ตอนที่ 1
ความฝันที่ถูกกีดกัน
เช้าวันหนึ่งในบ้านไม้หลังเล็กขวัญนภัสหรือเฟิร์นเด็กสาววัย 18 ปี ในชุดนักเรียน ม.6 กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับกองหนังสือเรียนกองโต ใบหน้าเต็มไปด้วยความเครียด ดวงตากลมโตจ้องมองตัวหนังสืออย่างตั้งใจ
“ฉันต้องทำได้สิยัยเฟิร์น” เธอพึมพำเพื่อให้กำลังใจตัวเอง คณะเภสัชศาสตร์ หลักสูตรวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางคือความฝันของเธอเพราะไม่ได้เรียนพิเศษหรือกวดวิชาที่ไหนทำให้ขวัญนภัสจึงต้องขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเองอย่างหนัก
ในทุกๆ เช้าเธอจะตื่นนอนตั้งแต่ตีห้าเพื่อทบทวนบทเรียนเธอฝันที่จะทำงานในห้องแล็บที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทันสมัยและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมให้ผู้หญิงทุกคนดูดีขึ้น
เสียงเอะอะโวยวายจากด้านล่าง ชุลีพรผู้เป็นมารดากำลังตะโกนคุยกับพ่อเลี้ยง เรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านที่นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น
“นี่ ยัยเฟิร์น ตื่นรึยังสายโด่งแล้วไม่คิดจะลุกมาช่วยงานบ้านหน่อยเหรอ” ชุลีพรตะโกนดังไปทั่วบ้าน
ขวัญนภัสถอนหายใจและรีบเก็บหนังสือลงในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว เธอไม่ต้องการให้มารดาเห็นว่ากำลังอ่านหนังสือเรียน เพราะนั่นจะกลายเป็นชนวนให้เกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นอีกครั้ง
“จะเรียนไปทำไมให้เสียเงินเยอะแยะ ออกมาหางานทำช่วยฉันดีกว่า” เสียงมารดาแว่วเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ประโยคนี้ถูกพูดมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เธอเริ่มพูดถึงเรื่องการเรียนต่อมหาวิทยาลัย ความฝันของเธอกำลังถูกกดดันด้วยสภาพความเป็นจริงอันโหดร้าย เธอไม่รู้จะหาทางออกให้ตัวเองได้อย่างไรเลยจริง ๆ
เธอเดินลงบันไดบ้านไม้ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกย่างก้าวเข้าไปในห้องครัวที่ซึ่งมารดากำลังยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างเตาแก๊ส กลิ่นอาหารเช้าลอยไปทั่วบ้าน
“หนูตื่นแล้วค่ะแม่ มีอะไรให้หนูช่วยคะ”
“ตื่นแล้วก็รีบลงมาสิทำจะต้องให้ฉันเชิญลงมาด้วย”
“ก็หนูเห็นว่ายังเช้าอยู่”
“จะเช้าหรือสายตื่นมาแล้วก็ต้องรีบลงมาช่วยกันทำงาน กองผ้าเป็นภูเขา ยัยอริสก็ต้องไปโรงเรียน กว่าจะหาเสื้อผ้าให้ยัยอริสได้ก็ยากแล้ว ยังต้องมาคอยเรียกแกให้ตื่นอีก” ชุลีพรกระแทกตะหลิวลงบนกระทะด้วยความโมโห
อริสาหรืออริสน้องสาวต่างบิดาในวัย 10 ขวบ นั่งหงอยอยู่บนโต๊ะกินข้าว ใบหน้าบึ้งตึงเพราะชุดนักเรียนที่มารดาหยิบมาให้ไม่ถูกใจ
“เดี๋ยวหนูจัดการน้องเองค่ะ แม่ไปเตรียมอาหารเช้าเถอะ” -ขวัญนภัสเดินตรงไปที่ตะกร้าผ้าขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้า
“เรื่องมากจริงนะแกเนี่ย แค่ให้ช่วยหยิบชุดนักเรียนให้ยัยอริสยังบ่น” ชุลีพรยังคงบ่นไม่หยุด ก่อนจะหันไปทางอริสา
“ยัยอริส แกก็อย่าเรื่องมากได้ไหม เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก ดูพี่แกสิตื่นก็สาย โตแต่ตัวจริงๆ เลยลูกสาวฉัน แต่ละคนมันไม่ได้ดั่งใจเลยจริงๆ”
ขวัญนภัสเงียบปล่อยให้มารดาบ่นไปอย่างนั้น เธอหยิบชุดนักเรียนของอริสาออกจากตะกร้าให้น้องสาวเลือก
“ชุดนี้ใส่ได้ไหม” เธอยื่นชุดให้น้องสาวเลือก
“มันเก่าหนูอยากได้ชุดไหม”
“แต่นี่ก็จะปิดเทอมแล้วนะ ไม่มีใครใส่ชุดใหม่ไปโรงเรียนกันหรอกเอาไว้เปิดเทอมค่อยใส่ชุดใหม่ดีไหม”
“ยัยเฟิร์นแกอย่าพูดไปเรื่อย ฉันจะเอาเงินที่ไหนซื้อชุดใหม่ให้ล่ะ” ชุลีพรที่ทำกับข้าวอยู่หันมาดุ
“เดี๋ยวพี่ซื้อชุดใหม่ให้หนึ่งชุดนะอริส” ขวัญนภัสกระซิบกับน้องสาวเบาๆ เรียกร้อยยิ้มสดใสจากน้องสาว
“จริงนะพี่เฟิร์น”
“จริงสิ แต่อย่าบอกแม่นะเดี๋ยวจะโดนดุ”
“ค่ะ” อริสาพยักหน้าแล้วยิ้มด้วยความดีใจ
เมื่อข้าวไข่เจียวเสร็จอริสาก็นั่งทานเงียบๆ ขณะขวัญนภัสก็ขึ้นไปเอากระเป๋าเตรียมจะออกจากบ้าน
“จบม.6 แล้วก็ออกไปทำงานนะ มาช่วยฉันหาเงิน แกไปทำงานโรงงานก็ได้ เดี๋ยวนี้ค่าแรงก็ไม่น้อยนะ” ชุลีพรพูดขึ้นขณะที่ขวัญนภัสเดินลงมาจากชั้นสอง
“แต่หนูอยากเรียนต่อจริงๆ นะคะแม่ หนูอยากเรียนในสิ่งที่หนูชอบ”
"ชอบบ้าบออะไรของแก เรียนไปก็ไม่เห็นว่าจะรวยขึ้นมาได้เลย ดูอย่างอีป้าข้างบ้านสิ เรียนมาตั้งสูงสุดท้ายก็เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนไม่เห็นว่ามันจะรวยขึ้น แกจะเสียเวลาเรียนทำไมตั้งหลายปีล่ะเฟิร์น”
“แต่ก็ยังมีงานทำนะแม่”
“ถ้าแกได้เรียนแล้วรวยขึ้นมาจริงๆ ค่อยมาพูด ตอนนี้เอาเงินที่ไหนไปเรียนล่ะ ฉันไม่มีให้แกหรอกนะ ลุงเกษมเขาก็ส่งแค่ยัยอริส” ชุลีพรหมายถึงเกษมสามีใหม่ของเธอที่เป็นบิดาของอริสา
เกษมนั่งกินข้าวเช้าอยู่เงียบๆ เหลือบมองขวัญนภัสเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เพราะสิ่งที่ชุลีพรนั้นถูกต้องแล้ว
ขวัญนภัสรู้สึกเจ็บแปลบในใจกับคำพูดของแม่ แต่เธอก็รู้ว่าเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง เธอจึงเลือกที่จะเงียบและเดินออกจากบ้านไป
ความฝันของขวัญนภัสคือการได้เรียนต่อ แต่ความเป็นจริงคือมารดาไม่สนับสนุน และฐานะทางการเงินของครอบครัวก็ไม่เอื้ออำนวยเธอไม่รู้ว่าจะหาทางออกเรื่องนี้ยังไง
เธอเป็นคนเรียนดีในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ได้เด่นมากการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วขอทุนเรียนดีจึงเป็นสิ่งที่เอื้อมไม่ถึง ครั้นจะขอกู้เงินจากกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษามารดาก็บอกว่าจะไม่เซ็นเอกสารอะไรให้เพราะไม่สนับสนุนให้ขวัญนภัสเรียนต่อ