กลางดึกในครัวของเรือนฮูหยินใหญ่ เสียงรื้อข้าวของจากเด็กน้อยวัยห้าหนาวสองคนเพื่อค้นหาวัตถุดิบทำกระเพาะปลาตบตาคนของท่านย่า แต่เมื่อตรวจดูแล้วกระเพาะปลาไม่มี แต่ว่ามีหนังหมูตากแผ่นเหมือนแคปหมูแผ่นใหญ่ที่ลักษณ์คล้ายกันพลันในใจก็กระหยิ่มยิ้มย่อง
‘ข้าไม่ต้องเป็นขโมยแล้ว’ เดิมหากว่าไม่มีของนางกับปี้ถังจะไปขโมยมาจากครัวใหญ่ในจวน แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีของใช้ทดแทนกันได้
"เห็ดหอม หน่อไม้เส้นดอง เนื้อไก่แป้งมัน" นางเรียงของที่จำเป็นต้องใช้ออกมา ส่วนเครื่องปรุงนับว่าครัวเล็ก ๆ แห่งนี้มีพร้อมสรรพ
“เจ้าไปจุดไฟ ข้าจะเตรียมเนื้อไก่ต้มน้ำซุป” ฟู่อินเหยาเมื่อต้องตบตาย่อมต้องมีอาหารที่คล้ายกัน
ไม่นานไฟในครัวก็ถูกจุด แล้วน้ำซุปไก่ก็ถูกต้มจากนั้นนางก็มาต้มหนังหมูแผ่นที่ทอดกรอบขึ้นฟูให้นิ่มเหมือนกระเพาะปลา จากนั้นก็พักไว้ รอจนน้ำเดือดนางก็ใส่เครื่องปรุงต่าง ๆ เอาไว้จากนั้นเมื่อได้รสชาตินางจึงยกไว้ก่อนพรุ่งนี้ตอนอุ่นจะใส่แป้งมันลงไป หากใส่ตั้งแต่คืนนี้จะจับเป็นก้อนดูไม่น่ากินและอาจจะถูกจับได้
นางกับปี้ถังกลับเข้าห้องไปนอน จากนั้นก็รอเพียงรุ่งเช้ามาถึง ปี้ถังตื่นก่อนแล้วก็ปลุกคุณหนูใหญ่ให้ตื่นขึ้น นางล้างหน้าป้วนปากด้วยน้ำเกลือแล้วใช้รากไม้อะไรสักอย่างที่ปี้ถังส่งให้สีฟัน จากนั้นก็ไปจัดการกระเพาะปลาปลอมของตัวเองให้เสร็จ
หน้าตามันคล้ายเป็นอย่างมาก อาจจะรสชาติดีกว่าในเรือนนี้ด้วยซ้ำไป นางทำไว้หม้อใหญ่แล้วเก็บใส่หม้อรอคอยเพียงท่านย่ามาถึงจวนเท่านั้น
และแล้วยามซื่อสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง เมื่อท่านย่าและท่านป้าเขื่อเจี้ยเดินเข้ามา พร้อมกับให้สาวใช้ยกโถอะไรสักอย่างมาด้วย หากเดาไม่ผิดคงเป็นกระเพาะปลาเจือยาพิษสินะ
‘ดี...ดียิ่งนัก’
“คารวะท่านย่า” ฟู่อินเหยาอยู่ในชุดเรียบร้อยก็จริงแต่ที่ศีรษะยังคงมีผ้าพันบอกให้รู้ว่ายังเป็นแผลอยู่ และก็ได้รับสายตาดูไม่ค่อยจริงใจ มาจากท่านย่าใจร้ายแต่ไม่ทำให้นางเสียอกเสียใจอันใด ทั้งยังดีใจที่ท่านย่าแสดงออกอย่างชัดเจนเช่นนี้
เมื่อมองเลยไปด้านหลังเขื่อเจี้ยที่ถือโถใส่อาหารส่งยิ้มแสยะให้นาง นางก็เพียงแต่มองไปที่โถใบนั้นอย่างสนใจ
“ไป๋เฟิ่นโยว่เป็นอย่างไรบ้าง” จิววั่งซูไม่ใช่มาเพื่อเป็นห่วงลูกสะใภ้ นางถามตามมารยาท เพื่อจะได้ทำเรื่องที่คิดมาให้สำเร็จก็เท่านั้น
แผนการของนางต้องรัดกุม นางจึงมาดูด้วยตนเอง
“ท่านแม่ยังไม่ตื่นเจ้าค่ะ” ฟู่อินเหยาขัดขวางขั้นที่หนึ่งด้วยการบอกว่าท่านแม่ยังไม่ตื้น เพื่อเป็นการตักเตือน “เหตุใดไม่ปลุกมากินข้าวกินยา เจ้าเป็นลูกประสาอะไร”
‘เอ้า...ข้าไม่ปลุกก็ผิดด้วย เป็นย่าประสาอะไร’
แต่เพียงแค่คิดในใจเท่านั้น เพราะหากต่อปากต่อคำมากกว่านี้เรื่องที่ท่านย่าคิดวางยาท่านแม่คงไม่ล้มเลิกง่าย ๆ มิสู้ให้ท่านย่าคิดว่าท่านแม่กินยาพิษนั้นไปเสีย จะได้เลิกตอแย ระหว่างนี้นางก็จะได้รอเพียงท่านพ่อกลับมาเท่านั้น
“ข้าไม่อยากรบกวนท่านแม่เจ้าค่ะ” ฟู่อินเหยากล่าวที่ตรงข้ามกับใจ แม้ในใจอยากจะพูดอีกอย่างก็ตาม
“ข้าให้คนทำกระเพาะปลามาบำรุงร่างกายของแม่เจ้า เจ้าปลุกนางเถิดกำลังร้อน ๆ อยู่เชียว” จิววั่งซูนั่งลงตรงโต๊ะรับแขก แล้วก็รอดูให้แน่ชัดว่านางได้กินกระเพาะปลาเข้าไปแล้วจริง ๆ
“ท่านป้าเขื่อเจี้ยส่งกระเพาะปลาให้กับปี้ถังเถิด ให้นางไปจัดใส่ถ้วยข้าจะได้ป้อนท่านแม่ได้สะดวกยิ่งขึ้น”
ฟู่อินเหยามองเห็นทางที่จะสลับกระเพาะปลาแล้ว เพราะว่าเขื่อเจี้ยไม่ได้จัดถ้วยมาให้ดังนั้นนางต้องรีบจัดการ
“มารับไปสิ” เขื่อเจี้ยอมยิ้ม งานนี้นางใส่ยาไว้เรียบร้อยแล้ว มีฮูหยินผู้เฒ่ามาคุมด้วยตัวเอง เด็ก ๆ พวกนี้ไม่กล้าก่อเรื่องเป็นแน่
ปี้ถังรับไปถืออย่างระวัง จากนั้นเข้าไปในครัวจัดการหยิบถ้วยจัดกระเพาะปลาที่คุณหนูใหญ่ทำไว้ พบว่าหน้าตาคล้ายคลึงกันอยู่เล็กน้อย หากไม่สังเกตก็คงไม่รู้
นางตักมาสองถ้วย เพื่อให้นายหญิงคุณหนูใหญ่ได้ทานด้วยกัน เมื่อนางเอากระเพาะปลาไปส่งแล้ว จึงนำกระเพาะปลาของนายหญิงผู้เฒ่าตรงไปยังเรือนครัว เมื่อเห็นแล้วว่ากระเพาะปลายังมีอยู่ในกระทะคงเป็นเหล่าแม่ครัวเก็บไว้กินกระมัง นางจึงเทกระเพาะปลารวมไปในนั้น ประจวบเหมาะกับมีสาวใช้เดินมาพอดี
“ท่านป้าเขื่อเจี้ยให้เจ้าเก็บกระเพาะปลาที่เหลือไว้ให้นาง เจ้าจัดการแล้วหรือไม่” สาวใช้ที่แอบกินกระเพาะปลารีบซุบซิบถาม
“ตายจริงข้ายังไม่ได้เก็บเลย แบ่งจากของนายหญิงผู้เฒ่าออกมาอุ่นดีหรือไม่ แล้วค่อยตักแบ่งเป็นสองที่”
ปี้ถังได้ฟังดังนั้นก็ขำขันในใจ ดีเช่นกันให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
ปี้ถังที่ตัวเล็ก แอบมุมช่องข้างห้องเก็บฟืนออกมา จากนั้นก็รีบกลับไปยังเรือนฮูหยินใหญ่เพื่อไม่ให้ใครจับได้ แต่ระหว่างทางนางพบเข้ากับอนุฮัน ที่เดินมากับคุณหนูรอง จึงหลบใกล้พุ่มไม้ ไม่อยากให้คนเหล่านั้นเห็นนาง
ฟู่หลิงหยวนที่เห็นปี้ถังวิ่งไหว ๆ ก็รีบพาท่านแม่เดินไปอีกฝั่ง หวังเพียงว่าเรื่องเมื่อคืนจะช่วยพี่ใหญ่ได้กระมัง
ในเรือนฮูหยินใหญ่...ฟู่อินเหยาตักกระเพาะปลาทีละคำเป่าให้อุ่นจากนั้นก็ป้อนท่านแม่ และนี่เป็นกระเพาะปลาสูตรของนาง ที่ใครได้กินย่อมต้องติดใจ ทั้งวัตถุดิบยังหาไม่ยากและราคาถูกอีกด้วย ทั้งมีไก่ฉีกโรยหน้าบำรุงร่างกายให้ท่านแม่แข็งแรงอีกด้วย
นางหันกลับมาเห็นท่านย่ายิ้มดีใจที่ท่านแม่กินกระเพาะปลาเสียได้ แต่หารู้ไม่ว่านี่คือกระเพาะปลาของนางไม่ใช่จากห้องครัวของตระกูล
“ท่านแม่เจ้าคะ รสชาติกระเพาะปลายอดเยี่ยมเช่นนี้ ท่านให้พ่อครัวคนใหม่ทำหรือเจ้าคะ”
จิววั่งซูหันไปมองสาวใช้คนสนิท ทั้งขยิบตาให้นางจากนั้นจึงกล่าวขึ้นราวกับเป็นคนละคนกับที่เคยลงโทษนาง
“แม่ย่อมคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เจ้าได้กิน อีกหน่อยลีหยวนกลับมาจะได้ไม่ว่าข้าเอาได้ ว่าดูแลเจ้าไม่ดี”
ฟู่อินเหยาอยากจะอ้วกเสียจริง ทุกครั้งเคยดูแลดีด้วยรึ กดขี่สารพัด ยิ่งกว่าทาสใช้แรงงานเสียอีก หากไม่คิดว่าท่านแม่เป็นฮูหยิน นางคิดว่าเป็นสาวใช้ที่ซื้อมาด้วยซ้ำ
“ท่านแม่ก็กินด้วยกันสิเจ้าคะ” ไป๋เฟิ่นโยว่เชิญชวนอย่างมีน้ำใจ นั่นสร้างรอยยิ้มเต็มใบหน้าให้กับฟู่อินเหยาจนนึกบางอย่างออก
“จริงเจ้าค่ะ อีกถ้วยนี้ท่านก็ทานเถอะ ท่านย่าต้องบำรุงสุขภาพให้มาก” นางหันมาหยิบถ้วยกระเพาะปลาที่เปลี่ยนแล้วยื่นให้ท่านย่า แต่ทว่าท่านย่าดูมีพิรุธอย่างยิ่ง
“ข้าเก็บไว้ที่เรือนแล้ว นี่สำหรับเจ้า กินให้มาก ๆ”
“กระเพาะปลานี้ของท่านย่านี่เจ้าคะ ท่านย่าก็ทานเถอะ ปี้ถังบอกว่าในครัวยังมีเหลือ ข้าไปตักใหม่ก็ได้”
ข้าบอกไว้เลยว่ากินอันนี้อาจจะปลอดภัย แต่หากกินที่เรือนของท่านอาจจะได้กระเพาะปลาที่ท่านตั้งใจทำให้ท่านแม่ของข้ากินก็เป็นได้ ป่านนี้ปี้ถังยังไม่กลับแต่คิดว่าน่าจะสำเร็จตามแผนที่วางเอาไว้แน่นอน
“แม่เจ้ากินเถอะ” จิววั่งซูพยายามคะยั้นคะยอถ้วยกระเพาะปลานี้ให้กับลูกสะใภ้ที่ไม่โปรดกินเสีย ฤทธิ์ยาจะได้ออกเร็ว ๆ เหลือเวลาอีกไม่นานแล้วด้วย
แต่ใครจะคาดระหว่างที่กำลังผลักกระเพาะปลาเจ้าปัญหานี้ให้กับท่านแม่ของนาง คนที่ไม่คิดว่าจะกลับมาก็มายืนอยู่ด้านหน้าประตูและเสียงที่เปล่งออกมาทำให้ทั้งสามสตรีตะลึงเป็นตาเดียว
“กระเพาะปลามีปัญหารึ!”
เสียงที่คุ้นเคยดีนั้นทำให้จิววั่งซูรีบหันไปมองต้นเสียงจากนั้นนางจึงรีบส่ายหน้าทันที
“มะ...ไม่...ไม่มี...”
“เช่นนั้นข้าก็กินได้ใช่หรือไม่”
ผู้มาใหม่ไม่พูดเปล่าทั้งเดินมาหยิบถ้วยกระเพาะปลานั้นขึ้นเป่า แต่แล้วก็ถูกท่านย่าห้ามปรามเอาไว้
“ไม่...กินไม่ได้ เจ้ากินไม่ได้”
“ทำไม?” คิ้วที่ขมวดแน่นของคนที่จับช้อนยกขึ้นจนถึงปากแล้ว แต่กลับถูกขัดขวางการชิมกระเพาะปลาถ้วยนี้
ฟู่อินเหยาแม้เกิดเรื่องไม่คาดฝัน ไม่คิดว่านางจะได้พบเขาผู้นี้รวดเร็วกว่าที่นิยายเขียนไว้ แต่ความทรงจำของนางคือเขาช่างเป็นคนเย็นชาเสียจนคิดว่าไร้หัวใจด้วยซ้ำ แต่ก็รู้สึกสนุกไม่น้อยกับการแก้ตัวของท่านย่า นางจึงกล่าวเสริมอีกหน่อย
“กระเพาะปลานี้ของท่านไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงกินไม่ได้เล่า แต่มารดาข้ากินได้ผู้เดียว”