แฟนก็ไม่เคยมีอย่าพึ่งไปนึกถึงการแต่งงาน จะเขียนนิยายรักโรแมนติก ต้องหาแฟน พยายามเข้าสังคมก็ดันเจอแต่พวกแปลกประหลาด อยู่คนเดียวเก็บตัวมากจนพี่นิโคลยังถามว่าชาตินี้จะมีแฟนกับเขามั้ย คำถามที่ไม่มีคำตอบให้
ก็ไม่รู้เหมือนกัน..ไม่น่าจะมีมั้ง?
(โอ๊ย! อัดอั้นอะไรขนาดนั้นเนี่ย เอาแบบนี้ถ้าปิดต้นฉบับนี้ได้พี่ให้เราพักสามเดือนไม่ต้องทำงานเลย)
“พูดแล้วนะห้ามคืนคำนะคะ โกหกสามีไม่รักด้วย แมวก็ทอดทิ้ง! บาย ~ เดี๋ยวยูราส่งงานไปให้ ติ้ด!” สิ้นเสียงนิ้วเรียวกดวางสายและจัดการส่งงานส่วนหนึ่งให้พี่นิโคลไปก่อน ถ้าไม่ให้ก็คงตามจิกเป็นไก่อยู่แบบนี้และฉันต้องเร่งให้ทุกอย่างจบตามกำหนด เพื่อการพักผ่อน 3 เดือนของตัวเอง
ไม่สู้ก็ตาย แต่จะตายไม่ได้เดี๋ยวแม่ฉันจะเหงา!
(5 วันต่อมา)
ณ ซูเปอร์มาเก็ตใกล้คอนโด เวลา 16.20 น.
ร่างบางในชุดเสื้อสเวตเตอร์ตัวโคร่งกับกระโปรงสั้นเหนือเข่า สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวที่กำลังจะกลับใจไปเป็นสีดำเต็มที กระเป๋าผ้าวางอยู่ในตะแกรงรถเข็น มือทั้งสองกำด้ามจับแน่นออกแรงดันให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้า สองเท้าเดินลัดเลาะดูของไปตามล็อกสินค้าต่าง ๆ ในระหว่างที่กวาดสายตามองไปยังขนมที่เรียงรายกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ ดวงตากลมโตดันเห็นเข้ากลับป้ายสีเหลืองที่บ่งบอกถึงสินค้าลดราคา
อุ๊ย! นั่นขนมที่ฉันชอบกินกำลังลดราคาอยู่นี่ ~
ห่อขนมถูกจับวางลงบนรถเข็นถึง 5 ห่อและตามด้วยขนมที่อยู่ข้างกันก็เช่นกัน ตอนนี้การจับจ่ายสินค้าลดราคาของฉันได้เริ่มขึ้นแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่ขนมแต่รวมไปถึงผลไม้สด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหารแช่แข็ง ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นสินค้าลดราคาทั้งสิ้น
“ขอโทษครับคุณผู้หญิง” ในระหว่างที่กำลังอ่านฉลากยาสระผมอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นทำให้ต้องละสายตาจากสิ่งที่สนใจอยู่ไปมองจึงทำให้รู้ว่าผู้ชายที่เข้ามาทักนั้นมาพร้อมช่อดอกไม้กุหลาบสีดำ สัญลักษณ์แบบนี้...ต้องการอะไรจากฉันอีก
“ไปบอกว่าฉันไม่ว่าง” เสียงเล็กตอบกลับเรียบนิ่ง ดวงตากลมกลับมาให้ความสนใจยังแชมพูในมือเช่นเดิม
“คืนพรุ่งนี้เวลาสองทุ่มครึ่ง จะต้องไปที่คฤหาสน์กลางทะเลสาบครับ” คำพูดของฉันไม่สามารถสั่งคนของผู้ชายคนนั้นได้เลยสักครั้ง
“....” ไร้เสียงตอบกลับและไม่มีคำยืนยันว่าจะไปตามที่เขาบอกหรือไม่ ฉันยังคงอ่านฉลากสินค้าในมือต่อตามเดิม
“คุณท่านกำชับมาว่าคุณหนูไม่ไป ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บคุณนายคนที่สองเอาไว้ครับ” บุคคลที่ถูกเอ่ยถึงเพิ่มเข้ามานั้นทำเอาหัวใจของฉันเต้นรัวและความรู้สึกโกรธพุ่งขึ้นในระดับสูง คำขู่เลือดเย็นแบบนี้ใครจะคิดว่าออกจากปากของคนที่นับได้ว่าเป็นครอบครัว...
“....” ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างกัน เป็นจังหวะเดียวกันที่เขากำลังวางช่อดอกไม้ลงบนเข็นของฉันพอดี
“ที่ริมทะเลสาบจะมีคนรอรับคุณหนูอยู่เช่นเดิมครับ” คำว่าคุณหนูฟังกี่ครั้งก็น่าขนลุกซะจริง ก็แค่เรียกแค่ช่วงเจ้านายพวกเขาต้องการให้ฉันไปหาเท่านั้นแหละ
“...เฮ้อ” เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่มันน่าจะดังพอที่ทำให้อีกฝ่ายได้ยิน
“ไปให้ตรงเวลานะครับ คุณท่านไม่ชอบคนที่ไม่ตรงต่อเวลา” เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นแล้วเดินออกไป ทิ้งช่อกุหลาบสีดำเอาไว้ให้ฉันอย่างทุกครั้งที่มีการเรียกตัว
ยิ่งมีอำนาจมากขึ้น การวางตัวระหว่างฉันกับผู้ชายคนนั้นยิ่งทำให้รู้รังเกียจมากขึ้นไปทุกวัน....
(กัส)
ณ ห้องทำงานภายในบ้านส่วนตัว เวลา 22.45 น.
ต๊อกแต๊ก ๆ ๆ ๆ
คลิก ๆ ๆ ๆ
เสียงแป้นพิมพ์ดังไปตามจังหวะการรัวนิ้วพิมพ์สลับเสียงคลิกเมาส์นัยน์ตาคมจ้องมองจอคอมพิวเตอร์ที่วางเรียงกันทั้ง 5 จอตรงหน้าที่แทบจะล้อมรอบตัวเขา ในระหว่างนั้นปลายนิ้วกดลงบนตัวอักษรเขียนโปรแกรมสำหรับอุปกรณ์ตัวใหม่ ที่กำลังจะถูกเสนอขายให้กระทรวงกลาโหมเร็ว ๆ นี้
ในฐานะ ‘รองบอสตระกูลอาร์เดียโน่’ ที่ดูแลธุรกิจของตระกูลด้านค้าอาวุธและอุปกรณ์สำหรับกองทัพทั่วโลก เขาจึงเป็นผู้ดูแลทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด
อาร์เดียโน่ ถือเป็นตระกูลมาเฟียทรงอิทธิพลมากที่สุดอันดับ 1 และธุรกิจเกินครึ่งจะเกี่ยวข้องกับงานของรัฐบาลทั้งจากภายในประเทศและนอกประเทศ ต่อมาหลังจากที่มีการแต่งงานของฟีฟี่ เธอเป็นทายาทของอาร์เดียโน่กับลูคัสที่เป็นถึงบอสตระกูลมัสชิโม่ ตระกูลมาเฟียทรงอิทธิพลลำดับที่ 3 ยิ่งดูเหมือนอำนาจของเรายิ่งมากขึ้นเข้าไปด้วย
และยิ่งฟี่ฟ่าที่อยู่ในตำแหน่งบอสของตระกูลแต่งงานกับเจ้าหญิงไอริสสมาชิกราชวงศ์ แม้ว่าตอนนี้เธอจะสละฐานันดรแล้วก็ไม่มีผลในด้านอำนาจ เพราะทางสายเลือดคือทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าชายฮาเซล
ช่างเป็นการเชื่อมอำนาจเข้าด้วยกันอย่างชัดเจนของทั้ง 3 ตระกูลและราชวงศ์
ติ้ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ครืด!
เสียงจังหวะการกดรหัสหน้าประตูดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเลื่อนเปิดออก คนที่รู้รหัสผ่านและเข้ามาถึงที่นี่ได้มีแค่ไอ้ฟ่า พ่อกับแม่เท่านั้น แต่ให้เดาโดยที่ไม่ต้องหันไปมองบุคคลเดียวที่จะเข้ามาในเวลานี้...พ่อ
“ไฮ...แด๊ด” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายร่างสูงที่เข้ามายืนข้างกาย โดยที่สายตายังจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่อย่างนั้น
“ทำเสียงให้ตื่นเต้นกว่านี้หน่อยเวลาพ่อมาหา” พ่อของเขาคือ ‘คริสเตียน’ รองบอสตระกูลอาร์เดียโน่รุ่นก่อน ปัจจุบันทั้งบอสและรองบอสอยู่ในฐานะที่ปรึกษาให้กับลูก ๆ แต่พ่อของเขาจะให้ความรู้สึกก่อกวนมากกว่าจะให้คำแนะนำ
“มาก็มีแต่หาเรื่องมาให้ ใครจะตื่นเต้นได้ลงคอ” คำพูดที่ตอบกลับพ่อไปนั้นไม่ได้ให้คนฟังรู้สึกแปลกใจอะไร เพราะมันเป็นการพูดที่ได้ยินจนชินชาอยู่แล้ว
“คิดแบบนี้ก็ดีเพราะมีเรื่องจริง” คำพูดนั้นทำเอานิ้วที่กำลังจรดลงบนปุ่มคีย์บอร์ดต้องหยุดลง
“....” ดวงตาสีเฮเซลนัทมองมายังผู้ชายที่ยืนอยู่ ซึ่งอีกฝ่ายมองหน้าเขากลับมาด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดีเช่นกัน
“ถามสิว่าเรื่องอะไรรอตอบอยู่” ดูอาการแล้วอยากจะพูดใจจะขาดมากกว่า แต่ติดกวนประสาทลูกซึ่งพ่อก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ดูอารมณ์ดีมีรอยยิ้มแต่ถ้าเป็นเรื่องงาน...เป็นอีกคนไปเลย
“ถ้าไม่ถามก็ไม่ต้องรับรู้ใช่มั้ย งั้นไม่ถาม” เขากลับมาให้ความสนใจยังงานของตัวเองต่อ
“กัสต้องหมั้นและก็แต่งงานทันทีหลังการหมั้นจบลงในสองอาทิตย์” ต่อให้ไม่อยากรู้พ่อก็เลือกที่จะพูดมันออกมาโดยไม่สนใจคนฟังอยู่ดี
“เรื่องเล่าสยองขวัญยามค่ำคืนเหรอ ฟังแล้วไม่น่ากลัวเลยสักนิดแต่รู้สึก...ขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูกเลย” ประโยคสุดท้ายเขาวางมือจากงานของตัวเองลง แล้วหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าพ่อตัวเองอย่างตรงไปตรงมา
นี่มันสมัยไหนแล้วมีเรื่องจับหมั้นอยู่อีกเหรอ...