บรรยากาศแห่งความสุขในทุกๆ ปีกำลังดำเนินขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในหนึ่งปีที่ผ่านมาทุกคนมีเรื่องเล่าของตนเองเล่าให้เพื่อนๆ พี่ๆ ฟัง แต่พีรชัชก็ยังเป็นพีรชัชคนเดิมที่ไม่ยอมเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง ถ้าไม่ได้สนิทสนม เขาเพียงนั่งฟังและลอบยิ้มน้อยๆ ต่างจากพราวรุ้งที่จ้อไม่หยุด ยิ่งเมาก็ยิ่งเล่าเรื่องสนุกๆ พลอยให้ทุกคนได้หัวเราะกับเรื่องโก๊ะๆ ของเธอ ภายใต้ความสวยจนผู้ชายมองตาม มันเต็มไปด้วยความโก๊ะอย่างที่ทุกคนในชมรมรู้ดี แต่คนที่ไม่สนใจพราวรุ้งอย่างพีรชัชก็ยังเป็นคนเดิม คนที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลยสักนิด
“เลิกชอบไอ้หมอเถอะ มาชอบพี่นะน้องพราว รับรองพี่จะไม่มีวันทำร้ายจิตใจน้องพราวเลย” ชยันต์รุ่นพี่ในชมรมอีกคนที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพีรชัช หันมาเอ่ยเย้าพราวรุ้ง เพราะเห็นสถานกาณ์ตรงหน้ายังเหมือนเดิม ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีแล้วก็ตาม
“รักแรกมันลืมยาก ฉันคงลืมยาก แม้จะนานเท่าไหร่ ไม่มีวันที่จะจางหาย” คราวนี้คนเมาอย่างพราวรุ้งสวมวิญญาณเป็นนักร้องขึ้นมาทันที ก่อนที่ทุกคนบนโต๊ะจะหัวเราะออกมาเกือบจะพร้อมๆ กัน งานนี้หญิงสาวเริ่มรั่วเพราะอาการเมา ส่วนมาวินก็ส่งสัญญาณบอกหญิงสาวว่าแก้วล่าสุดที่เขาส่งให้ มันคือแก้วที่มียาอยู่
“พอเลย เมาแล้วก็กลับเถอะ” คนที่ว่าไม่หวั่นไหวนั้น รู้สึกอายขึ้นมาเล็กน้อย นี่ขนาดเมาไม่มากเท่าไหร่เธอก็เริ่มเต๊าะเขาขนาดนี้ ว่าเย็นชาแค่ไหนก็ต้องรู้สึกอายบ้างแหล่ะ
“ใครเมาคะ พราวยังไม่เมาซะหน่อย กำลังสนุกเลย” พราวรุ้งเอ่ยออกมาเสียงอ้อแอ้ แต่ก็มีสติมากพอที่จะยกแก้วที่ผสมยาเสียสาวขึ้นดื่ม งานนี้เธอมอมตนเองเพื่อสร้างความใจกล้า ก่อนที่น้ำสีอำพันนั้นจะไหลลงไปที่คอจนหมด
“ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุว่ะ” พีรชัชเอ่ยเสียงดุ
“ถ้าไม่อยากให้น้องมันดื่มก็ใจดีไปส่งน้องมันหน่อยสิ” มาวินชงต่อทันที เพราะรุ่นน้องสาวดื่มเครื่องดื่มที่ผสมยาเสียสาวแล้ว ขึ้นอยู่ที่เขาจะชงต่อมั้ยก็แค่นั้นเลย
“ไม่ล่ะ ใครจะใจดีไปส่งก็ไปสิ” พีรชัชรีบปฏิเสธทันที
“ถ้างั้นคืนนี้ใครอยากได้ตัวน้องพราว อาสาจะไปส่งน้องมีมั้ย” มาวินแกล้งเอ่ยถามทุกคน ด้วยเพราะเขารู้ดีว่าพีรชัชนั้นเป็นคนมีน้ำใจ ในสภาพเมาเละเทะแบบนี้ ถ้าปล่อยพราวรุ้งไปกับคนที่ไม่ไว้ใจ เรื่องไม่ดีอาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งมันจะสูญเสียความสัมพันธ์ที่ดี และมาวินเชื่อว่าพีรชัชคงไม่ปล่อยให้พราวรุ้งเป็นอันตรายแน่นอน แผนของเขาต้องสำเร็จ