พอเขาหายไปก็ว้าวุ่นใจ

1494 Words
รุ่งอรุณ รักษาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ เปิดเปลือกตาขึ้นได้จึงชำเลืองมองนาฬิกา ถึงเห็นว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว ส่วนนิษฐาเดินทางไปสนามบินตั้งแต่เช้าตรู่ เธอไม่ได้เข้ามาบอกลา เพราะคิดว่าชายหนุ่มยังคงโกรธเรื่องผัดคะน้าหมูกรอบอยู่ รักษาอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นจึงเดินลงมาชั้นล่างในเวลาเกือบแปดโมง โต๊ะอาหารจัดสำรับไว้เรียบร้อยแล้ว คุณรังสิมาเดินออกมาจากห้องครัว จึงส่งยิ้มให้บุตรชายเป็นการทักทาย "อรุณสวัสดิ์จ้ะ ลูกนอนหลับฝันดีหรือเปล่าจ้ะ?" นางเดินเข้ามาหา และช่วยประคองแกมบังคับคนตัวโตให้นั่งลง ทว่าเขากลับกวาดสายตามองไปทั่วบ้านก่อนจะหันกลับมาหามารดา "เจียละครับ?" ในที่สุดรักษาก็ยอมพูดกับมารดา แม้จะพูดเพียงเพราะถามหานิษฐาก็ยังดีกว่าชายหนุ่มไม่ยอมพูดอะไรเลย คุณรังสิมาฉีกยิ้มดีใจ และพลอยทำให้นางคิดถึงนิษฐาไปด้วย แม้เจ้าตัวจะเพิ่งออกจากบ้านเมื่อเช้านี้ก็ตาม "หนูเจียกลับไปทำธุระที่กรุงเทพฯ แม่คิดว่าหนูเจียเขาบอกลูกไว้แล้วซะอีก" "ครับ" ชายหนุ่มตอบสั้นๆ และทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นจึงรับประทานมื้อเช้ากับมารดาตามปกติ แต่ดูอารมณ์เสียเล็กน้อย "รักษา ลูกโอเคใช่ไหมเรื่องที่แม่ให้หนูเจียมาดูแลลูก แม่ขอโทษที่ไม่ได้ถามเรื่องนี้กับลูกก่อน" คุณรังสิมาคิดว่าตนควรพูดเรื่องนี้กับบุตรชายก่อน แต่ก็ดูเหมือนเขาจะไม่มีปัญหาอะไร "ครับ" รักษายังคงตอบสั้นๆ พลันคิดไปถึงเงินหนึ่งล้านบาทที่มารดาให้กับนิษฐาไป ไม่ว่าจะให้ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม "ดีจังที่ลูกเห็นด้วย หนูเจียเขาน่ารักแล้วก็ใจดีมากใช่ไหมล่ะ?" นางอยากเห็นว่าบุตรชายจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อพูดถึงนิษฐา แต่รักษากลับยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย นางจึงเดาไม่ออกว่าบุตรชายกำลังคิดอะไรอยู่ "แต่เงินหนึ่งล้านบาทที่ให้เขาไป มันมากเกินไปสำหรับค่าจ้างมาดูแลผม" คุณรังสิมาแปลกใจที่อยู่ๆ รักษาก็พูดเรื่องเงินนี้ขึ้นมา เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องชายหนุ่มไม่เคยคุยอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเช่นนี้ "ลูกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?" นางไม่เคยพูดเรื่องเงินหนึ่งล้านบาทกับรักษาเลยแม้แต่ครั้งเดียว และก็ไม่คิดว่านิษฐาจะพูดคุยเรื่องนี้กับชายหนุ่มด้วยเช่นกัน "ผมได้ยินคุณแม่คุยกับเจียเมื่อวาน เขาแค่เข้ามาทำดีเพราะต้องการเงิน" ชายหนุ่มพูดเสียงขุ่นเล็กน้อย "หนูเจียเขาแค่จำเป็นต้องใช้เงิน อีกอย่างเขาแค่ยืมเงินแลกกับค่าจ้างดูแลลูก ส่วนที่เหลือเขาจะหามาคืนแต่ว่าแม่บอกว่าไม่ต้องคืน" นางอธิบาย เพราะไม่อยากให้บุตรชายเข้าใจนิษฐาผิด "ใครๆ ก็จำเป็นต้องใช้เงินทั้งนั้น เพียงแค่จะหาด้วยวิธีไหน" "แต่หนูเจียเขามีเหตุผลจำเป็นที่จะต้องใช้เงินเร่งด่วน เขาต้องการเงินไปจ่ายค่าผ่าตัดน้องสาวของเขา" "แล้วคุณแม่ก็เชื่อ" "ใช่ แม่เชื่อหนูเจียทุกอย่าง" "หึ! ถ้าคิดว่าเขาเดือดร้อนเงินจริงๆ งั้นคุณแม่ก็บอกให้เขาแต่งงานกับผมสิ ผมอยากรู้ว่าเขาจะตอบยังไง" คุณรังสิมาอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อบุตรชายพูดเช่นนั้น ไม่คิดว่าจากคนที่ไม่ยอมพูดอะไรเลยมานับเดือน กลับกำลังพูดเรื่องแต่งงานออกมาโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ "รักษา ลูกอย่ามาล้อเล่นกับแม่นะว่าลูกจะแต่งงานกับหนูเจีย" "ผมไม่ได้ล้อเล่น" เขาพูดเสียงจริงจังยิ่งขึ้นอีก "ทำไมล่ะ เพื่อแลกกับเงินหนึ่งล้านบาทน่ะเหรอ?" นางขมวดคิ้วถาม "เพื่อพิสูจน์ว่าเขาเห็นแก่เงิน อยากได้แค่เงินของเราไงครับ" รักษาพูดจบแล้วจึงตักอาหารเข้าปาก ขณะที่คุณรังสิมากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้ นางผุดยิ้มมุมปากพลันจ้องมองบุตรชายด้วยแววตามีเลศนัย "ได้ แม่จะลองใจหนูเจียดูว่าเขาเห็นแก่เงินจริงๆ หรือเปล่า แต่เราต้องทำข้อตกลงกันก่อน และลูกจะต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ ตกลงไหม?" รักษาพยักหน้าเมื่อมารดาพูดเช่นนั้น "ถ้าหนูเจียเขาไม่ยอมแต่งงาน ลูกจะต้องเลิกมองเขาในแง่ร้ายว่าเขาเข้ามาทำดีเพียงเพราะต้องการเงิน" "ครับ" รักษาพยักหน้าตอบรับ "แต่ถ้าหนูเจียยอมแต่งงาน ลูกก็ต้องยอมแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับหนูเจียเหมือนกัน สัญญากับแม่ข้อนี้" นางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นการทำข้อตกลง รักษาครุ่นคิดขณะที่ยังคงเคี้ยวอาหารในปาก "ถึงแม้ว่าแต่งงานกันแล้วผมก็ยังมองว่าเขาเห็นแก่เงินน่ะเหรอครับ?" ชายหนุ่มถาม "รักษา คนเราจะมองกันแค่นี้ไม่ได้หรอกนะลูก เวลาจะช่วยพิสูจน์ความจริงทุกอย่างเอง" นางพูดแล้วจึงมองบุตรชายได้แววตาคาดหวัง คาดหวังว่าเขาจะสัญญาแต่งงานกับนิษฐา "ครับ ถ้าเขากล้าแต่ง ผมก็กล้าแต่ง" และคำตอบนั้นทำให้คุณรังสิมาดีใจเป็นอย่างมาก นางปลื้มใจจนไม่อยากแม้แต่จะทานเมื่อเช้า อยากคุยกับนิษฐาเรื่องแต่งงานให้รู้เรื่องเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่ก็จำเป็นต้องอดทนรอคอยหญิงสาวกลับมากเสียก่อน เพราะเรื่องแต่งงานนั้นสำคัญสำหรับผู้หญิงเป็นอย่างมาก มันถือเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดในชีวิตและตัดสินใจยาก โดยเฉพาะในกรณีเช่นนี้ รักษาเดินมาที่สำนักงานไร่ซึ่งห่างจากบ้านไม่กี่ร้อยเมตร เขาตั้งใจมาหาภุชงค์ เพราะวันนี้ผู้จัดการไร่หนุ่มกลับมาทำงานแล้ว จึงอยากออกมาคุยเรื่องงานหลายอย่างที่ต้องทำ "พ่อเลี้ยง มีงานอะไรจะสั่งครับ ทำไมถึงไม่เรียกผมไปหาที่บ้านล่ะครับ?" ภุชงค์เดินมาหาเจ้านาย "ไม่ ต่อไปนี้กูจะกลับมาทำงานตามปกติแล้ว" เขาบอก ภุชงค์จึงขมวดคิ้วแปลกใจที่เจ้านายพูดคุยกับตน แม้ก่อนหน้านี้จะมีพูดคุยกันบ้าง แต่ก็เพียงแค่ประโยคสั้นๆ เรื่องงาน แต่ตอนนี้พ่อเลี้ยงหนุ่มดูเหมือนจะกลับมาเป็นรักษาคนเดิมก่อนเกิดเรื่องราวนั้นแล้ว "ครับ ครับพ่อเลี้ยง ผมดีใจมากที่สุดเลยนะครับ ว่าแต่พ่อเลี้ยงดีขึ้นมากแล้วเหรอครับ?" ภุชงค์ถามด้วยความดีอกดีใจ เขายิ้มไม่ยอมหุบ และเอาแต่จ้องมองเจ้านายด้วยความภาคภูมิใจอีกด้วย "กูหายดีตั้งนานแล้ว เลิกทำเหมือนกูป่วยหรือพิการได้แล้ว" เขาพูดเสียงดุ ตอนนี้ที่ยอมคุยกับคนอื่นๆ เพราะหงุดหงิดใจ เรื่องที่นิษฐาไปกรุงเทพฯไม่ยอมบอกลาตน ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน และจ้องมองหน้าจอสมาร์ตโฟนที่มีหมายเลขโทรศัพท์ของนิษฐาปรากฏอยู่ นิ้วหัวแม่มือกำลังจะกดโทรออก แต่แล้วก็ชั่งใจ เรื่องอะไรที่จะยอมโทรหาผู้หญิงเห็นแก่เงินเช่นนิษฐา "บ้าชะมัด! ทำไมถึงต้องมาวุ่นวายใจเพราะผู้หญิงแบบเธอด้วย" เขาสบถหัวเสีย แล้วจึงเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงยีนเช่นเดิม จากนั้นจึงเดินเข้าไปในสำนักงานไร่ ภุชงค์ได้แต่มองตามหลังด้วยความแปลกใจ ร่างกำยำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ประจำของตนเอง พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องทำงานที่คุ้นเคย จากนั้นจึงล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนอีกครั้ง และตัดสินใจพิมพ์ข้อความส่งไปหานิษฐาแทนการโทร รักษา : 'ไปไม่คิดจะบอกลากันสักคำ' นิษฐาเปิดอ่านข้อความหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งนาที นิษฐา : เจียคิดว่าคุณยังโกรธเรื่องผัดคะน้าหมูกรอบนี่คะ อีกอย่างก็มาทำธุระที่กรุงเทพฯเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับไปแล้วค่ะ' รักษา : 'ไปกี่วันก็ต้องมาบอกลา คิดว่าที่นี่เป็นที่ไหน อยากมาก็มาอยากไปก็ไป' ชายหนุ่มพิมพ์ข้อความตอบกลับไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ ตัดพ้อนิษฐาที่ทำราวกับว่าเขาไร้ตัวตน นิษฐา : 'อีกหกวันก็กลับแล้วค่ะ เจียต้องไปทำธุระต่อแล้วนะคะ ดูแลตัวเองดีๆ แล้วเจอกันค่ะ' หญิงสาวตอบกลับมาเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถทำให้รักษาหายน้อยใจได้ เขาวางมือถือลงบนโต๊ะทำงานและถอนหายใจเฮือกใหญ่ อ่านจบแล้วส่งคอมเมนต์มาให้กำลังใจปันหยีด้วยนะคะ ขอบพระคุณค่า❤
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD