หลังจากที่เสี่ยวาโยกลับไป เวทิกาก็เข้าห้องนอนของตนด้วยความเหนื่อยล้า และแน่นอนว่าเสี่ยหนุ่มก็ฉลาดมากพอที่จะให้คนของมันจับพิสมัยและเบญจาไปเป็นตัวประกัน เพราะกลัวว่าเธอจะเบี้ยวไม่จ่ายเงิน ไม่สิ ต้องบอกว่ากลัวจะเบี้ยวไม่ยอมไปขายตัวให้กับเขา
“ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับไวน์ด้วยคะพ่อ ฮึก...”
เวทิกาพูดกับรูปถ่ายของผู้เป็นพ่อ ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเหนื่อยล้า เพราะไม่มีทางออกให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหาเงินมาใช้หนี้เสี่ยวาโยได้แน่นอน หากไม่ห่วงคนอื่น ป่านนี้ เธออาจจะทิ้งทุกอย่างและหนีไปให้ไกลที่สุด แต่นี่มันต้องแลกมาด้วยชีวิตของพิสมัยและเบญจา แม้ทั้งสองคนจะร้ายกับเธอมาตลอด แต่ก็ไม่สามารถทิ้งไปได้
แวบแรก เวทิกาก็คิดว่าจะแจ้งความ แต่มาคิดดูแล้ว เสี่ยวาโยคงเป็นคนมีอิทธิพลและกว้างขวางไม่น้อย หากไม่เส้นใหญ่จริงก็คงทำธุรกิจสีเทามาได้ไม่นานถึงเพียงนี้ อีกอย่างก็เป็นที่รู้กันว่า ตำรวจก็คงไม่ได้ให้ความช่วยเหลือคนจนอย่างเธอได้มากนัก ความหวังเรื่องการแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยช่วยจึงแทบเป็นศูนย์เลยทีเดียว
‘มาเป็นเด็กผมไหม ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ’
จู่ๆ คำพูดของหมออัคคีก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำ ภายในคืนเดียว เธอถูกผู้ชายสองคนเสนอให้ไปเป็นคู่นอนด้วย แต่ทั้งสองคนนี้กลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง
คนหนึ่งเป็นผู้ชายที่เรียกว่าชั่วได้อย่างเต็มปาก ทำงานผิดกฎหมาย แถมทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวเธออย่างไม่รู้สึกผิด และจะข่มขืนโดยไม่สนใจอะไรแม้แต่น้อย ส่วนอีกคน เวทิกาไม่มั่นใจว่าเขาเป็นอย่างไรกันแน่ ครั้งแรกที่เจอกัน อัคคีคือคุณหมอที่แสนจะเป็นสุภาพบุรุษ และเข้ามาช่วยเหลือตนเองให้หลุดพ้นจากพวกลูกน้องของเสี่ยชั่ว แต่สุดท้าย เขาเองก็ไม่ต่างจากเสี่ยวาโยมากนัก เพราะที่ทำทั้งหมดเพียงเพราะว่าอยากได้ร่างกายของเธอไปครอบครองเช่นกัน
เวทิกาหยิบบัญชีของตนเองขึ้นมาดู พบว่าตอนนี้มีเงินเพียงแค่หลักหมื่น ซ้ำจะให้หันหน้าไปพึ่ง ‘อคิน’ แฟนหนุ่มที่คบกันมาได้สองปีก็ไม่กล้า เพราะที่ผ่านมา อคินช่วยเหลือเธอมาหลายครั้ง อีกอย่างก็ไม่อยากให้เขาต้องมารับรู้เรื่องราวปัญหาของครอบครัวตนเองเท่าไรนัก
ตอนนี้ หญิงสาวไม่มีหนทางที่จะหาเงินมาใช้หนี้เสี่ยวาโยได้ นอกเสียจากว่า…ยอมรับข้อเสนอของหมออัคคี!
หัวใจดวงน้อยเต้นรัวขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงสายตาและน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความจริงจังหลังจากยื่นข้อเสนอให้ เขาแสดงออกถึงความต้องการอย่างไม่ปิดบัง แต่โชคดีที่หมออัคคียังคงความเป็นสุภาพบุรุษและไม่ล่วงเกินเธอเหมือนที่เสี่ยวาโยทำ
เวทิกาพยายามตั้งสติและตัดสินใจอย่างใจเย็น ในเมื่อตอนนี้ ทางเลือกของเธอมีไม่มาก นอกจากการยอมนอนกับเสี่ยวาโยเพื่อแลกกับหนี้ทั้งหมดที่มารดาติดค้างไว้ หรือยอมเป็นเด็กหมอที่ไม่รู้ว่าต้องอยู่ในเงื่อนไขเป็นเวลานานเท่าไร แต่จะได้เงินมากกว่าเดิมหลายเท่า และมีเงินไปใช้หนี้ทั้งหมดให้กับเสี่ยวาโย
แม้ว่าทั้งสองทางเลือกจะมีปลายทางเดียวกัน เพราะนั่นคือการจำยอมขายตัว แต่ต่างกันก็คือ การยอมเป็นเด็กหมอดูจะคุ้มค่ากว่า และที่สำคัญ เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจอัคคีเหมือนที่รู้สึกกับเสี่ยวาโย
“ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ สินะ”
เวทิกาได้แต่ร้องไห้กับตัวเอง เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่า ตอนนี้ ทางออกเดียวของตนเองมีแต่หมอผู้นั้นที่จะเป็นคนช่วยได้ แม้จะต้องแลกกับศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงที่มี แต่ก็คงดีกว่าการต้องตกเป็นนางบำเรอของคนชั่ว!
เวทิกาตื่นมาพร้อมดวงตาที่บวมแดงหลังจากที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืน อย่างไรเสีย วันนี้ เธอก็ต้องไปพบกับหมออัคคีให้ได้ เวลาที่เหลือมีไม่มากนัก และก็ต้องหาเงินไปคืนให้กับเสี่ยวาโยก่อนหกโมงเย็น ไม่อย่างนั้น พวกมันก็จะไม่รับประกันความปลอดภัยของพิสมัยและเบญจา
หญิงสาวใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลที่เพิ่งมาเมื่อวาน และได้ให้คำมั่นสัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้าไม่จำเป็นจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก เพราะไม่อยากตอกย้ำความทรงจำเรื่องการตรวจยืนยันความบริสุทธิ์ แต่วันนี้กลับต้องมาอีกครั้ง และต้องพบกับคุณหมอคนเดิม ซึ่งไม่อยากจะเชื่อว่า ท้ายที่สุด เขากับเธอก็ต้องมีเรื่องให้เกี่ยวโยงกันจนได้!
“คนไข้ป่วยเป็นอะไรมาคะ” พยาบาลซักประวัติตามหน้าที่อีกเช่นเคย แต่คราวนี้ หญิงสาวไม่ได้เตรียมคำตอบมา เพราะมีเป้าหมายแต่เพียงว่าต้องการพบหมออัคคีเท่านั้น
“เอ่อ คือว่า…”
“ผู้หญิงคนนี้เป็นคนไข้ของผมเอง ให้เธอเข้ามาได้เลย”
ไม่ทันที่จะได้ตอบ เสียงของชายหนุ่มที่เวทิกาอยากเจอที่สุดในตอนนี้ก็ดังขึ้น
หญิงสาวหันไปมองคนตัวสูง ก่อนจะต้องหลบตาอย่างรวดเร็วด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นและใจที่เต้นรัว เธอไม่รู้ว่าสายตาเย็นชาที่หมอหนุ่มมองมาหมายถึงอะไร หรือเขาเปลี่ยนใจ ไม่ต้องการยื่นข้อเสนอพวกนั้นให้เธอแล้ว!
เวทิกาเดินตามหมออัคคีเข้าไปที่ห้องตรวจห้องเดิมที่เมื่อวานนี้เพิ่งเข้าไปหมาดๆ ไม่อยากจะเชื่อ การที่เธอปฏิญาณกับตนเองว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก เพราะไม่อยากตอกย้ำความทรงจำที่ขื่นขม แต่สุดท้ายโชคชะตาก็นำพาให้กลับมาอีก และครั้งนี้ก็เป็นการตัดสินใจที่หญิงสาวคิดว่าดีที่สุดในตอนนี้แล้ว
ทันที่หมอหนุ่มหล่อนั่งลงประจำที่ของแพทย์ หญิงสาวก็ทำท่าจะนั่งลงตรงเก้าอี้สำหรับผู้ป่วย แต่ไม่ทันที่เธอจะได้นั่งลงก็ถูกหมอหนุ่มปรามขึ้นเสียก่อน
“ผมยังไม่ได้บอกให้นั่ง ไม่คิดว่าตัวเองเสียมารยาทไปหน่อยหรือไง” พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะพอจะรู้ดีว่าเวทิกามาหาเขาด้วยเหตุใด แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากจะสั่งสอนในความดื้อรั้นของเธอที่ไม่ยอมรับข้อเสนอแต่โดยดี
“ขอโทษค่ะ” ตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันทีตามคำสั่งของเจ้าของห้อง แม้จะอดแปลกใจไม่ได้ว่า เวลาเพียงแค่ข้ามคืน หมออัคคีเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ