“แหมมม…เจ๊ไม่น่าถาม วันนี้ของขาดค่ะ อลิสเล่นด้วยค่ะ” อลิสาพูดติดตลกอย่างไม่กระดากปากแถมหัวเราะต่อกระซิกกับเจ๊เจ้าของร้านอย่างรู้ใจ เธอเป็นพวกรักสนุก แต่ไม่ชอบผูกพันตัวแม่ ชอบรับบทเป็นเด็กในสังกัดของเจ๊ รับงานทำเงินให้เจ้าของร้านอยู่บ่อยๆ ยามอารมณ์เปลี่ยว ไม่ได้สนใจเรื่องค่าตัวหรอก เธอรวยมาแต่เกิด เกิดมาบนกองเงิน ที่ขาดก็แค่ความสุข ขอแค่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราวแบบไม่ผูกพัน
“ทุกคนมารวมกันตรงนี้หน่อย มีน้องใหม่มาแนะนำให้รู้จัก” เจ๊คาร์เทียเดินนำสองสาวเข้ามาในห้องแต่งตัวหลังร้าน
“สวัสดีค่ะทุกคน เมรีนะคะ” มือน้อยๆ ข้างหนึ่งยกขึ้นโบกไหวๆ ทักทายเพื่อนร่วมอาชีพที่กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องเตรียมทำงานคืนนี้ ส่วนอลิสาคุ้นชินกับที่นี่ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องแนะนำอะไรมาก
“ดาด้าพาเมรีไปแต่งตัวซิ คืนนี้จะได้ทำงานเลย แล้วก็ลงคิวให้คุณอลิสด้วย” เจ๊เจ้าของร้านส่งต่อเมรีและอลิสาให้ดาด้าสาวสองอีกคน ที่มีหน้าที่ดูแลสาวๆ ทุกคนในสังกัด
“เริดมากแม่ สวยขนาดนี้ไปหามาจากไหนคะ ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม นม เอว โอ๊ยดีไปหมด รับรองคืนนี้ร้านเราต้องลุกเป็นไฟแน่นอนค่ะ” ดาด้าสาวสองที่ผ่านการเฉาะมาแล้วลากเสียงยาวขณะตะลึงงันในความสวยของเมรี หล่อนแทบไม่ต้องแต่งเติมเสริมอะไรเพิ่มให้เมรีเลยแม้แต่น้อย เพราะที่มีอยู่ก็เพอร์เฟกต์มากแล้ว
“แหม! ลืมหนูเลยนะ น่าน้อยใจจริงๆ” อลิสาแอบแซะดาด้าที่ตั้งแต่เข้ามายังไม่ทักเธอเลย
“ใครจะกล้าลืมคุณหนูอลิสล่ะคะ เดี๋ยววันนี้พี่ดาด้าจัดคิวงานวีไอพีให้พร้อมน้องเมรีเลยค่ะ”
พอลับตาเจ๊เจ้าของร้าน มือบางก็รีบดึงแขนเพื่อนเกือบจะเป็นกระชาก “นี่นังอลิส สาบานนะว่าแกไม่ได้พาฉันมาขาย”
“โอยยย แกดูละครมากไปนังรี แกดูสิ ที่นี่ไฮโซหรูหราแค่ไหน แขกที่มามีแต่วีไอพี ผู้ชายพรีเมียมเพรียบเลย ทุกอย่างแล้วแต่แกนะ”
ถึงกระนั้นคนฟังก็ไม่สบายใจอยู่ดี จะไปข้างหน้าก็ลำบากใจ จะเดินกลับออกไป ค่าหอพัก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทอม และอีกสี่สิบรายการหนี้ที่มารดาก่อไว้ก็รออยู่ เมรีได้แต่ถอนหายใจ
“แต่ยังไงฉันก็ไม่ขาย ฉันไม่ได้มาเพื่อขายตัว” นั่งคุยกับลูกค้าเธอพอรับได้ แต่ห้ามล้วง ห้ามควัก เธอรับแค่งานเอนเตอร์เทนพูดคุยเท่านั้น
“แกไม่ขายก็เรื่องของแก แต่ฉันน่ะจะแจกฟรีถ้าถูกใจ”
“โอ๊ย! อลิส แกสงสารน้ำสกุลพ่อแกหน่อยเถอะ ใช้ชีวิตเบาๆ หน่อย”
เมรีมองลูกคุณหนูไฮโซด้วยสีหน้าหนักใจราวกับกำลังประชดชีวิต ยังไม่ทันพูดอะไรก็ถูกอีกฝ่ายดึงมือให้เดินตามไป บรรยากาศในร้านเริ่มคึกคักเมื่อนักเที่ยวเริ่มหนาตากว่าตอนหัวค่ำ ยิ่งเวลาล่วงเลยดึกมากขึ้นเท่าไร เหล่าบรรดานักเที่ยวกลับยิ่งแน่นขนัดร้านจนดูแออัดไปถนัดตา สองสาวถูกพาเข้าไปแต่งหน้าทำผมในห้องแต่งตัวซึ่งไม่แพ้สตูดิโอของดารา ก่อนช่างแต่งหน้ามืออาชีพสาวสองจะรีบดึงตัวเข้าไปนั่งที่เก้าอี้แล้วช่วยกันแปลงโฉมสองสาว
แสงไฟบนเวทีสาดส่องบรรดาสาวสวยวัยยี่สิบต้นๆ นับสิบคน ระดับความสวยแต่ละนางไม่ได้แพ้ดารา นางแบบ ตามหน้าจอทีวี พวกเธอคือดาว แต่เป็นดาวที่ประดับอยู่บนไนต์คลับหรูหราแห่งนี้ บางคนเป็นพริตตี้เอ็มซี และนักศึกษาแฝงมาหารายได้พิเศษก็มี รายละเอียดชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน เมรีไม่อยากโทษใคร เธอเองก็ไม่ได้อยากจะมายืนอยู่ตรงนี้ แต่ที่ตัดสินใจขึ้นมาบนเวทีเพราะได้ตกลงกันแล้วไม่มีการบังคับให้ขายบริการ รายได้ในคืนนี้คือการประมูลดริงก์
“สวัสดีแขกท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน เอาละค่ะ วันนี้ทางร้านมีกิจกรรมพิเศษให้ร่วมสนุกกันค่ะ เราจะเปิดการประมูลดริงก์สำหรับสาวสวยที่คัดมาเป็นอย่างดี พรีเมียมสุดๆ สำหรับใครที่ต้องการน้องๆ สาวสวยระดับวีไอพี ไปเอนเตอร์เทนที่โต๊ะก็ยกป้ายประมูลกันรัวๆได้เลยนะคะ” เจ๊คาร์เทียจัดการเริ่มเปิดการประมูล บรรดาสาวๆ ที่มีหมายเลขประจำตัวเองก็ทยอยกันเดินขึ้นมาอวดโฉมบนเวทีให้เหล่าบรรดานักดื่มกลัดมันได้เลือกประมูลกันอย่างสนุกสนาน จนมาถึงคิวของอลิสากับเมรีสองสาวเพื่อนรักของค่ำคืนนี้ที่มีความสวยสดเฉิดฉายเรียกสายตาหนุ่มๆ กระเป๋าหนักทั้งหลาย
“ขอท่าเดินเปิดตัวแบบมิสแกรนด์สวยๆ เอาให้โลกตะลึงเลยนะคะลูกสาว” ดาด้าบอกกับเมรีน้องใหม่ของวันนี้ก่อนส่งเธอขึ้นเวทีเป็นคนสุดท้าย ทว่าอีกฝ่ายไม่กล้าขยับเดิน จนใครบางคนต้องผลักหญิงสาวมายืนโดดเด่นอยู่กลางเวที แต่ด้วยการเป็นพริตตี้เอ็มซีมาก่อน พอถูกแสงไฟสาดใส่ ใบหน้าสวยก็เชิดสู้ ใจกล้า หน้าด้าน เธอจะมาทำครั้งเดียว จากนั้นจะไม่เฉี่ยวเข้ามาอีก
“สารวัตรดูโน่น ดูเด็กนั่นสิ แจ่มไปเลย วันนี้โชคดีจริงๆ” หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างพากันกระดี๊กระด๊าเมื่อเห็นสาวสวยแรร์ไอเทมของร้านเดินขึ้นมาโชว์ตัวสารวัตรอคิณหันไปมอง ดวงตาคู่คมมองขึ้นไปบนเวทีราวกับเห็นผี...
จากนั้นการประมูลที่ดุเดือดก็เริ่มขึ้น เหล่าบรรดานักเที่ยวนักดื่มทั้งหลายต่างพากันยกป้ายประมูลแย่งกันจนเจ๊คาร์เทียมองตามไม่ทัน ดาด้าแอบกรี๊ดอยู่หลังเวที ไม่เคยเห็นการประมูลที่ดุเดือดเลือดพล่านเท่านี้มาก่อน
“เฮียให้สี่สิบดริงก์” เจ้าของร้านอาหารดังย่านเกษตรนวมินทร์ตะโกนลั่นพร้อมมองสาวเจ้าตาเป็นประกาย
“หกสิบดริงก์ครับ” ลูกค้าวีไอพีโต๊ะด้านหน้าเวทีรีบเกทัพ
“เจ็ดสิบ” เฮียปอเจ้าของตึกใหญ่ย่านสาทรรีบประกาศสู้
แล้วเสียงปริศนาก็ดังขึ้นมาจากโต๊ะใหญ่ใจกลางร้าน
“หนึ่งร้อยดริงก์”
แสงไฟสปอตไลต์สาดไปยังชายหนุ่มที่ชูป้ายประมูลสูงที่สุดในค่ำคืนนี้ เจ๊คาร์เทียแทบไม่อยากจะเชื่อหู เพราะมากสุดเท่าที่เคยประมูลยังแค่ห้าสิบ สาวสองรีบนับถึงสามแล้วก็เป็นอันสิ้นสุดการประมูล ไม่มีใครกล้าสู้ต่อ