(ยูรา)
วันต่อมา ณ คอนโดของยูรา เวลา 08.45 น.
(นะ นามสกุล นามสกุล....ยูรา)
เสียงของพี่นิโคล บรรณาธิการประจำสำนักพิมพ์พึมพำถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงนามสกุลของฉันที่เธอเพิ่งได้รับ เรื่องแค่นี้มันไม่ควรจะมีอะไรน่าตื่นเต้นสักนิด เพียงแค่บังเอิญที่นามสกุลใหม่นั้นดันตรงกันกับคนใหญ่คนที่ใคร ๆ ต่างรู้จักกันดี แต่ช่างเถอะฉันไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้
เท่านี้ก็กำลังเข้าใกล้คำว่าสติแตกและบ้าเต็มที่แล้ว!
“พี่นิโคลหลังจากจบช่วงลาพักร้อนสามเดือน ยูราอาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีเรื่องที่บ้านต้องจัดการสักพัก ขอลดการออกงานลงครึ่งหนึ่งนะ” ถือว่าฉันบอกเอาไว้ก่อนตั้งแต่เนิ่น ๆ เลยแล้วกัน การโดนพี่นิโคลบ่นหูชาไม่ใช่เรื่องตลก พาเอาปวดหูปวดหัวปวดทั้งตัวไปหลายวันเลย
(จะไปไหนเหรอ แล้วจู่ ๆ เปลี่ยนนามสกุลนึกว่าจะแต่งงานนะเนี่ย) การคาดเดาของพี่นิโคลทำฉันมือสั่น ปากสั่น พูดอะไรต่อไม่ออก ทำไมเดาแม่นขนาดนั้นล่ะ!
“เดี๋ยวเท่านี้ก่อนนะพี่ ยูรายังอยู่ในช่วงพักร้อนอยู่เลยกำลังจะไปเที่ยวด้วย บายค่ะ ติ้ด!” กลัวจะพูดอะไรแปลก ๆ ฉันรีบชิงวางสายก่อนเลยดีที่สุด แต่พอจบจากพี่นิโคลก็มาเจอสายตาของแม่ที่นั่งจ้องหน้าฉันอยู่
จ้องมอง...
“อะไรเหรอแม่” ฉันหันไปถามด้วยความสงสัย สายตาคู่นั้นที่จ้องมาเหมือนจะมีอะไรในใจ ขณะเดียวกันมือเล็กเอื้อมไปหยิบเอาแก้วน้ำผักของตัวเองขึ้นมาจิบ พวกผักผลไม้ของเหลือในตู้เย็น ด้วยความเสียดายจึงเอาทั้งหมดสกัดและปั่นรวมกัน ให้เป็นหน้าที่ของน้ำย่อยทำลายให้หมดก่อนจะเน่า
อี๋! รสชาติแย่มาก เหมือนน้ำหมักรดต้นไม้เลย!
“ดูยูราไม่ได้กังวลเรื่องตัวตนของผู้ชายที่จะต้องแต่งงานด้วย” คำถามของแม่มือที่กำลังยกแก้วนั้นต้องชะงัก ดวงตากลมมองไปยังหญิงสาววัยกลางคนตรงหน้า
“...หน้าหนูทำให้แม่คิดแบบนั้นเหรอ” ความจริงฉันโคตรจะกังวลและกลัวเลยล่ะ ไม่รู้ว่าเจอเขาแล้วตัวเองจะมีลมหายใจได้อีกกี่นาที!
อีกอย่างแม่ไม่รู้ว่าเราเคยเจอกันมาก่อน แม้จะแค่ครั้งเดียวและเป็นการเจอแบบอะไรก็ไม่รู้ของเราเมื่อหลายเดือนที่แล้วก็ตาม ตอนงานแต่งซินเซียฉันกับเขาไม่ได้ทักทายอะไรกันซึ่งมันสมควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว รอบตัวพวกเขามีแต่คนอยากเข้าหา ผู้หญิงสวย ๆ ดารา นางแบบหุ่นดี ๆ ที่แค่โผล่มาแค่เงาฉันก็แพ้ราบคราบ
และเขาอาจจะจำฉันไม่ได้ แต่ฉันน่ะจำเขาได้ขึ้นใจเลย! นิสัยใจคอที่แท้จริงเป็นยังไงก็ไม่รู้ ไหนจะเรื่องที่เราต้องอยู่ด้วยกันอีกแต่ฉันยังมีเรื่องสงสัยนะว่าทำไมเขาถึงไม่ปฏิเสธการหมั้นครั้งนี้ ระดับนั้นน่าจะไม่มีใครบังคับได้
หรือว่าเขาสนใจฉันตั้งแต่เจอกันครั้งแรกนะ...
พรึ่บ!
ความคิดเข้าข้างตัวเองในหัวต้องหยุดไว้เพียงเท่านั้น เมื่อหันหน้าไปมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกที่ตั้งพิงอยู่มุมห้อง
ผมสีดำยาวยุ่งเหยิงถูกม้วนขึ้นไว้กลางหัวแล้วหนีบด้วยกิ๊บตัวใหญ่ ผิวขาวซีดเป็นกระดาษกับสภาพหน้าไร้เครื่องสำอาง เสื้อยืดตัวเก่าที่ตอนนี้เนื้อผ้ามันเปื่อยพร้อมขาดเต็มที กางเกงขาสั้นตัวโปรดจากเดิมเป็นสีชมพูแต่มันกำลังเปลี่ยนไปสีขาว ความซีดเข้ากลืนกินจนแทบจะไม่เห็นสีเดิม
สภาพฉันนี่มันไม่ได้เป็นที่นิยมของผู้ชายจริง ๆ...
“ไม่กังวลก็ดี แม่มั่นใจว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี แค่เริ่มต้นยูราก็สามารถยกเรื่องการหมั้นมาต่อรองพ่อได้แล้ว และถ้าในอนาคตถ้าอยู่ในฐานะภรรยาที่มีทะเบียนสมรสยังไงยูราจะปลอดภัย” แม่ฉันผู้ไม่เคยสัมผัสกับคำว่า ‘ทะเบียนสมรส’ ก็คงไม่ต้องการให้ฉันมีสภาพเหมือนตัวเอง
ด้วยความไม่รู้ว่าพ่อมีภรรยาอยู่แล้วและแม่ที่เข้ามาเป็นเด็กฝึกงานในบริษัททำให้ทั้งคู่เจอกัน ความไม่รู้ ความรักทำให้ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด แม่ก็แค่เด็กผู้หญิงที่ไม่มีพ่อแม่และเข้ามาทำงานในอิตาลี ความกลัวในอำนาจทำให้ไม่สามารถหนีไปจากเขาได้
ฉันไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเขาสักเท่าไหร่ ที่ผ่านมาทั้งสามอยู่กันแบบสามคนผัวเมียที่มีสามีเป็นใหญ่ แม่ของโซอี้เธอไม่ได้มายุ่งวุ่นวายกับเราสองแม่ลูก ส่วนแม่ของฉันทำงานในฐานะเลขาของพ่อ แต่ไม่มีใครปฏิบัติตัวกับแม่ในฐานะภรรยาของเจ้านายอีกคน ชีวิตก็ไม่ต่างกับลูกน้องทั่วไป
“มันก็แค่กระดาษใบเดียวเองแม่ อย่าลืมว่าอีกฝ่ายเป็นตระกูลอาร์เดียโน่นะ” แม่คงคิดเรื่องความปลอดภัยในชีวิตของฉันที่จะรอดพ้นจากพ่อถ้าวันหนึ่งตัวเองไม่อยู่ จนลืมไปว่าคนที่ฉันต้องแต่งงานด้วยนั้นเป็นใครแน่ ๆ แล้วทะเบียนสมรสมันก็แค่กระดาษ ตระกูลที่อยู่เหนือกฎหมายน่ะไม่มีอะไรทำให้เขาสะเทือนได้หรอก
“ไม่ต้องห่วง จะมีคนคอยดูแลยูราอยู่ห่าง ๆ” แม่พูดด้วยดวงตาเป็นประกายและรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า น้อยครั้งมากเลยนะที่ฉันจะเห็นรอยยิ้มของแม่ ตอนนี้ฉันก็ไม่อยากฟังเรื่องการหมั้น การแต่งงานอีกแล้วเหมือนหัวจะระเบิดยังไงก็ไม่รู้
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน อีกตั้งสองอาทิตย์กว่าจะมีถึงขั้นตอนการหมั้น” เวลาให้ฉันหายใจและตั้งหลักสืบเรื่องนิสัยใจคอของเขาจากซินเซียอยู่บ้าง แต่ยังไม่รู้หรอกนะว่าฉันจะเริ่มถามยังไงไม่ให้เป็นที่น่าสงสัย เฮ้อ...
“ใครบอกสองอาทิตย์ อีกสามวันเตรียมตัวไปเจอคู่หมั้นและจดทะเบียนสมรส”
“ฮะ!”
“ยูราน่าจะเถียงกับพ่อเยอะจนสับสน สองอาทิตย์ที่ว่าคือหลังจากหมั้นแล้วไปแต่งงานนะ นับจากวันนี้ก็อีกสามวันเท่านั้นที่ยูราจะเจอคู่หมั้นตัวเอง ว้าย! ยูรา!” จากความโมโหที่สาดใส่พ่อจนฟังไม่ได้ความ พาให้ตัวเองกำลังเดินเข้าไปหาความตายอย่างรวดเร็ว
พรึ่บ!
ร่างบางหงายหลังนอนลงไปกับพื้นห้อง ทำเอาแม่ถึงกับลุกขึ้นมาประคองตัวแล้วหวีดร้องด้วยความตกใจ ฉันไม่ได้เป็นอะไรเพียงแต่รู้สึกหมดแรงจะทรงตัว หมดแรงจะหายใจเหมือนคนที่กำลังจะตายหรือความจริงฉันได้ตายไปแล้ว
สะ สามวัน...กรี๊ด! ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่จริง!
(กัส)
ณ เพนต์เฮาส์ส่วนตัว เวลา 08.45 น.
Rrrrrrr!!
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ที่วางอยู่ใต้หมอนดังลั่น มือหนาควานหาตามเสียงไปจนเจอกับสิ่งนั้นก่อนจะกดรับแล้วยกโทรศัพท์แนบหู ลูกน้องไม่กล้าโทรมาเวลาแบบนี้แน่นอน เพราะมันรบกวนเวลาของคนที่พึ่งได้นอนตอนเกือบเช้า งั้นต้องข่มใจ เก็บคำด่าไว้ในใจแล้วขานตอบรับคนในสายสั้น ๆ ว่า...
“...อือ”
(อีกสามวันนะสุดหล่อของแม่ ~)
เสียงสดใสของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นปลายสาย ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่โทรมาเวลาไหนก็ไม่เคยโดนเขาว่าและไม่มีความกล้าที่จะว่าเธอด้วยก็คือ...แม่ของเขาเอง
ได้ข่าวว่ากลับมาจากเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่เมื่อวาน หลังจากไปเที่ยวกับป้าคิมเกือบอาทิตย์ แม้ว่าเรายังไม่ได้เจอกันแต่แม่ก็โทรมาหาเขาแต่เช้าหลังจากกลับมา สงสัยจะคิดถึงลูกมาก
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ฝันดีครับ...” เสียงทุ้มแหบเอ่ยพูดกับคนปลายสายทั้งที่ดวงตาทั้งสองข้างยังคงปิดสนิท นอนคว่ำหน้าลงกับหมอน ยกแขนข้างหนึ่งหนุนรองใต้หัว ทำให้กล้ามเนื้อต้นแขนของผู้ชายที่ออกกำลังและดูแลตัวเองอย่างดีเด่นชัดขึ้นมา
(กัสเดี๋ยวเถอะนี่มันสายแล้วตื่นมาคุยเลย แล้วทำไมเสียงแหบแห้งอย่างนั้นไปดูดอะไรมา พาผู้หญิงมานอนที่ห้องหรือเปล่า ไหนบอกว่าจะไม่มีการพาผู้หญิงมาที่ห้องไง เรามั่วหรือเปล่า ป้องกันมั้ย อย่าให้แม่รู้นะกัส)
คำถามจากแม่ยิงรัวใส่เขาไม่หยุด ไม่ว่าจะโตแค่ไหนแต่แม่ก็ยังไม่ลดความกังวลเรื่องผู้หญิงลง สงสัยพ่อจะทำไว้เยอะมั้ง