่อรองกับสกุลเฉิน หากแต่งนางเป็นฮูหยิน จะช่วยชำระหนี้ที่ค้างกับพ่อค้าใหญ่ในเมืองให้ ทำให้นายท่านของจวนสกุลเฉินตบปากรับคำทันที ทว่าต้องมีข้อแม้เรื่องสืบทายาท เฉินเห่ยฟางสามารถรับอนุได้จนกว่าจะมีบุตรชาย ซึ่งข้อนี้มู่เฟยเฟยยอมตกลงแต่โดยดี นางคาดหวังว่าหากบุรุษอันเป็นที่รักมีใจ เขาก็คงไม่ทำร้ายจิตใจกัน ซึ่งมันไม่ได้เป็นอย่างที่นางคิดแม้แต่น้อย เขาไม่เคยไยดีสักนิด นอกจากยามที่บิดามารดานางมาเยี่ยมเท่านั้น “แต่ยามนี้ข้าไม่อยากอยู่ในฐานะฮูหยินน้อยของสกุลเฉินแล้ว มีสตรีอีกมากที่ต้องการ และที่สำคัญข้าไม่อยากใช้สามีร่วมกับน้องสาว มันน่าสะอิดสะเอียน” บอกไปอย่างที่คิด ถ้าเขาแต่งอนุคนอื่น เฟยเฟยก็ยังพอรับได้ ‘นิดหน่อย’ เพราะรู้ว่ายุคนี้ไม่มีบุรุษใดที่มีเมียเดียวได้ นอกจากชาวนาที่ไร้เงินทอง แค่เลี้ยงปากท้องตนเองยังไม่พอ พวกเขาไม่มีทางหาเหาใส่หัวแน่ ต่างจากคนใหญ่คนโตตระกูลดังเช่นนี้ แม้จะมีดีแค่เปลือกนอก แต่สกุลเฉินก็ยังมีหน้ามีตาในเมือง จึงทำให้หลายครอบครัวเต็มใจยกบุตรสาวซึ่งเป็นลูกอนุเช่นกันตบแต่งให้เขา เพราะคนตรงหน้าถือว่าเป็นขุนนางที่อนาคตไกลผู้หนึ่ง “หึหึ นี่สินะสิ่งที่เจ้าต้องการในที่สุดก็เผยออกมาแล้วล่ะสิ” คิ้วสวยผูกกันเป็นปมเมื่อได้ยินประโยคของเขา ‘อีตานี่คิดว่าเราอยากให้เขาเลิกกับซูฉีแล้วหันมาสนใจเรางั้นเหรอ มันจะหลงตัวเองมากไปแล้วพ่อคุณ’ เฟยเฟยนึกในใจจนเผลยยิ้มเหยียดคนตรงหน้าที่คิดเข้าข้างตัวเองจนน่าหมั่นไส้ “หมายความว่าเยี่ยงไร ไยเจ้าทำหน้าเช่นนี้” กระแทกเสียงใส่พร้อมกับดึงรั้งแขนเล็กให้เซเข้ามาหา “คุณชาย ฮูหยินร่างกายไม่แข็งแรงนะเจ้าคะ” เสี่ยวจูรีบเตือนเพราะเป็นห่วง ทว่ายามนี้เห่ยฟางโกรธจนลมออกหูแล้ว เขาไม่ฟังใคร และไม่สนด้วยว่าร่างเล็กจะเจ็บหรือไม่ “ข้าไม่เป็นไร เจ้าถอยออกไปก่อน” เฟยเฟยหันมาเอ่ยกับคนของตน ก่อนจะหันมาหาผู้ที่ยืนรั้งต้นแขนนางไว้ “ข้าแค่นึกไม่ถึงว่าท่านจะหลงตนเองถึงเพียงนี้เห่ยฟาง ก่อนนั้นข้าอาจจะรักท่านหลงงมงายคิดว่าท่านเป็นบุรุษที่ดีสามารถดูแลและปกป้องภรรยาได้ ทว่าข้าคงคิดผิด เพราะตลอดมาข้าไม่เคยได้สัมผัสถึงความรู้สึกนั้นเลย และวันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว จึงอยากจะหย่าเพื่อมอบอิสระภาพให้กับเราทั้งคู่ ไยท่านถึงคิดว่าข้ามีเล่ห์เหลี่ยมแผนการ มันคือความต้องการของสตรีนางหนึ่งที่อยากหลุดพ้นจากวงจรอุบาทของผู้ที่หลงในอำนาจ สมสู่ได้แม้กระทั่งน้องสาวของภรรยาตน คนยุคนี้อาจมองเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับข้าคือไม่ มู่เฟยเฟยคนนี้ไม่ขอใช้สามีร่วมกับผู้อื่นเป็นอันขาด” บอกในสิ่งที่ตั้งใจ เพราะคนจากยุคปัจจุบันรับไม่ได้จริง ๆ จากนี้ไปหากสามารถหย่าได้ นางก็ยินดีจะอยู่คนเดียว ไม่แต่งงานหากไม่พบบุรุษที่รักมั่นเพียงแค่ตนเท่านั้น ถึงแม้มันจะยากเพราะตนไม่ได้อยู่ในยุคสมัยเดิมแล้ว ที่นี่บุรุษมีภรรยามากถือว่าเป็นเรื่องปกติ นางต่างหากที่หลงมาอยู่ผิดยุค “ฮ่าฮ่า เพ้อฝันอันใดกันมู่เฟยเฟย บุรุษที่จะมีเจ้าเป็นภรรยาได้เพียงคนเดียวคงเป็นชาวนาชาวไร่นอกเมืองนู่น เจ้าคิดว่าตนจะทนลำบากทำไร่ทำนาได้กระนั้นหรือ คนมีอำนาจบารมีที่ไหนจะยอมรับสตรีที่แต่งงานแล้วเช่นเจ้าเข้าจวน มิหนำซ้ำยังเรียกร้องจะเป็นภรรยาเดียวอีกต่างหาก ต่อให้บิดาหรือมารดาเจ้าไปร้องขอ ก็ไม่มีใครยอมตกลงแต่งเจ้าเข้าไปแน่” ยังคงเปล่งถอยคำหยันออกมา พร้อมกันนั้นก็ดันร่างนางให้ออกห่างด้วย “แล้วอย่างไร ในเมื่อข้าอยู่ที่จวนสกุลเฉินก็ไม่ได้รับเกียรติอย่างที่ควร หย่ากับท่านแล้วผู้คนจะดูถูกก็ช่างปะไร ต่อให้ไม่มีใครแต่งข้าเข้าสกุล ข้าก็ไม่มีทางอดตายหรือทุกข์ตรมเช่นอยู่ในจวนเจ้าหรอก เพราะฉะนั้นเขียนจดหมายหย่าให้ข้าเสีย ประเดี๋ยวจะหาว่ามู่เฟยเฟยไม่เตือน” ยังย้ำคำเดิม นางยิ้มหวานส่งให้ก่อนจะเดินเลี่ยงไปยังรถม้า ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทางเช่นไร เพราะเหนื่อยที่จะพูดกับเขาแล้ว ดูเหมือนไม่ง่ายเลยแฮะ นึกในใจเมื่อขึ้นมานั่งบนรถม้า ซึ่งมันนานพอจนกระทั่งผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว จนไม่รู้ว่าสามีขึ้นมานั่งฝังตรงข้ามแล้ว จู่ ๆ นางมีความคิดขอหย่าได้เยี่ยงไรกัน เขามองฮูหยินตัวน้อยซึ่งนั่งพิงผนังรถม้าหลับอย่างเป็นสุข ท่าทางไม่ได้คิดหนักกับเรื่องที่คุยกันเมื่อครู่เลย ‘นางต้องการสิ่งใดกันแน่ คำพูดคำจาก็มีน้ำหนักทุกคำ ไม่มีน้ำเสียงประชดประชันสักนิด หรือนางเสียใจจนทนอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้จริง ๆ แล้วข้าควรทำเช่นไร หากหย่าท่านหญิงต้องเอาเลือดหัวข้าออกเป็นแน่ แล้วถ้าไม่แล้วนางบอกเรื่องราวตลอดสามปีกับท่านหญิงล่ะ สกุลเฉินจะไม่ยิ่งแย่หรือ’ เห่ยฟางเริ่มคิดหนัก เพราะสตรีตรงหน้าทำให้เขากลัดกลุ้มยิ่งนัก ทว่าอย่างหลังมันทำให้เขาเป็นกังวลมากกว่า หากท่านหญิงรู้ว่าตลอดสามปีที่บุตรสาวแต่งเข้ามา นางหาความสุขไม่ได้เลย คาดว่าสกุลเฉินคงถูกลงโทษอย่างเงียบ ๆ เป็นแน่ ‘เรื่องนี้ต้องปรึกษาท่านพ่อ ทำการประมาทไม่ได้’ วางแผนในใจ ซึ่งในขณะนี้เองที่รถม้าดันเกิดตกหลุม ทำให้คนที่หลับอยู่สะดุ้งสุดตัวเพราะตื่นตระหนก และเกือบจะล่วงหล่นลงพื้น ดีที่แขนแกร่งช้อนร่างนางไว้ได้ทัน เฟยเฟยตกอยู่ในอ้อมแขนสามี ซึ่งยามนี้เขาคุกเข่าอยู่ตรงหน้านาง และใบหน้าก็อยู่ห่างกันแค่คืบ ทั้งคู่กลืนน้ำลายลงคอด้วยอาการประหม่าที่เกิดขึ้น เพราะท่วงท่ามันเหมาะให้ตกหลุมรักกันยิ่งนัก ไม่ ไม่ เฟยเฟยบอกกับตนเอง นางไม่มีทางรักบุรุษผู้นี้เช่นมู่เฟยเฟยคนก่อนแน่ รีบยกมือดันไหล่แกร่งเพื่อขยับนั่งตามเดิม “ขอบคุณ” บอกเสียงเรียบ แล้วหันมาเปิดม่านออกไปมองวิวด้านนอก ซึ่งมันน่าจะดีกว่าด้านใน “ข้าจะพาไปซื้อชุดใหม่ อยากได้มิใช่หรือ” กล่าวขึ้นมาทำลายความเงียบ ทว่าอีกคนกลับตอบเพียง “อืม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD