เขาลือกันว่า...
ตอนที่ 1
เขาลือกันว่า...
ในย่านออฟฟิศสุขุมวิท 24
ไม่มีพนักงานออฟฟิศไม่รู้จัก ร้านข้าวแกงย่าบุญผ่อง
ว่ากันว่า รสชาติอาหารไทยรสจัดจ้านถึงรส วัตถุดิบสดสะอาด ถูกปากทุกคน แถมราคาย่อมเยาว์ที่ใครได้ชิมเป็นต้องติดใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูงในย่านนั้น พนักงานออฟฟิศ คนทั่วไป แม้กระทั่งวินมอเตอร์ไซค์แถวนั้นก็ตามที
ราคาข้าวราดแกงอย่างเดียว 35 บาท สองอย่าง 40 น้ำฟรี เติมข้าวได้ไม่อั้น
คนท้อง คนจร ทานฟรี
..แล้วคุณจะไปหาอาหารราคานี้จากที่ไหนในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรแห่งนี้
ความจริงร้านข้าวแกงย่าบุญผ่อง เปิดมานานแล้วและมีอยู่ทั้งหมดสามสาขา เจ้าของผู้ก่อตั้งจริงๆคือ ย่าบุญผ่อง ซึ่งตอนนี้วัยเกือบแปดสิบปี แต่ยังคงแข็งแรงบริหารสามสาขาอย่างขมักเขม้น กระนั้นตอนนี้ก็ยังมี สายหยุดผู้เป็นลูกสาวมาดูแลอีกสาขาแถวถนนบรรทัดทอง
ส่วนสาขาที่สุขุมวิท 24 นี้ ปัจจุบันให้หลานสาวคนสวยชื่อ เมษา ซึ่งเป็นลูกสาวคนสวยของสายหยุดมาดูแล และ เมษา เองก็ทำได้ดีไม่แพ้ผู้เป็นย่า
เห็นว่า ข้าวแกงแต่ละอย่างนั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ไม่เกินบ่ายสองก็หมดแล้ว หากจะมากินต้องมาตั้งแต่สิบโมงหรือใครต้องการสั่งทำเป็นกรณีพิเศษต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน
แสดงให้เห็นว่า ข้าวแกงย่าบุญผ่อง นั้น อร่อยจริงๆ
ทว่าเรื่องต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่อยากจะรู้ สำหรับ อคิณ ราชวัตร หรอกนะ
ที่เขามาที่นี่ ไม่ได้ตั้งใจจะมากินข้าวราดแกง
แค่มีบางอย่างที่ทำให้เขาเหยียบมาร้านนี้ที่อยู่ข้างกับสำนักงาน PK Food บริษัทของครอบครัว ที่เขาเพิ่งจะมารับตำแหน่งเป็นประธานหลังจากเพิ่งเรียนจบจากนอกมา
อย่าเรียกว่าเรียนดีกว่า ...เรียกว่าไปสัมมะเลเทเมา
พอถึงเวลาก็ไปสอบ รับใบปริญญาแล้วก็กลับ
หลายปีที่ไม่ได้มาเหยียบที่นี่ ทว่าเมื่อได้มาคลุกคลีกับธุรกิจของ PK ที่เป็นอาหารแปรรูปส่งออก เขากลับชอบและทุ่มเทกับมัน
ปกติเขาจะทานอาหารมื้อเที่ยงชั้นหก ที่มีแม่บ้านเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว ตอนเย็นอาจกลับไปที่บ้านหรือร้านอาหารกับคู่ค้า หรือเพื่อนๆ บางครั้งก็คู่ขาตามแต่โอกาส
ไม่มีสักครั้งหรอกนะที่เขาจะลงมากินร้านข้าวแกงแบบนี้
หากบังเอิญเขาไม่ได้ยินที่แม่บ้านคุยกัน...
“เหมือนมากอะ เหมือนยังกับแกะตอนฉันเห็นตอนแรก ฉันยังตกใจเลยนะ ไอ้หนูแก้มยุ้ยร้านข้าวแกงอะ”
“นั่นซิ! ตอนคุณคิณมารับตำแหน่งฉันยังตกใจเลย”
“ไอ้หนูแก้มยุ้ยเหมือนคุณคิณมาก”
“คุณคิณเหมือนเจ้าหนู”
“รึว่า...”
“ไม่ใช่หรอกน่า คงบังเอิญแหละ”
“อะไรมันบังเอิญขนาดนั้นอะป้า ทั้งตา ปากแก้ม จมูกโด่ง กระทั่งเส้นผมยังหยักๆคล้ายกันเลย นี่ถ้าบอกว่า...”
“เขาลือกันทั่ว ว่าเหมือนคุณคิณยังกับแกะ...”
ปึก!!
อคิณ เดินลงจากตึกมาตอนสิบโมงสิบสองนาที มั่นใจว่าเวลานี้คนน่าจะไม่เยอะ และไม่ใช่เวลาพักเที่ยงของพนักงานออฟฟิศ เขาจะได้ไม่ต้องเบียดเสียดกับใคร ทั้งไม่ต้องกระอักกระอ่วนใจ หากเห็นพนักงานตัวเองมาที่นี่
เขานั่งโต๊ะเล็กที่อยู่ด้านในสุดตรงตำแหน่งพัดลมพอดี
“คุณคะ! ต้องมาสั่งอาหารที่นี่ก่อน จ่ายตังค์ค่อยยกไปเองที่โต๊ะนะคะ น้ำดื่มฟรีบริการตัวเองค่ะ”
เด็กในร้านอายุประมาณยี่สิบกว่าตะโกนบอกเขาเสียงดังลั่น เมื่อเห็นร่างหนาเดินเข้าไปนั่งด้านใน โดยไม่สั่งอาหารที่ใส่ถาดกับหม้อวางไว้ด้านหน้า
อคิณ ทำหน้าเหรอหราเล็กน้อย
อะไรกันวะ! ไม่มีคนเสิร์ฟให้เหรอ
กระนั้นชายหนุ่มก็เดินไปด้านหน้า ทว่าสายตาก็สาดส่องไปทั่วร้าน ด้วยอยากเห็นเด็กชายสองขวบที่ว่านั่น แต่เขาเห็นเพียงผู้หญิงน่าจะเป็นคนงานสองคนตักข้าวแกงอยู่หน้าร้าน และป้าอายุประมาณห้าสิบจัดจานและแก้วน้ำอยู่ด้านหลัง
ทั้งร้านมีคนอยู่สามคน
ไหนบอกขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
“เอาอะไรคะคุณ”
เสียงเอ่ยถามนั้นทำให้เขาสะดุ้ง ก่อนจะหันมามองอาหารหลากหลายเมนูที่วางอยู่ในถาดและหม้อโดยมีแผงกระจกกั้น
พลันน้ำลายเขาก็สอขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
หืม...กลิ่นหอม แถมน่ากินทุกอย่างจริงๆ
สงสัยแม่ครัวที่นี่ทำอาหารเก่งสมคำร่ำลือจริงๆ แต่กระนั้นเขาก็สั่งแค่อย่างเดียว
“พะแนงเนื้อ”
“อย่างเดียวเหรอคะ?”
“ใช่”
“เอาเป็นกับหรือราดข้าวคะ?”
อคิณ ทำหน้าเหรอหราอยู่สักพัก ด้วยไม่เข้าใจคำถามเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเขาก็ตอบตามความเข้าใจของตัวเอง
“ราดมาเลยอย่างเดียว”
“สามสิบห้าบาทค่ะ”
สามสิบห้าบาท!! ทำไมมันถูกจัง เนื้อชิ้นเบ้อเริ่ม ไหนจะมะเขืออีก พอราดบนข้าวสวยร้อนๆกลิ่นหอมฉุยนั้น ชวนน้ำลายสอ จนเขาต้องกลืนน้ำลายลงคอ
แบงค์พันถูกวางให้ ก่อนที่ ติ๋ว เด็กในร้านจะทำหน้าหงิก และมองหน้าหล่อเหลาแล้วตาเบิกโพลงด้วยความตระหนก
นะ..นี่ มัน คุณหนูมังกร ชัดๆ
สงสัยจะตักข้าวแกงจนตาลาย คุณหนูมังกรวัยสองขวบ ถึงกลายร่างเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้
กระนั้น ติ๋ว ก็เอ่ยบอกเสียงเข้ม
“พี่คะ สามสิบห้าบาท พี่จ่ายแบงค์พันหนูจะเอาที่ไหนมาทอน เพิ่งจะเปิดร้าน คุณเมย์ก็ง่วนอยู่ด้านใน ถ้าไม่มีเศษก็สแกนจ่ายได้ค่ะ”
ติ๋ว ชี้ไปยังคิวอาร์โค้ดที่อยู่ข้างๆ
อคิณ จึงหยิบมือถือตัวเองออกมาสแกนจ่าย แล้วยกจานข้าวไปนั่งด้านใน เมียงมองไปทั่วร้าน ก็ไม่เห็นเด็กสองขวบที่ว่าอยู่ในร้านสงสัยเขาจะมาเสียเที่ยวละ
แต่พะแนงเนื้อนี่หอมจริงๆ
ว่าละก็ตักกินสักคำ ไหนๆก็จ่ายเงินละ
อร่อย! อร่อยโครตๆๆ
ขนาดแม่บ้านที่ราชวัตรเอง ยังทำไม่ถึงเครื่องขนาดนี้ นี่พะแนงอะไรวะเนี่ย ทั้งนุ่มทั้งหอม
แต่กินไปกินมา เผ็ดเหมือนกันแฮะ!
เขาหันไปมาเพื่อจะตะโกนสั่งน้ำ ทว่ามองไปเห็นป้ายด้านหลังเสียก่อน
น้ำดื่มฟรี! บริการตัวเอง
ชิ!!
“มะ..ไม่ได้นะงับ แก้วสีชมพูไม่ได้ อันนี้ของมังกอน”
เสียงเด็กผู้ชายวัยสองขวบดังขึ้นและเกาะขากางเกงเขาแน่น นั่นทำให้ อคิณ ก้มลงไปมอง ก่อนจะตระหนกกับภาพที่เห็นตรงหน้า เด็กแก้มยุ้ยผิวขาวละเอียดกำลังจ้องเขาตาแป๋ว
ชายหนุ่มอึ้งไปพักใหญ่
“แก้วของมังกอน”
ข่าวลืออะไร นี่มันเรื่องจริงเลย เด็กบ้าอะไรเหมือนเขายังกับส่องกระจกดูตัวเอง ทั้งหน้าผาก จมูก คิ้ว ตาและปากหยักอิ่มจิ้มลิ้ม และเส้นผมหยักศกสลวยนั้นอีก
นี่มันตัวเขาย่อส่วนชัดๆๆ
ทว่าก่อนที่เขาจะเอ่ยอะไรต่อ เสียงหวานหนึ่งก็ดังขึ้น
“มังกร! แม่เคยบอกแล้วใช่มั้ยครับ ว่าอย่าไปกวนลูกค้า”
อคิณ หันไปมองต้นเสียงช้าๆ และก็ต้องตระหนกเป็นสองเท่า เมื่อสบตากับดวงตาสีน้ำตาลบนใบหน้าหวานหยดปานน้ำผึ้งนั้นที่มองเขาอย่างตระหนก
ริมฝีปากเธอสั่นระริก เมื่อเอ่ยเรียกชื่อเขา
“คุณคิณ!!”
***********