ดวงไฟหน้าบ้านและภายในบ้านยังคงเปิดสว่างจ้า แสดงว่าภรรยาของเขาคงยังไม่เข้านอน เจ้าของร่างสูงจอดรถเรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน บ้านหลังนี้เขาจ้างแม่บ้านแบบเช้าไปเย็นกลับ มาคอยมาดูแลและช่วยเหลือปุณณดาอีกแรงแม้ว่าภรรยาของเขาปฏิเสธก็ตาม
บ้านเดี่ยวสองชั้นหลังนี้ประกอบไปด้วยห้องนอนสามห้อง ห้องน้ำสามห้อง ห้องครัวขนาดใหญ่หนึ่งห้อง เพราะภรรยาชอบทำอาหาร ห้องนั่งเล่น และห้องทานอาหาร ทุกอย่างเป็นสัดเป็นส่วนหรูหราและทันสมัย เขาและเธอตกแต่งออกแบบภายในบ้านด้วยกัน มองไปทางไหนก็มีแต่ความทรงจำที่อบอวลไปด้วยความรัก ถักทอเป็นความอบอุ่นโอบอุ้มเขาและเธอมาหลายปี
จนในวันนี้... วันที่ใจของเขาเปลี่ยนไป
ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องที่ชวนอึดอัดใจ แต่ทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปในห้องอาหา รไฟภายในห้องก็ถูกปิดลง ไม่ได้เกิดจากการขัดข้องของระบบไฟแต่อย่างใด เพราะมองออกไปยังคงมีแสงสว่างจากห้องอื่น ๆ เล็ดลอดเข้ามา จากนั้นเขาก็รู้ในทันทีว่าภรรยาสาวกำลังทำบางอย่าง เมื่อมีแสงเทียนเจิดจ้าพร้อมกับเธอที่สาวเท้าเข้ามาใกล้ ๆ
“แฮปปี้แอนนิเวอร์ซารีค่ะพี่วีร์”
เธอวางเค้กช็อกโกแลตของโปรดของเขาที่ตั้งใจทำด้วยมือตัวเองไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปที่สวิตช์ไฟ ทั้งห้องก็กลับมาสว่างจ้าดังเดิม นรวีร์เห็นจานอาหารถูกวางเรียงรายนับสิบจานล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาชอบทั้งสิ้น เขามองภรรยาที่ยืนฉีกยิ้มกว้างอยู่กลางห้อง ชายหนุ่มฝืนยิ้มตอบออกมาเล็กน้อย หัวใจของเขากระตุกแรงยามที่ได้สบตากับเธอ บางอย่างกำลังต่อต้านความคิดส่วนดีและส่วนร้ายกำลังทะเลาะกัน
“พี่วีร์นั่งลงก่อนค่ะ วันนี้ครบรอบแต่งงานของเรา... สี่ปีแล้วนะคะ”
เธอก้มลงหอมแก้มของสามีฟอดใหญ่ ตอนที่กำลังจะดึงหน้าออกจากแก้มสาก สายตาของหญิงสาวก็ปะทะกับบางอย่างเข้า รอยลิปสติกสีแดงบริเวณปกคอเสื้อเชิ้ตสีขาวของคนเป็นสามี...
มันคืออะไร...
แต่เธอก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็น คิดเสมอว่าอาจจะเป็นของลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติตามธรรมเนียมประเพณีของทางนั้น อาจจะต้องใช้แก้มชนแก้มแต่อาจจะผิดจังหวะไปบ้าง แม้จะคิดเข้าข้างเขาเต็มร้อย แต่ก็อดมือสั่นใจสั่นไม่ได้
“พี่วีร์คะ ปอยมีเรื่องสำคัญจะบอกกับพี่ค่ะ”
“พี่ก็มีเรื่องสำคัญจะบอกกับปอย”
เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับภรรยาที่ยังยืนอยู่ ก้อนเหนียว ๆ แล่นขึ้นมาจุกที่ลำคอจนอึดอัด เขาสบดวงตากลมโตของภรรยา ครั้งหนึ่งมันคือเสน่ห์ชวนหลงใหล ที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาจากใบหน้าหวานได้เลย แม้เวลาจะผ่านมาจนหญิงสาวเข้าสู่วัยเบญจเพสแล้ว แต่เธอก็ยังคงความสวยหวานน่ารักน่าทะนุถนอม มีเพียงแต่เขาที่ใจเปลี่ยนไป เขาไม่ได้มองเธออย่างหญิงคนรักอีกต่อไป
“งั้นพี่วีร์พูดก่อนเลยค่ะ”
เธอพยายามปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด ทั้งที่น้ำตาพานจะไหลเสียให้ได้ หัวใจดวงน้อยสั่นคล้ายจะหลุดออกจากร่าง มันทั้งตีบตันทั้งอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
“คือพี่... พี่” เขาอึกอักก่อนจะสบสายตากับเธอ
“เราหย่ากันเถอะ”
ปุณณดาอึ้งเงียบงัน ดวงตากลมโตเปิดกว้างก่อนจะหลุบมองต่ำ แม้จะรู้ล่วงหน้าจากสัญญาณที่คอยเตือนถึงการเปลี่ยนไปของเขา แต่เธอก็ยังทำใจยอมรับการอยู่โดยไม่มีเขาไม่ได้ ข่าวดีของเธอถูกกลืนหายไปในลำคอ ปากอิ่มที่ขยับราวกับจะพูดบางอย่างเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มกว้างแทน
“พี่วีร์ชอบล้อเล่นอยู่เรื่อยเลย นี่ก็ดึกมากแล้ว ปอยรอพี่วีร์จนง่วงแล้วค่ะ” เธอยกมือขึ้นปิดปากที่กำลังแสร้งหาวจนตาปิด
“งั้นปอยขอตัวไปนอนก่อนนะคะ พี่วีร์ก็อย่าทำงานดึกนะคะ... พักผ่อนบ้าง”
ร่างบางหมุนตัวกลับไปทางเดิม เธอเร่งฝีเท้าออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดแม้จะมองไม่เห็นประตู ไม่รู้ทิศทางของบันได เพราะสายตาที่พร่ามัวจากน้ำตาที่เอ่อท้นขึ้นมาบดบัง เธอได้ยินทุกอย่างชัดเจน เห็นสายตามุ่งมั่นของเขา หวังว่ามันจะเป็นฝันร้าย ที่ตื่นขึ้นมาก็จะหายไป
เป็นคืนที่เจ็บปวดที่สุด ปุณณดานอนไปพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย เธอคอยเงี่ยหูฟังเสียงจากด้านนอก ถือว่าเป็นความโชคดีที่สามีไม่ได้ตามขึ้นมา เธอคงรับไม่ไหวหากเขาจะเข้ามาตอกย้ำความต้องการ หัวใจของเธอไม่ได้เข้มแข็งพอ ไม่ได้เตรียมใจที่จะอยู่โดยไม่มีกันและกัน เพราะทั้งชีวิตปุณณดาได้ฝากเอาไว้กับนรวีร์ตั้งแต่แรกที่ได้มอบใจให้เขาไปแล้ว เธอนอนพลิกตัวไปมาไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ เขาก็ไม่ได้กลับเข้ามาในห้องนอน จนเช้าหญิงสาวลงมาที่ชั้นล่างทุกอย่างยังคงเดิม ทั้งกับข้าวและขนมเค้กที่เธอตั้งใจทำสุดฝีมือไร้การแตะต้อง แต่ตัวเขาหายไปแล้ว
“ตื่นแล้วเหรอคะคุณปอย วันนี้ป้ามาสายไปหน่อยค่ะ เมื่อคืนที่บ้านฝนตกหนักเช้านี้น้ำท่วมถนน ชีวิตเมืองหลวงก็อย่างนี้แหละค่ะ น้ำรอการระบาย”
คนบอกเล่ายิ้มจนตาหยี ปุณณดายิ้มตอบ ดวงตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักมาทั้งคืน ทำให้ป้าฉลวยแม่บ้านที่นรวีร์จ้างให้มาช่วยงานภรรยาสาวถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เพราะตั้งแต่นางมาดูแลบ้านหลังนี้ สองสามีภรรยาคู่นี้ดูรักกันมาก ไม่มีเรื่องให้ทะเลาะเบาะแว้งกันเลย ออกจะหวานชื่นเสียด้วยซ้ำ