ตอนที่ 8
คะแนนแค่เจ็ด
ครบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ขวัญนภัสมาทำงานที่บ้านของคุณหมอคีรินทร์ เธอทำงานได้อย่างดีไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องเลยสักนิด คุณหมอหนุ่มพอใจมาก ถึงแม้จะเคยดูถูกว่าเธอเป็นแค่เด็กวัยรุ่นแต่คุณภาพงานที่ได้มันดีพอๆ กับงานของป้าแจ่มเลยทีเดียว
“รู้ใช่ไหมเฟิร์นว่าฉันเรียกเธอมาคุยวันนี้เรื่องอะไร” เขานั่งลงบนโซฟารับแขกกลางห้องส่วน ขวัญนภัสก็นั่งบนโซฟาอีกตัวถัดไปหมอคีรินทร์ไม่ได้พิธีรีตองอะไรมาก จึงปฏิบัติกับเธอเหมือนเธอเป็นน้องสาวคนหนึ่ง บางครั้งเขาก็ให้เธอนั่งทานข้าวด้วยหรือถ้าวันไหนเลิกงานเร็วก็มักจะซื้อขนมมาฝากและชวนเธอนั่งทานด้วยกันหน้าทีวี
การมีเด็กวัยรุ่นมาอยู่ในบ้านด้วยทำให้ความเหงาของเขาลดลงไปมากกว่าเดิมเพราะตอนที่อยู่กับป้าแจ่มพอหัวค่ำป้าก็ขอตัวเข้าในห้อง ต่างกับขวัญนภัสที่มักจะคอยถามว่า วันนี้เขาไปเจอคนไข้แบบไหนมาบ้างและต้องให้การรักษายังไง
หญิงสาวจะตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่เขาเล่าถึงเคสผู้ป่วยในการที่รักษายากๆ ให้ฟังแต่คีรินทร์ก็เล่าคร่าวๆ เขาไม่ได้บอกชื่อของผู้ป่วยจึงไม่ได้ผิดจรรยาบรรณ
“หมอบอกว่าวันนี้จะให้คำตอบว่าจะจ้างหนูต่อหรือจะให้หนูเก็บของกลับบ้าน” เด็กสาวพูดเสียงเบา เธอไม่รู้ว่าที่ผ่านมาตนเองทำงานได้ถูกใจเขาหรือเปล่า แต่เธอก็ทำทุกอย่างเต็มความสามารถ
เธอตื่นเช้าทำกับข้าวเตรียมไว้ให้เขา พอเลิกเรียนก็กลับมาทำความสะอาดบ้าน ซักผ้ารีดผ้าเตรียมไว้ให้เขาในตู้อย่างเรียบร้อย และบางวันก็ทำอาหารเย็นให้เขาทานอีกด้วย
“แล้วเธอคิดว่าตัวเองทำงานได้ดีแค่ไหนลองให้คะแนนตัวเอง หนึ่งถึงสิบคิดว่าคะแนนของตัวเองจะอยู่ระดับไหน”
“หนูคิดว่าตัวเองน่าจะได้ประมาณเจ็ดคะแนนค่ะ”
“ทำไมให้คะแนนตัวเองน้อยจังล่ะ ลองบอกข้อบกพร่องของตัวเองมาหน่อยสิ” เขาชักสนใจเธอเข้าแล้วเพราะปกติคนอื่นน่าจะให้คะแนนตัวเองเต็มมากกว่าถ้าหากอยากจะทำงานที่นี่
“หนูไม่มีเวลาดูแลบ้านตอนกลางวันค่ะ เพราะหนูต้องไปเรียนเลยทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนป้าแจ่มที่อยู่บ้านตลอดเวลาค่ะ” เรื่องนี้ขวัญนภัสเป็นกังวลและกลัวว่าคุณหมอจะไม่จ้างด้วยเหตุผลนี้
ก่อนหน้าหมอคีรินท์เคยเล่าให้ฟังว่าในแต่ละวันป้าแจ่มต้องทำอะไรบ้างขวัญนภัสก็เลยเปรียบเทียบการทำงานของตนเองกับป้าแจ่มให้เขาฟัง
“มันก็ถูกนะตอนกลางวันเธอไม่ได้อยู่บ้าน ไม่ได้ดูแลบ้านแต่เธอก็ยังทำงานที่ได้รับมอบหมายครบถ้วน ซักผ้า รีดผ้า ทำความสะอาดบ้านแล้วยังทำกับข้าวให้ฉันทานก่อนไปทำงานทุกวันด้วย”
“แล้วคุณหมอคิดว่าหนูควรจะได้คะแนนสักเท่าไหร่ดีคะ” เด็กสาวถามพร้อมรอยยิ้มสดใสเธอจ้องเขาอย่างรอคอยคำตอบ
คุณหมอหนุ่มอดยิ้มกับท่าทางของเธอไม่ได้ถ้าเขาไม่จ้างต่อก็คงจะดูใจร้ายเกินไปและไม่รู้ว่าเธอจะเสียใจมากแค่ไหนหรือบางทีอาจจะร้องไห้เสียงดังออกมาจนเขารับมือไม่ไหวแน่ๆ เขาเป็นผู้ชายประเภทแพ้น้ำตาผู้หญิงและไม่ชอบที่จะเห็นใครร้องไห้เลย
“ฉันตกลงจะจ้างเธอต่อก็ได้นะเฟิร์น”
“จริงเหรอคะ ไชโย!....” ขวัญนภัสดีใจกระโดดตัวลอยก่อนจะนึกได้ว่าไม่ค่อยเหมาะสมจึงนั่งลงอย่างช้าๆ
“เงินเดือนที่ให้ก็เท่ากับที่ตกลงกันไว้เมื่อครั้งก่อนตกลงไหม”
“ตกลงค่ะ” เด็กสาวรีบพยักหน้าด้วยความดีใจเพราะการทำงานบ้านมันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรสำหรับเธอเลยสักนิดปกติเธอก็ทำงานที่บ้านอยู่แล้ว
“เธอคิดว่ามันพอกับค่าใช้จ่ายประจำวันไหมพอค่ะ”
“ส่วนเรื่องเรียนฉันจะเป็นคนจัดการให้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณหมอให้เงินเดือนหนูตั้งเยอะ หนูส่งตัวเองเรียนได้”
“เธออาจจะคิดว่าเงินมันเยอะแต่พอเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยจริงๆ มันมีค่าใช้จ่ายอะไรอีกเยอะแยะนะ ฉันผ่านตรงนั้นมาก่อนฉันจะส่งเสียเธอเรียนเธอก็จดไว้ก็แล้วกันว่าใช้จ่ายอะไรไป”
“แต่หนูเกรงใจค่ะ”
“ฉันไม่ได้จ่ายให้ฟรีๆ หรอกนะ เรียนจบก็ค่อยมาทำงานใช้หนี้ฉันตกลงไหมล่ะ”
“ได้ค่ะ หนูจะจดไว้ว่าเอาเงินมาจากหมอเท่าไหร่”
“ทำงานกับมีวันหยุดให้เธอวันอาทิตย์หนึ่งวันนะ เธอจะไปไหนก็ได้ จะกลับไปนอนที่บ้านตั้งแต่คืนวันเสาร์ฉันก็ไม่ว่าอะไรแต่ขอแค่เช้าวันจันทร์ฉันมีข้าวกินก่อนไปทำงานแค่นั้นแหละ” เขาอธิบายอย่างชัดเจน
“หมอคะถ้าหนูไม่ออกไปไหนแต่ขออ่านหนังสืออยู่ที่นี่ได้ไหม”
“ได้สิ ฉันให้อิสระกับเธอเต็มที่อยากจะทำอะไรก็ทำไปเลย”
“ขอบคุณค่ะหมอคีรินทร์หนูไม่คิดเลยว่าจะมีเลยว่าจะเจอคนที่ใจดีแบบนี้”
“อย่าเพิ่งชมฉันเลยนะเฟิร์น คนเราไม่ได้ดีไปหมดหรอกฉันเองก็มีมุมที่แย่เหมือนกันเพียงแต่ตอนนี้เธอยังมองไม่เห็นก็แค่นั้น”
“หนูนึกไม่ออกเลยค่ะว่ามุมไหนของหมอที่จะดูแย่” ขวัญนภัสนึกไม่ออกเลยว่าคนอย่างหมอคีรินทร์จะเป็นคนไม่ดีได้ยังไง
“เธอบอกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัย แล้วได้ไปติวหรือเรียนพิเศษกับคนอื่นบ้างไหมล่ะ”
“ไม่ค่ะ หนูใช้วิธีอ่านเองแล้วก็ดูจากยูธูปค่ะ”
“ดูด้วยมือถือเครื่องเก่าๆ ของเธอน่ะเหรอ” เขามองโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวที่บริเวณขอบจอมันร้าวแล้วก็ถอนหายใจ
“ไม่หรอกค่ะ บางครั้งหนูก็ไปใช้คอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนในการเรียน”
“นี่เธอไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้เหรอไม่ค่ะ แต่ที่โรงเรียนเขามีให้ยืมใช้แต่หนูไม่ได้ทำเรื่องยืมค่ะกลัวเอามาบ้านแล้วน้องจะแย่งเล่นพังขึ้นมาไม่มีเงินไปใช้เขาอีก”
“เดี๋ยวฉันจะหาคอมพิวเตอร์ให้เธอใช้สักเครื่องดีไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะหมอมันไม่จำเป็นสำหรับหนูเท่าไหร่”
“แต่มันจำเป็นสำหรับการเรียนนะ”
“แต่หนูไปใช้ที่โรงเรียนก็ได้ค่ะ”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าเธอไม่อยากได้คอมพิวเตอร์ฉันมีแท็บเล็ตอยู่เครื่องหนึ่งไม่ได้ใช้งานเดี๋ยวฉันจะให้เธอนะ” คีรินทร์บอกอย่างใจดี
“ไม่เป็นไรค่ะหมอหนูเกรงใจ”
“เอาน่าถือว่าฉันสนับสนุนเด็กก็แล้วกันแท็บเล็ตเครื่องนั้นฉันได้มาจากตัวแทนยาน่ะ ยังไม่ได้ใช้เลยเก็บไว้ในลิ้นชักก็เสียดายเปล่าๆ”
“คุณหมอจะหักจากเงินเดือนหนูก็ได้นะคะ”
“ฉันก็ได้มาฟรีๆ จะมาหักเงินเธอได้ยังไงล่ะ รออยู่ตรงนี้เดี๋ยวฉันไปเอามาให้นะ” คุณหมอเดินเข้าไปในห้องทำงานของก่อนจะเดินถึงแท็บเล็ตยี่ห้อดังออกมาแล้วยื่นให้กับขวัญนภัส
“หวังว่ามันคงมีประโยชน์กับเธอมากกว่านอนอยู่ในลิ้นชักนะ”
“หมอคะแต่ราคามันแพงมาก”
“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ซื้อมา”
“ทำไมหมอไม่เอาเครื่องนี้ใช้คะ แล้วเอาเครื่องเก่าของหมอให้หนูใช้”
“ได้ยังไงล่ะเครื่องเก่าของฉันข้อมูลอยู่ในนั้นเยอะแยะไปหมดเธอเอาเครื่องใหม่ไปใช้นั่นแหละดีแล้ว ส่วนมือถือเดี๋ยวฉันจะหามาเปลี่ยนให้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะมือถือของหนูมันยังใช้ได้อยู่”
“แต่เวลาเธอถ่ายรูปแมวส่งให้ฉันรูปมันเบลอมากๆ เลยฉันไม่ชอบตกลงตามนี้ ทีนี้จะไปพักผ่อนหรือจะไปทำอะไรก็ได้เจอกันอีกทีเช้าวันจันทร์ก็แล้วกันนะ”
“แต่นี่มันเพิ่งบ่ายเองนะคะเย็นนี้หมอจะกินข้าวกับอะไรเดี๋ยวหนูทำให้”
“ไม่เป็นไรฉันว่าจะออกไปกินข้าวกับเพื่อนน่ะ เธอเองก็หาอะไรกินด้วยของสดในตู้ถ้าหมดแล้วก็อย่าลืมไปซื้อล่ะ เงินที่ฉันโอนให้ค่ากับข้าวแยกกับเงินเดือนถ้าไม่พอหรือขาดเหลือต้องรีบบอกนะ”
“ค่ะคุณหมอขอบคุณมากค่ะถ้าอย่างนั้นงั้นหนูขอไปบ้านบิวนะคะ”
“อือ ไปเถอะเดี๋ยวฉันก็จะออกไปเหมือนกัน”