แพรไหมนั่งอ่านหนังสือเพลิน ๆ พลันเสียงมือถือดังขึ้นขัดจังหวะการอ่านหนังสือ มือบางล้วงกระเป๋าสะพาย เธอก้มดู เห็นเป็นเบอร์ของรุ่นพี่
(“สวัสดีค่ะพี่น่านฟ้า”) ชายหนุ่มเป็นรุ่นพี่ที่ตามจีบหญิงสาวตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง
“กลับถึงบ้านยังครับ” น่านฟ้าพึ่งซ้อมบาสเสร็จ เขารีบโทรศัพท์หาหญิงสาวทันที
(“ค่ะ หนูถึงสักพักแล้วค่ะ พี่น่านฟ้าซ้อมบาสเสร็จแล้วเหรอคะ”) ปกติถ้าเธอว่างจะแวะไปดูชายหนุ่มซ้อมประจำ
“อื้อ พึ่งเสร็จเลยรีบโทรหาน้องยาหยีเนี่ยครับ” เขาบอกขณะสายตาเหล่มองสาว ๆ ที่เดินผ่าน
(“ค่ะ พี่น่านฟ้ากลับบ้านดี ๆ นะคะ”) เธอบอกชายหนุ่ม
“ครับผม”
จะว่าไปชายหนุ่มจอมเจ้าชู้ มักจะมีสาว ๆ มาพัวพันมากหน้าหลายตา แต่สำหรับน่านฟ้านั้นถือว่ายกเว้น เมื่อเขานั้นชอบหญิงสาวแบบจริงจัง
น่านฟ้า ดิเรกโยธิน รุ่นพี่ปีสี่ที่ชอบหญิงสาวตั้งแต่แรกพบ ชายหนุ่มผู้ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิง ยามที่เขาหมายตาเหยื่อต้องตกเป็นของเขาทุกครั้ง แต่ยกเว้นหญิงสาวนามว่า ‘แพรไหม’
ชายหนุ่มตามเทียวไล้เทียวขื่ออยู่นาน จนหญิงสาวยอมคบหากับเขา แต่ไม่มีเรื่องเสื่อมเสียใด ๆ มีเพียงจับไม้จับมือถือแขน เพราะหญิงสาวเว้นระยะห่างให้พองาม แต่อีกคนไม่ใช่ น่านฟ้าจึงต้องหาที่ปลดปล่อยกับสาว ๆ โดยไม่ให้แพรไหมรู้
หลังจากคุยกับรุ่นพี่เสร็จ แพรไหมหันไปมองคนมาใหม่ เมื่อเห็นว่าเป็นคุณแม่ เธอยิ้มหวาน ๆ และวิ่งไปรับของช่วยถือ
“สวัสดีค่ะคุณแม่ หนูช่วยค่ะ” สองมือช่วยรับของจากผู้เป็นแม่
“สวัสดีจ้ะลูก ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วจัง” คุณแม่เนตรนภาถามลูกสาว
“เร็วที่ไหนคะคุณแม่ ปกติเหมือนทุกวันแหละค่ะ” อาจเพราะวันนี้เธอกลับเร็วกว่าปกติ เธอถือของไปวางบนโต๊ะทานข้าว
คุณเนตรนภาในวัยห้าสิบปี เดินไปนั่งข้างสามี
“คิดอะไรอยู่คะคุณ” เธอคิดว่าสามีต้องมีเรื่องในใจ
“ก็มีอยู่เรื่องเดียวแหละคุณ” สามีบอกภรรยา
“เฮ้อ คุณเจก็ทำตัวเหมือนหายสาบสูญไปเลย ไม่คิดจะติดต่อกลับมาบ้าง อยู่ ๆ ก็เงียบไปเฉย ๆ” คุณเนตรนภาพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เหตุใดทำให้น้องสามีเปลี่ยนไป
บทสนทนาทั้งสองดังพอที่ลูกสาวได้ยิน เธอยืนข้างโต๊ะทานข้าว เธอต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้คุณอากลับบ้านให้ได้ เธอเป็นห่วงพ่อพิเชษฐ์ ยิ่งอายุมากขึ้น ร่างกายท่านยิ่งไม่ค่อยแข็งแรง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวก็ยอมทั้งนั้น หวังแค่ให้คุณอาหนุ่มได้กลับมาช่วยดูแลโรงพยาบาลบ้าง
แพรไหมคิดอยู่ในใจว่าจะลองโทรศัพท์หาคุณอาดู เธอไม่มั่นใจเอาเสียเลย เธอจะพูดอย่างไรถึงจะทำให้ชายหนุ่มยอมกลับ แต่ก็ลองโทรศัพท์มันก็คงไม่เสียหาย
ว่าแล้วเธอจึงกดเบอร์หาชายหนุ่ม ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ความตื่นเต้นทำให้เหงื่อซึมฝ่ามือและขมับ ความเย็นของแอร์ไม่ได้ช่วยให้เย็นเลยตอนนี้
ตื้ด ตื้ด ตื้ด... เสียงมือถือแผดเสียงอยู่นาน กว่าที่เจษฎาจะรับสายมันก็ดับไปเสียแล้ว เวลาสองประเทศไม่ตรงกัน ประเทศไทยเป็นเวลากลางคืน แต่ทางต่างประเทศเป็นเวลาช่วงบ่าย ทำให้แพรไหมรอสายนานเป็นพิเศษ เธอรอจนสายมันตัดไปเอง
'คุณอาขา รับสายหนูหน่อยนะคะ ขอร้องล่ะค่ะ' แพรไหมพ่นบ่นคนเดียว เธอโทรศัพท์แล้วโทรศัพท์อีกจนเกือบถอดใจ แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างหญิงสาว เมื่อปลายสายกดรับ ทำให้แพรไหมเผลอยิ้มอย่างดีใจ
(“สวัสดีครับ ผมนายแพทย์เจษฎา สิริภากุล ครับ”) ชายหนุ่มแนะนำตัว เบอร์ที่โทรศัพท์มามันไม่ใช่เบอร์ที่ที่เขาอยู่ แต่ไร้ซึ่งเสียงโต้ตอบ จนเขาต้องย้ำอีกรอบ
(“ถ้าโทรมาไม่มีธุระอะไร ผมขอวางนะครับ”)
“คุณ คุณอาเจ ขา หนู แพร เองค่ะ” หญิงสาวประหม่า บวกกับดีใจที่คุณอารับสาย เธอตื่นเต้นจนพูดติด ๆ ขัด ๆ
แค่ได้ยินเสียงหวาน ๆ ของหลานสาว รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าเข้ม นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้ยินเสียงหวาน ๆ นี้ ต่างคนต่างเงียบ เป็นชายหนุ่มเองที่เอ่ยถาม
(“หวัดดีครับน้องแพรไหม”) คำแรกที่ทักทายหลานสาว
“เอ่อ สวัสดีค่ะคุณอาเจ” เสียงตะกุกตะกักทำตัวไม่ถูก
(“ตื่นเต้นเหรอครับ แพร”) เจษฎาจึงถามหลานสาว
สำหรับ นายเจษฎา สิริภากุล หรือ หมอเจ นายแพทย์หนุ่มวัยสามสิบเจ็ดปี หมอหนุ่มไฟแรง หุ่นบึกบึน สูงใหญ่สมส่วน
เขาออกกำลังกายดูแลรูปร่างสม่ำเสมอ จบการศึกษาใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี บุคลิกภายนอกนิ่งเงียบ สุขุม อ่อนโยน สุภาพ อบอุ่น แต่เวลาได้อยู่กับผู้หญิง มักตรงกันข้ามเสมอ เขาร้อนแรง จัดเต็มจนฝ่ายหญิงต้องร้องขอ
“ค่ะ ตื่นเต้นค่ะ” แพรไหมยอมรับตามตรง จะไม่ให้เธอตื่นเต้นได้อย่างไร ในเมื่อครั้งนี้เป็นครั้งแรก หลังจากที่เธอไม่ได้โทรศัพท์หาเขาในรอบหลายปี
(“แพรไหมของอาเป็นไงบ้าง สบายดีไหมครับ”) เสียงทุ้มกังวลชวนให้คนฟังหลงใหล เสียงที่ฟังดูแปลกไป
“หนูสบายดีค่ะ แล้วคุณอาล่ะคะ”
(“ครับ อาของน้องแพรสบายดีครับ ว่าแต่ยังไม่นอนหรือครับเด็กดี”) เจษฎารู้ว่าที่เมืองไทยตอนนี้น่าจะดึกพอควร
“จะนอนแล้วค่ะ แต่ แต่ว่าหนูมีเรื่องอยากขอร้องคุณอาค่ะ” ใจเต้นตึกตัก หญิงสาวค่อย ๆ หายใจลึก ๆ เข้าเรื่อง
(“หือ ขอร้อง ขอร้องอาเรื่องอะไรครับ”) ในรอบหลายปีที่จะได้ยินเสียงหวาน ๆ โดยตรงที่ไม่ผ่านวิดีโอที่เพื่อนอัดส่งมาให้
“คุณอากลับไทยได้ไหมคะ คุณพ่อไม่ค่อยสบาย หนูห่วงคุณพ่อ ตอนนี้ท่านอายุมากแล้ว หนู หนู” หญิงสาวไม่กล้าพูดต่อ แต่เหมือนคุณอาหนุ่มจะเข้าใจจุดประสงค์ของหลานสาวดี
(“ขอให้อากลับไทย”) จู่ ๆ ชายหนุ่มเป็นฝ่ายพูดขึ้นเอง
“ค่ะ ถือว่าเห็นแก่คุณพ่อได้ไหมคะ” หญิงสาวห่วงอาการของพ่อจะทรุด หากเป็นอะไรไปใครจะดูแลโรงพยาบาล มีเพียงชายหนุ่มที่เป็นความหวังเท่านั้น
(“ว่าแต่เรา ใกล้จบหรือยังน้องแพร”) เขาย้อนกลับคนละประเด็น
“เหลืออีกหนึ่งปี หนูก็จบแล้วค่ะ” หญิงสาวเลือกเรียนหมอเช่นกัน เธออยากช่วยเหลือครอบครัวอีกแรง
(“เรียนหนักขนาดนี้ หลานอาคงเหนื่อยแย่”) เขาเข้าใจดีในเรื่องนี้
“ค่ะ แต่ไม่เท่าไหร่ค่ะ”
(“ฝึกงานที่ไหนครับ”) เขาถาม
“หนูคงฝึกที่โรงพยาบาลของคุณพ่อค่ะ ปกติว่างหนูก็แวะไปดูงานบ้างค่ะ ช่วงนี้หนูต้องไปบ่อยค่ะ” เธอพูดไปพลางยิ้มไป
“คุณอาเจ ขา กลับไทยเถอะนะคะ เห็นแก่คุณพ่อที่ท่านไม่สบาย หนูอยากให้ท่านได้พักผ่อนเต็มที่ นะคะคุณอา”
แพรไหมออดอ้อนหวังให้ชายหนุ่ม มาดูแลสานต่อโรงพยาบาล เธอรู้ว่าคุณพ่อรักโรงพยาบาลนี้มากแค่ไหน ขนาดไม่สบายยังคงต้องไปคอยดูแล ให้กำลังใจแก่บุคลากร จนเป็นภาพคุ้นชินของใครหลาย ๆ คนที่ได้พบเห็น
เจษฎายังคงนิ่งเงียบ นั่งไขว่ห้างในห้องทำงาน เหมือนใช้ความคิดบางอย่าง ภาพในหัวมีแต่หลานสาวผู้สดใส วนเวียนไปมา เขาจินตนาการถึงริมฝีปากจิ้มลิ้ม ขณะเอื้อนเอ่ยกับเขา
จู่ ๆ รอยยิ้มก็ปรากฏแก่ใบหน้าชายหนุ่ม
“คุณ คุณอา ขา” เมื่ออีกคนเงียบ หญิงสาวจึงเรียกชายหนุ่ม
(“ครับ อาขอเวลาคิดก่อนนะครับ เดี๋ยวอาให้คำตอบ”)
เอาจริงเขาเองก็อยากกลับ ตั้งแต่ได้ยินเสียงออดอ้อนของหลานสาว แต่เขาต้องทำเรื่องลาออกก่อน
“ค่ะ หนูจะรอคุณอาเจกลับมาค่ะ ขอบคุณ คุณอาเจมาก ๆ ค่ะ” หญิงสาวดีใจที่ได้ยินผู้เป็นอาบอกเช่นนี้
(“ทำไมถึงไม่โทรหาอาบ้างน้องแพร”) อยู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนประเด็น
“หนู หนูเกรงใจแฟนคุณอาค่ะ”) ไหน ๆ ก็บอกตรง ๆ เธอเคยโทรศัพท์หาชายหนุ่ม แต่พอดีมีหญิงสาวอีกคนอ้างว่าเป็นแฟนของอา และสั่งห้ามไม่ให้เธอติดต่อไปอีก จากนั้นยาหยีก็ไม่คิดจะโทรศัพท์หาอีกเลย
(“หือ แฟน รู้ด้วยเหรอว่าอามีแฟน ฮึ” เขาสงสัยทำไมหญิงสาวถึงรู้
“แฟนคุณอาบอกหนูเองค่ะและสั่งห้ามไม่ให้หนูโทรหาคุณอาอีกค่ะ”
(“น้องแพรมีแฟนหรือคบกับใครอยู่ไหมตอนนี้”) เจษฎาใคร่รู้ว่าหญิงสาวจะตอบตรงกับที่เขารู้หรือเปล่า
“เอ่อ ยังไม่มีค่ะ” เธอมีแค่คนคุยคนเดียว
(“จริงเหรอ ไม่ได้โกหกอาใช่ไหม”)
แม้รู้ว่าหลานสาวโกหก แต่ก็แกล้งทำเหมือนไม่รู้
“ค่ะ…” เธอไม่อยากให้รายละเอียดมากมาย
ครั้งแรกที่ได้โทรศัพท์คุยกันนานนับชั่วโมงสองชั่วโมง เสียงหาวนอนของแพรไหมเล็ดลอดให้ชายหนุ่มได้ยิน แม้เธอจะยกมือปิดปากก็แล้ว
หญิงสาวมองดูเวลามันล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่
ปกติเธอจะนอนไม่เกินห้าทุ่ม แต่วันนี้พิเศษกว่าทุกวัน เธอดีใจที่ได้คุยกับคุณอา
(“น้องแพรครับ ที่นั่นคงดึกมากแล้ว หนูพักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้จะได้ไปเรียน”) คำตอบที่ได้ทำให้ใจเขาเดือดพล่าน แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้ เดี๋ยวเขากลับไทยก็จะรู้เอง มีแฟนหรือไม่มี
“ค่ะ งั้นแพรวางสายนะคะ คุณอา ขา”
(“ครับ…มีอะไรครับคนสวย”) แม้จะผ่านมาหลายปี เขายังคงจำได้เสมอ คำพูดที่ใช้พูดกับหลานสาว
“หนูรักคุณอาเจนะคะ รีบ ๆ กลับมานะคะคุณพ่อคุณแม่ท่านรอคุณอาอยู่ค่ะ” ความเคยชินเมื่อครั้งยังเยาว์ที่เคยบอกคุณอา กลับมาทำให้เขาได้ยินอีกครั้ง
(“ฝันดีนะครับ เด็กดีของอาเจ”)
“ฝันดีค่ะอาเจ”
เจษฎาผู้อ่อนไหวให้กับหลานสาวเพียงแต่ผู้เดียว หลังจากที่วางสาย เขาหลับตา สองมือประสานกอดอก สองเท้าเหยียดยาวพาดขอบโต๊ะทำงาน เหมือนครุ่นคิดบางอย่าง
แต่แล้วต้องยิ้มกริ่ม ในที่สุดคนที่ห่วงและหวงยอมโทรศัพท์หาเขาสักที ไม่มีใครรู้ได้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรกันแน่ หรือเขาคิดไม่ซื่อกับหลานสาวตัวเอง
หากเป็นเช่นนั้นมันไม่ดีแน่นอน คงไม่มีใครรับได้หรอกนะ หากแต่ชายหนุ่มจะฉีกกฎนั้นเสียเอง อะไรก็ห้ามเขาไม่ได้ เพราะคนอย่างเจษฎาสามารถที่จะทำมันได้อยู่แล้ว หากหัวใจของเขามันเรียกร้องซะอย่าง