ร้านไลท์เฮาส์
สถานที่นัดสังสรรค์ระหว่างสมาชิกชมรมค่ายอาสาพัฒนามารวมกันที่นี่หลายต่อหลายคน ซึ่งงานนี้จะจัดปีละครั้ง เพื่อพบปะสังสรรค์ของสมาชิกชมรมที่ต่างก็สำเร็จการศึกษาไปแล้ว ด้วยความที่ชมรมค่ายอาสาพัฒนาต้องออกค่ายเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในถิ่นยากไร้บ่อย ทำให้ไม่มีเพื่อนนักศึกษาพยาบาลคนไหนยอมมาเข้าร่วมชมรมกับพราวรุ้ง แค่เรียนก็หนักมากแล้ว ให้เอาเวลามาออกค่ายอาสาคงจะไม่ไหวจริงๆ ทำให้พราวรุ้งเป็นนักศึกษาพยาบาลคนเดียวที่อยู่ในชมรมค่ายอาสาพัฒนา
และด้วยความสวยของเธอก็ทำให้เธอกลายเป็นสาวสวยของชมรมที่โดดเด่นมาก มีหลายคนพยายามที่จะจีบเธอตั้งแต่สมัยเรียน แต่ทว่าก็ต้องถอยไปเมื่อรู้ว่าหัวใจสาวเจ้ามีเจ้าของคือพีรชัช แม้ว่าฝ่ายชายจะไม่เคยตอบรับรัก แต่ฝ่ายหญิงก็ไม่ย่อท้อที่จะรออย่างมีความหวัง จนผู้ชายคนอื่นที่จะพยายามเข้ามาจีบพราวรุ้งค่อยๆ ถอยออกไป ทุกวันนี้ทุกคนก็เลยกลายเป็นเพื่อนกันไปหมดแล้ว
และวันนี้มาวินประธานชมรมมาถึงที่ร้านเพื่อมาเตรียมงานก่อน เขาเดินดูความเรียบร้อยของงาน ก่อนที่เขาจะเดินมาหาพราวรุ้งที่เดินเข้ามาด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงเพลิงขับผิวขาวผ่องของเธอได้เป็นอย่างดี วันนี้เธอสลัดภาพนางพยาบาลแสนเรียบร้อยได้อย่างไม่เหลือเค้าเดิมเลย
“สวยมาเลยนะน้องสาวพี่” มาวินทักทายพราวรุ้งอย่างสนิมสนม
“หวัดดีค่ะพี่วิน” พราวรุ้งไหว้รุ่นพี่คนสนิท
“เป็นไงบ้างปีนี้มีอะไรคืบหน้ายัง เข้าใกล้คำว่าสำเร็จแล้วใช่มั้ย” มาวินเอ่ยถามอย่างคาดหวัง เพราะเขาเอาใจช่วยรุ่นน้องสาวคนนี้ตลอดเวลา แต่ทว่าเวลาก็ผ่านไปหลายปีมากแล้ว รุ่นน้องสาวของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะเข้าไปใกล้หัวใจพีรชัชได้เลย ที่ถามวันนี้เขาคิดว่าเขาน่าจะได้คำตอบเป็นข่าวดีบ้าง เพราะพีรชีชก็ยังไม่มีใคร ถ้ายังไม่ตกหลุมรักรุ่นน้องคนนี้ของเขา เขาอาจจะสันนิษฐานว่าพีรชัชชอบเพศเดียวกันแล้วก็ได้
“ไม่มีอะไรคืบหน้าค่ะ ยิ่งเข้าใกล้ ก็เหมือนยิ่งห่างไกล” พราวรุ้งตอบอย่างสิ้นหวัง
“ต้องให้พี่เป็นตัวช่วยแล้วมั้ย” มาวินเอ่ยถามด้วยความสงสาร เขาเชื่อว่าพลอยรุ้งนั้นรักพีรชัชจริง แต่ทว่าพีรชัชนั้นเย็นชาจนเขาต้องเสนอทางช่วย เพราะถ้าปล่อยไปอย่างนี้พราวรุ้งคงต้องรอพีรชัชจนแก่แน่ๆ มาวินเชื่ออย่างนั้น
“ช่วยแบบไหนล่ะคะพี่วิน ความรักถ้าไม่รักก็บังคับใจกันไม่ได้หรอกค่ะ ที่จริงแล้วพราวควรจะเป็นฝ่ายถอยนะ ตื้อเขาอย่างหน้าไม่อายแบบนี้อยู่ได้ตั้งกี่ปี เริ่มรู้สึกสงสารตัวเองแล้วแหล่ะ” พราวรุ้งตอบด้วยรอยยิ้มแห้งๆ