รุ่งอรุณ
รักษาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ เปิดเปลือกตาขึ้นได้จึงชำเลืองมองนาฬิกา ถึงเห็นว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว
ส่วนนิษฐาเดินทางไปสนามบินตั้งแต่เช้าตรู่ เธอไม่ได้เข้ามาบอกลา เพราะคิดว่าชายหนุ่มยังคงโกรธเรื่องผัดคะน้าหมูกรอบอยู่
รักษาอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นจึงเดินลงมาชั้นล่างในเวลาเกือบแปดโมง โต๊ะอาหารจัดสำรับไว้เรียบร้อยแล้ว คุณรังสิมาเดินออกมาจากห้องครัว จึงส่งยิ้มให้บุตรชายเป็นการทักทาย
"อรุณสวัสดิ์จ้ะ ลูกนอนหลับฝันดีหรือเปล่าจ้ะ?" นางเดินเข้ามาหา และช่วยประคองแกมบังคับคนตัวโตให้นั่งลง ทว่าเขากลับกวาดสายตามองไปทั่วบ้านก่อนจะหันกลับมาหามารดา
"เจียละครับ?" ในที่สุดรักษาก็ยอมพูดกับมารดา แม้จะพูดเพียงเพราะถามหานิษฐาก็ยังดีกว่าชายหนุ่มไม่ยอมพูดอะไรเลย
คุณรังสิมาฉีกยิ้มดีใจ และพลอยทำให้นางคิดถึงนิษฐาไปด้วย แม้เจ้าตัวจะเพิ่งออกจากบ้านเมื่อเช้านี้ก็ตาม
"หนูเจียกลับไปทำธุระที่กรุงเทพฯ แม่คิดว่าหนูเจียเขาบอกลูกไว้แล้วซะอีก"
"ครับ" ชายหนุ่มตอบสั้นๆ และทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นจึงรับประทานมื้อเช้ากับมารดาตามปกติ แต่ดูอารมณ์เสียเล็กน้อย
"รักษา ลูกโอเคใช่ไหมเรื่องที่แม่ให้หนูเจียมาดูแลลูก แม่ขอโทษที่ไม่ได้ถามเรื่องนี้กับลูกก่อน" คุณรังสิมาคิดว่าตนควรพูดเรื่องนี้กับบุตรชายก่อน แต่ก็ดูเหมือนเขาจะไม่มีปัญหาอะไร
"ครับ" รักษายังคงตอบสั้นๆ พลันคิดไปถึงเงินหนึ่งล้านบาทที่มารดาให้กับนิษฐาไป ไม่ว่าจะให้ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
"ดีจังที่ลูกเห็นด้วย หนูเจียเขาน่ารักแล้วก็ใจดีมากใช่ไหมล่ะ?" นางอยากเห็นว่าบุตรชายจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อพูดถึงนิษฐา แต่รักษากลับยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย นางจึงเดาไม่ออกว่าบุตรชายกำลังคิดอะไรอยู่
"แต่เงินหนึ่งล้านบาทที่ให้เขาไป มันมากเกินไปสำหรับค่าจ้างมาดูแลผม" คุณรังสิมาแปลกใจที่อยู่ๆ รักษาก็พูดเรื่องเงินนี้ขึ้นมา เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องชายหนุ่มไม่เคยคุยอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเช่นนี้
"ลูกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?" นางไม่เคยพูดเรื่องเงินหนึ่งล้านบาทกับรักษาเลยแม้แต่ครั้งเดียว และก็ไม่คิดว่านิษฐาจะพูดคุยเรื่องนี้กับชายหนุ่มด้วยเช่นกัน
"ผมได้ยินคุณแม่คุยกับเจียเมื่อวาน เขาแค่เข้ามาทำดีเพราะต้องการเงิน" ชายหนุ่มพูดเสียงขุ่นเล็กน้อย
"หนูเจียเขาแค่จำเป็นต้องใช้เงิน อีกอย่างเขาแค่ยืมเงินแลกกับค่าจ้างดูแลลูก ส่วนที่เหลือเขาจะหามาคืนแต่ว่าแม่บอกว่าไม่ต้องคืน" นางอธิบาย เพราะไม่อยากให้บุตรชายเข้าใจนิษฐาผิด
"ใครๆ ก็จำเป็นต้องใช้เงินทั้งนั้น เพียงแค่จะหาด้วยวิธีไหน"
"แต่หนูเจียเขามีเหตุผลจำเป็นที่จะต้องใช้เงินเร่งด่วน เขาต้องการเงินไปจ่ายค่าผ่าตัดน้องสาวของเขา"
"แล้วคุณแม่ก็เชื่อ"
"ใช่ แม่เชื่อหนูเจียทุกอย่าง"
"หึ! ถ้าคิดว่าเขาเดือดร้อนเงินจริงๆ งั้นคุณแม่ก็บอกให้เขาแต่งงานกับผมสิ ผมอยากรู้ว่าเขาจะตอบยังไง"
คุณรังสิมาอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อบุตรชายพูดเช่นนั้น ไม่คิดว่าจากคนที่ไม่ยอมพูดอะไรเลยมานับเดือน กลับกำลังพูดเรื่องแต่งงานออกมาโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
"รักษา ลูกอย่ามาล้อเล่นกับแม่นะว่าลูกจะแต่งงานกับหนูเจีย"
"ผมไม่ได้ล้อเล่น" เขาพูดเสียงจริงจังยิ่งขึ้นอีก
"ทำไมล่ะ เพื่อแลกกับเงินหนึ่งล้านบาทน่ะเหรอ?" นางขมวดคิ้วถาม
"เพื่อพิสูจน์ว่าเขาเห็นแก่เงิน อยากได้แค่เงินของเราไงครับ" รักษาพูดจบแล้วจึงตักอาหารเข้าปาก
ขณะที่คุณรังสิมากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้ นางผุดยิ้มมุมปากพลันจ้องมองบุตรชายด้วยแววตามีเลศนัย
"ได้ แม่จะลองใจหนูเจียดูว่าเขาเห็นแก่เงินจริงๆ หรือเปล่า แต่เราต้องทำข้อตกลงกันก่อน และลูกจะต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ ตกลงไหม?" รักษาพยักหน้าเมื่อมารดาพูดเช่นนั้น
"ถ้าหนูเจียเขาไม่ยอมแต่งงาน ลูกจะต้องเลิกมองเขาในแง่ร้ายว่าเขาเข้ามาทำดีเพียงเพราะต้องการเงิน"
"ครับ" รักษาพยักหน้าตอบรับ
"แต่ถ้าหนูเจียยอมแต่งงาน ลูกก็ต้องยอมแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับหนูเจียเหมือนกัน สัญญากับแม่ข้อนี้"
นางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นการทำข้อตกลง รักษาครุ่นคิดขณะที่ยังคงเคี้ยวอาหารในปาก
"ถึงแม้ว่าแต่งงานกันแล้วผมก็ยังมองว่าเขาเห็นแก่เงินน่ะเหรอครับ?" ชายหนุ่มถาม
"รักษา คนเราจะมองกันแค่นี้ไม่ได้หรอกนะลูก เวลาจะช่วยพิสูจน์ความจริงทุกอย่างเอง" นางพูดแล้วจึงมองบุตรชายได้แววตาคาดหวัง คาดหวังว่าเขาจะสัญญาแต่งงานกับนิษฐา
"ครับ ถ้าเขากล้าแต่ง ผมก็กล้าแต่ง" และคำตอบนั้นทำให้คุณรังสิมาดีใจเป็นอย่างมาก
นางปลื้มใจจนไม่อยากแม้แต่จะทานเมื่อเช้า อยากคุยกับนิษฐาเรื่องแต่งงานให้รู้เรื่องเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่ก็จำเป็นต้องอดทนรอคอยหญิงสาวกลับมากเสียก่อน
เพราะเรื่องแต่งงานนั้นสำคัญสำหรับผู้หญิงเป็นอย่างมาก มันถือเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดในชีวิตและตัดสินใจยาก โดยเฉพาะในกรณีเช่นนี้
รักษาเดินมาที่สำนักงานไร่ซึ่งห่างจากบ้านไม่กี่ร้อยเมตร เขาตั้งใจมาหาภุชงค์ เพราะวันนี้ผู้จัดการไร่หนุ่มกลับมาทำงานแล้ว จึงอยากออกมาคุยเรื่องงานหลายอย่างที่ต้องทำ
"พ่อเลี้ยง มีงานอะไรจะสั่งครับ ทำไมถึงไม่เรียกผมไปหาที่บ้านล่ะครับ?" ภุชงค์เดินมาหาเจ้านาย
"ไม่ ต่อไปนี้กูจะกลับมาทำงานตามปกติแล้ว" เขาบอก ภุชงค์จึงขมวดคิ้วแปลกใจที่เจ้านายพูดคุยกับตน
แม้ก่อนหน้านี้จะมีพูดคุยกันบ้าง แต่ก็เพียงแค่ประโยคสั้นๆ เรื่องงาน แต่ตอนนี้พ่อเลี้ยงหนุ่มดูเหมือนจะกลับมาเป็นรักษาคนเดิมก่อนเกิดเรื่องราวนั้นแล้ว
"ครับ ครับพ่อเลี้ยง ผมดีใจมากที่สุดเลยนะครับ ว่าแต่พ่อเลี้ยงดีขึ้นมากแล้วเหรอครับ?"
ภุชงค์ถามด้วยความดีอกดีใจ เขายิ้มไม่ยอมหุบ และเอาแต่จ้องมองเจ้านายด้วยความภาคภูมิใจอีกด้วย
"กูหายดีตั้งนานแล้ว เลิกทำเหมือนกูป่วยหรือพิการได้แล้ว" เขาพูดเสียงดุ ตอนนี้ที่ยอมคุยกับคนอื่นๆ เพราะหงุดหงิดใจ เรื่องที่นิษฐาไปกรุงเทพฯไม่ยอมบอกลาตน
ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน และจ้องมองหน้าจอสมาร์ตโฟนที่มีหมายเลขโทรศัพท์ของนิษฐาปรากฏอยู่ นิ้วหัวแม่มือกำลังจะกดโทรออก แต่แล้วก็ชั่งใจ เรื่องอะไรที่จะยอมโทรหาผู้หญิงเห็นแก่เงินเช่นนิษฐา
"บ้าชะมัด! ทำไมถึงต้องมาวุ่นวายใจเพราะผู้หญิงแบบเธอด้วย" เขาสบถหัวเสีย แล้วจึงเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงยีนเช่นเดิม จากนั้นจึงเดินเข้าไปในสำนักงานไร่ ภุชงค์ได้แต่มองตามหลังด้วยความแปลกใจ
ร่างกำยำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ประจำของตนเอง พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องทำงานที่คุ้นเคย จากนั้นจึงล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนอีกครั้ง และตัดสินใจพิมพ์ข้อความส่งไปหานิษฐาแทนการโทร
รักษา : 'ไปไม่คิดจะบอกลากันสักคำ'
นิษฐาเปิดอ่านข้อความหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งนาที
นิษฐา : เจียคิดว่าคุณยังโกรธเรื่องผัดคะน้าหมูกรอบนี่คะ อีกอย่างก็มาทำธุระที่กรุงเทพฯเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับไปแล้วค่ะ'
รักษา : 'ไปกี่วันก็ต้องมาบอกลา คิดว่าที่นี่เป็นที่ไหน อยากมาก็มาอยากไปก็ไป'
ชายหนุ่มพิมพ์ข้อความตอบกลับไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ ตัดพ้อนิษฐาที่ทำราวกับว่าเขาไร้ตัวตน
นิษฐา : 'อีกหกวันก็กลับแล้วค่ะ เจียต้องไปทำธุระต่อแล้วนะคะ ดูแลตัวเองดีๆ แล้วเจอกันค่ะ'
หญิงสาวตอบกลับมาเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถทำให้รักษาหายน้อยใจได้ เขาวางมือถือลงบนโต๊ะทำงานและถอนหายใจเฮือกใหญ่
อ่านจบแล้วส่งคอมเมนต์มาให้กำลังใจปันหยีด้วยนะคะ ขอบพระคุณค่า❤