บทที่ 3 ขัดขวางแผนการท่านย่า

1696 Words
การเดินจากหลังตระกูลฟู่มาถึงเรือนด้านหน้าที่เป็นเรือนฮูหยินใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งท่านแม่มีแต่รอยแผลจนเต็มตัวไปหมดเช่นนี้นางยิ่งอดสงสารชะตาชีวิตของท่านแม่ไม่ได้ เมื่อฮูหยินใหญ่ของจวนถึงเรือน เหล่าสาวใช้บ่าวชายหญิงก็รีบออกไปกันจนหมดจนนางแปลกใจ แต่ทว่าศีรษะของนางก็คล้ายได้รับการกระทบกระเทือนมากเหลือเกินจนต้องฟุบลงกับเตียงท่านแม่ พร้อมกับเสียงที่สั่งปี้ถัง “ปี้ถังไปตามท่านหมอมาเถิดข้าก็เริ่มไม่ไหวแล้ว” นางใช้แรงที่เหลือไปมากเกินไป ยามนี้ดวงตาเริ่มพร่ามัว จึงทรุดนอนด้านข้างท่านแม่ โดยที่นางได้ยินเสียงสะอื้นของท่านแม่ดังอยู่ชิดใบหู “ฮึก...ลูกแม่ แม่ขอโทษเจ้าที่ปกป้องเจ้าไม่ได้” ไป๋เฟิ่นโยว่หลั่งน้ำตา ทั้งที่นอนคว่ำอยู่เนื่องจากที่หลังนั้นยามนี้แตะต้องไม่ได้ และคาดว่าท่านแม่สามีคงจะหาทางกลั่นแกล้งนางต่อ เพราะเหล่าสาวใช้ไม่เหลือในจวนเลยสักคนเดียว “ท่านแม่อย่าร้องไปเลย ที่จริงไม่ใช่ความผิดของท่าน เพียงแค่ท่านย่าอยากให้ท่านอาละวาดเพื่อหาทางลงโทษท่านเท่านั้น ที่จริงเรื่องนี้ต้องโทษอนุฮัน” เสียงเรียบเรื่อยกล่าวอย่างแผ่วเบา นางกำลังเวียนหัวจนไม่อาจจะลุกขึ้นมาพูดกับท่านแม่ดี ๆ ได้ “เจ้ารู้หรือ” ไป๋เฟิ่นโยว่คล้ายไม่อยากเชื่อคำพูดของลูกสาว แต่ฟู่อินเหยาก็ต้องหาทางแก้ตัว นางจะบอกว่าตัวเองเป็นคนอื่นมาสิงร่างนี้ไม่ได้ มันเกินกว่าคนยุคนี้จะจินตนาการได้ “ข้าบังเอิญไปได้ยินท่านย่ากับอนุฮันพูดคุยกัน” ฟู่อินเหยาโกหกท่านแม่ เพราะไม่มีเหตุผลใดที่จะดีกว่านี้อีกแล้ว นางไม่ใช่เพียงรู้เรื่องท่านพ่อ ยังรู้แผนการของท่านย่าร้ายกาจ ที่ต้องการสนับสนุนอนุฮันให้ขึ้นเป็นฮูหยินใหญ่ หลังจากท่านแม่สิ้นชีพ และหลังจากนั้นนางก็อยู่ด้วยความเจ็บช้ำ ทั้งริษยาน้องสาวต่างมารดาผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนางเอกในนิยาย จนวางแผนเพื่อจะแย่งคนรักของน้องสาวไปครอง ใครจะคาดว่าสุดท้ายวางแผนมากมาย นอกจากไม่ได้คลอดลูกของเขาแล้วยังตายอย่างอนาถอีกด้วย คนที่เคยเป็นคนสุภาพกลับต่ำช้าทำกับสตรีตัวเล็ก ๆ เพื่อนางในดวงใจ บุรุษพรรค์นั้นนางไม่อยากได้สักนิด “หากแม่ถูกบิดาเจ้าปลดภรรยา เจ้าไม่เสียใจหรือที่พูดกับท่านย่าแบบนั้น” ไป๋เฟิ่นโยว่รับรู้มาตลอดว่านางไม่ได้เป็นที่รักของสามีนัก แต่เนื่องจากสัญญาการหมั้นหมายที่ทำกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยมีผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินอย่างฮ่องเต้เป็นพยาน ถึงเวลาก็ต้องแต่ง เข้าหอได้คืนเดียวเขาก็ออกรบ กลับมาแต่ละครั้งพบหน้านางนับครั้งได้ เมื่ออนุฮันเข้ามาอีกคน เขาก็ยังคงเมินเฉยไม่ได้ต่างกัน จนนางคิดว่าเขาเอาแต่ปกป้องแคว้นจนลืมหาความสุขใส่ตัวใช่หรือไม่ จนเมื่อสามปีก่อนที่อนุฮันคลอดลูก เขาถึงกับลาราชการเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนนาง ทำให้ไป๋เฟิ่นโยว่เจ็บช้ำใจนัก ตอนนางตั้งครรภ์และคลอดบุตรล้วนโดดเดี่ยว มีเพียงสาวใช้และหมอตำแย ส่วนกับอนุเขาให้ความสำคัญ จนตอนหลังบ่าวไพร่ในจวนไปภักดีต่ออนุฮันมากกว่านางที่เป็นฮูหยินใหญ่ ความเจ็บแค้นใจของนางสะสมมาเรื่อย ๆ จนวันนี้ที่ลูกสาวของนางต้องบาดเจ็บ โดยไร้คนเช่นสามีปกป้อง นางก็ไม่รู้ว่าจะมีเขาไว้ทำอันใด “แล้วท่านแม่ดีใจที่จะได้อยู่ในตระกูลฟู่หรือเจ้าคะ” ท่านแม่ไม่ตอบคำถามนาง นั่นก็ชัดเจนแล้วว่าท่านแม่ไม่ได้ปรารถนาจะครองคู่กับท่านพ่อ อีกอย่างเขาก็ไม่เคยให้ความรักความอบอุ่น ทั้งมีท่านย่าเป็นคนเป่าหูหาเรื่องมาใส่ศีรษะท่านแม่อยู่เรื่อย ไม่สู้ออกไปใช้ชีวิตให้มีความสุขหรอกรึ “ไม่...แม่ไม่อยากอยู่ที่นี่ บิดาเจ้าไม่เคยไยดีแม่” ไป๋เฟิ่นโยว่พูดทั้งน้ำตา “ข้าก็ไม่ปรารถนาจะอยู่ที่ตระกูลฟู่เช่นกัน ให้อนุฮันสมใจแล้วเราสองแม่ลูกใช้ชีวิตอย่างสงบดีหรือไม่เจ้าคะ” สติสุดท้ายของฟู่อินเหยาบอกมารดาไปก่อนที่ตัวเองจะสลบไป นางเหมือนหลุดลอยไปในความฝัน โดยในความฝันนั้นมีเด็กคนหนึ่งมายืนอยู่เบื้องหน้าของนาง ‘ฝากท่านแม่ของข้าด้วย’ น้ำเสียงล่องลอยมาในอากาศนั้นทำให้ชิดตะวันมองไปยังเด็กน้อยที่เปล่งเสียงออกมาโดยที่ไม่ได้อ้าปากสักนิดอย่างประหลาดใจ “ฟู่อินเหยานั่นเจ้าหรือ” เด็กน้อยผู้นั้นไม่ตอบ เพียงแต่มีเสียงล่องลอยมาอีกครั้ง “ขัดขวางแผนการท่านย่า อย่าให้ท่านแม่ดื่มยาจากในจวน” เสียงนั้นเปล่งออกมาเสร็จเด็กน้อยเบื้องหน้าก็หายวับไป พร้อมกับกลุ่มหมอกควันที่ฟุ้งเบื้องหน้าจนมองไม่เห็นทาง “ฟู่อินเหยา ฟู่อินเหยา กลับมาก่อน” เสียงเพ้อเรียกชื่อตัวเองทำให้ไป๋เฟิ่นโยว่ยกมือลูบหัวลูกสาว ตอนนี้ท่านหมอได้ทำแผลเสร็จแล้ว โดยมีผ้าพันรอบหัวของฟู่อินเหยาเอาไว้ “อินเหยาลูก หมดเคราะห์แล้วนะ” นางจูบที่ขมับลูกสาวให้หลุดจากอาการฝันร้าย แต่แล้วลูกสาวนางก็ฟื้นขึ้นได้สติทันทีที่นางจูบขมับ ฮึก! ชิดตะวันในร่างฟู่อินเหยาลืมตาขึ้น เมื่อเห็นท่านแม่อยู่ด้านข้างก็โล่งใจ มองไปอีกฟากเห็นท่านหมอกำลังจัดยาให้ท่านแม่ นางจึงกำชับปี้ถัง “ปี้ถังยาของท่านหมอเจ้าเก็บให้ดี ต้มเองกับมืออย่าให้สาวใช้ในจวนมายุ่มย่ามเด็ดขาด” ปี้ถังแม้จะวัยห้าหนาวเท่ากับคุณหนูใหญ่ แต่นางรู้ความทั้งทำงานได้คล่องแคล่ว ท่านแม่สอนเด็กสาวคนนี้ได้ไม่เลว ทั้งนางยังหัวไวอีกด้วย “เจ้าค่ะคุณหนูใหญ่ ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องยาแน่ ท่านวางใจเถอะ” “ปี้ถังไปหยิบถุงตำลึงในหีบให้ท่านหมอ” ไป๋เฟิ่นโยว่สั่งให้ผู้ที่สามารถไว้ใจได้หนึ่งเดียวคือเด็กวัยห้าหนาวทำสิ่งต่าง ๆ แทนนาง น่าอนาถนัก นางเป็นถึงฮูหยินใหญ่สาวใช้เดิมก็ไม่สามารถนำมาที่จวนได้ จนเมื่อนางรับเลี้ยงเด็กสาวคนหนึ่งที่เคยเป็นลูกอดีตสาวใช้ แต่ไม่นึกว่าปี้ถังจะกตัญญูต่อนางมากมายเพียงนี้ ปี้ถังส่งถุงตำลึงให้ท่านหมอ จากนั้นก็ไปตั้งเตาเตรียมต้มยาให้นายหญิงทั้งสอง เมื่อมีเรื่องทีไรเรือนนี้ก็ไร้บ่าวไพร่เมื่อนั้น เป็นอย่างนี้บ่อยครั้งจนปี้ถังเริ่มชินชาเสียแล้ว ในครัวเล็ก ๆ ในเรือนนายหญิงมีเครื่องครัวครบครัน เพราะนายหญิงไม่ชอบอาหารในจวนตระกูลฟู่ ที่มีอาหารที่ไม่ดีนักส่งมา แต่หากไปร่วมรับประทานพร้อมหน้า จะมีแต่อาหารดี ๆ เหมือนต้องการทำแค่เอาหน้าเท่านั้น ลับหลังนายหญิงถูกกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานาจนรู้สึกน่าสงสาร แต่ปี้ถังก็ทำอาหารได้เก่งแล้วเพราะนายหญิงทำอาหารได้นับว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง นางจึงตั้งใจเรียนรู้จากนายหญิงให้มากที่สุด เมื่อกลิ่นยาขม ๆ ลอยกรุ่นแล้วนางก็รอให้เดือด จากนั้นก็ไปตั้งกระทะต้มโจ๊กให้กับนายหญิงและคุณหนูใหญ่ของนาง นางใส่เนื้อตากแห้งและต้นหอมลงไปในโจ๊กด้วย เพื่อเพิ่มรสชาติก่อนจะเติมเกลือในขั้นตอนสุดท้าย ทำให้เนื้อโจ๊กเนียนนุ่มและเต็มไปด้วยรสชาติที่หวานจากข้าวใหม่ แต่เค็มมันจากเนื้อและเกลือ เด็กน้อยตักโจ๊กใส่ถ้วยสองถ้วยตั้งใจจะไปป้อนให้นายหญิงกับคุณหนูใหญ่เสียก่อน เพราะยายังต้องรออีกพอสมควรกว่าจะได้ที่ แต่คาดไม่ถึงว่าเมื่อมาถึงในห้องพัก กลับเห็นสาวใช้ของนายหญิงผู้เฒ่าฟู่เดินมาอยู่ในห้องนอนของนายหญิงเสียแล้ว “พวกท่านมาทำอันใดกัน” เสียงของปี้ถังปลุกให้ฟู่อินเหยากับไป๋เฟิ่นโยว่ที่หลับตาพักผ่อน ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นว่ามีคนอื่นเข้ามาฟู่อินเหยาก็รีบลุกขึ้นทันที “หึ...คิดว่าข้าอยากมารึ หากไม่ใช่นายหญิงผู้เฒ่าสั่ง” วาจาถือดีของสตรีผู้นี้ฟู่อินเหยาจำได้ว่านางอยู่ข้างท่านย่าตอนที่ไปช่วยท่านแม่ และความทรงจำของร่างฟู่อินเหยาก็หลั่งไหลออกมา ‘ท่านป้าเขื่อเจี้ยนั่นเอง’ เขื่อเจี้ยเดินถือถ้วยสีดำจนน่ากลัวเข้ามา ฟู่อินเหยาเห็นดังนั้นจึงขยิบตาให้กับปี้ถัง นางจึงเหยียบชายกระโปรงไว้จากนั้นเขื่อเจี้ยสาวใช้ร้ายกาจของท่านย่าก็หงายท้องตึง ว้าย!!! ตึง! เสียงสตรีวัยกลางคนที่ร่างกายอวบเล็กน้อยล้มตึง จากนั้นยาที่นำมาก็รดใบหน้า ฟู่อินเหยาเห็นเขื่อเจี้ยสะบัดไปมาทั้งเอาเสื้อเช็ดไม่ให้เข้าปากของนาง ‘ยาพิษสินะ’ เด็กน้อยวัยห้าหนาวพยายามนึกถึงตอนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็พอมีภาพจำเลือนรางในหัว ว่ายาที่ท่านย่าให้กินนั้นเป็นยาที่ทำให้ท่านแม่คลอดบุตรไม่ได้อีกตลอดชีวิต หรือเรียกง่าย ๆ คือยาที่ทำให้เป็นหมัน เมื่อนั้นท่านยาจะให้ท่านหมอมาตรวจแล้วก็ใช้เรื่องนี้เป่าหูบิดาของนาง ‘เหอะฝันไปเถอะว่าจะสมใจ’ นางไม่มีวันให้ท่านแม่ถูกทำร้ายเด็ดขาด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD