ตอนที่ 1
ณ หมู่บ้านสลัมกลางน้ำ
บรรยากาศของหมู่บ้านเต็มไปด้วยความแออัด มันคับแคบ ไปด้วยบ้านเรือนจนกลายเป็นชุมชนแออัดชุมชนหนึ่ง บ้านเรือนส่วนใหญ่สร้างจากวัสดุที่หาได้ง่าย เช่น ไม้ไผ่ เศษไม้อัด สังกะสี หรือกระดาษลูกฟูก อาจไม่แข็งแรงและทนทานต่อสภาพอากาศแม้แต่น้อย ทำให้ผุพังได้ง่าย ผู้คนในหมู่บ้านก็ต่างใช้ชีวิตกันแบบอัตคัด ขัดสน บ้างก็ยากจนจนต้องขโมย ปล้นทรัพย์กัน บ้างก็หวังให้การพนัน ส่วนผู้หญิงก็ขายตัวบ้างหรือไม่ก็ไปเป็นเด็กเสี่ยเผื่อจะโชคดีทำให้ตัวเองสุขสบายขึ้น ความคิดแบบนี้เกิดขึ้นกับทุกคนในที่นี้จนแทบจะกลายเป็นปกติก็ว่าได้ คงจะมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่หวังรวยทางลัด และหนึ่งในนั้นคือ…
น้ำหรือน้ำหนึ่ง สาวน้อยตากลมลูกกำพร้าที่พ่อกับแม่เสียตั้งแต่เด็กเพราะเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานกรรมกรที่ตึกถล่มเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เพราะอย่างนั้นเธอเลยเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของลุงกับป้า จะเรียกว่าเลี้ยงดูเลยก็ไม่ได้เพราะคนแถวนี้รู้ดีว่าลุงกับป้าของเธอแทบจะไม่สนใจไยดีหลานสาวคนนี้ แถมยังเป็นเด็กสาวคนนี้ซะอีกที่หาเงินเลี้ยงดูครอบครัวตั้งแต่เด็ก
“อีน้ำ !! อีน้ำมึงอยู่ไหน ทำไมในฝาชีไม่มีข้าว”
เสียงผู้เป็นลุงอย่างศักดิ์ตะโกนดังมาจากด้านในตัวบ้านด้วยความโกรธกริ้ว ทำให้น้ำที่กำลังนั่งล้างถ้วยอยู่ที่น้ำคลองหลังบ้านรีบละมือที่ทำอยู่แล้วเดินเข้าไปด้านใน
“ลุง คือหนึ่งเพิ่งกลับมาจากทำงานเลยยังไม่ได้ทำอะไรไว้ให้กิน รอก่อนได้หรือเปล่า” น้ำตอบด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว ปกติแล้วเธอจะมักแทนตัวเองว่าหนึ่งกับคนที่สนิทกับตัวเอง
“กูหิวจะให้รอทำเหี้ยอะไร ว่าแต่มึงบอกว่าไปทำงานใช่ไหม ไหนล่ะเงินเอามาเดี๋ยวกูไปหาซื้อกินเองก็ได้” ศักดิ์แบมือขอเงินหลานสาวกึ่งบังคับ ความจริงเขาไม่ได้จะเอาไปซื้อหรอกแต่จะเอาไปต่อยอดบ่อนพนันที่มาเปิดใหม่ต่างหาก
“หนึ่งยังไม่มีหรอกลุง ตอนนี้เจ๊เจ้าของร้านเขาเปลี่ยนมาจ่ายเงินเป็นรายเดือนน่ะลุงเลยไม่ได้รายวันเหมือนแต่ก่อน”
เพียะ !!
เพียงแค่พูดจบฝ่ามือใหญ่ของผู้เป็นลุงก็ฟาดลงบนแก้มขาวเนียนอย่างแรงจนคนที่ถูกตบถึงกับเซล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่มีเสียงร้องเจ็บปวดเปล่งออกมา เพราะเธอรู้ว่าถ้าเธอร้องหรืออ้อนวอนคงจะโดนหนักมากกว่านี้เพราะเรื่องแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก เธอได้แต่กัดฟันอดทน
“วะ ! อีหลานโง่นี่ กูบอกให้มึงไปส่งยาหรือเป็นกะหรี่ขายตัวป่านนี้รวยไปแล้ว” ศักดิ์พูดออกมาด้วยความหงุดหงิดที่หลานสาวตัวเองไม่ทำตามที่บอก ถ้าทำไม่แน่ตอนนี้พวกเขาก็อยู่บนกองเงินกองทองเป็นแน่
“ไม่เอาแล้วลุง ตอนนี้น้ำไม่อยากทำแบบนั้นอีกแล้ว” น้ำเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับมันอีกแล้ว ไม่อยาก
“วะอีเหี้ยนี่ ไร้ประโยชน์เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ”
ผัวะ !!
เท้าของลุงเตะเข้าไปที่กลางลำตัวของหญิงสาวที่นั่งอยู่กับพื้นอีกครั้ง จนคนที่ถูกเตะถึงกับงอตัวด้วยความเจ็บปวด และดูเหมือนการทารุณจะจบลงเพียงเท่านี้เมื่อลุงของเธอเลือกที่จะเดินออกจากบ้านไป
หยาดน้ำตาใสค่อย ๆ ไหลลงอาบแก้มอีกครั้ง เธอเกลียดชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้มากแต่คำสั่งเสียของพ่อก่อนตายมันฝังอยู่ในความทรงจำของเธอตลอด เพราะครั้งหนึ่งพ่อกับแม่เคยหนีตาย ก็ได้ลุงกับป้าช่วยจนให้กำเนิดเธอที่เป็นลูกสาวขึ้นมา แต่เพราะอุบัติเหตุจากเหตุการณ์ก่อสร้างตึกใหญ่เมื่อ 20 ปีก่อนทำให้ท่านจากเธอไปตั้งแต่ยังเล็ก แม่ของเธอเสียชีวิตคาที่ส่วนพ่อแม้จะถูกช่วยออกมาจากซากตึกได้ทัน แต่ท่านก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหวไปเสียที่โรงพยาบาล ส่วนเธอในวัยเด็กจำได้เพียงพ่อบอกว่าให้เป็นคนกตัญญูรู้คุณถึงภายภาคหน้าจะลำบากแค่ไหนก็ห้ามทิ้งลุงกับป้าเด็ดขาด
ใช่ เพราะคำสั่งเสียนี้แหละเธอถึงได้ยอมทำทุกอย่างที่ลุงกับป้าบอก ตั้งแต่ทำงานเล็กน้อยถึงงานผิดกฎหมายอย่างเด็กส่งยา ตอนนั้นเธอรู้ว่ามันไม่ดีและอยากเลิกทำ แต่ตัวเองก็ติดยาจากพวกผู้ชายวัยรุ่นที่เป็นคนรับยาเอามาให้ลอง จำได้ว่าตอนนั้นตัวเธอติดยาสักพักใหญ่จนร่างกายทรุดโทรม เพื่อนสนิทที่ชื่อคมสันสังเกตอาการเลยให้พ่อกับแม่พาเธอไปรักษาตัว ยอมรับเลยว่าช่วงนั้นช่างเป็นช่วงเวลาที่ทรมานมากราวกับเจอนรกบนดิน พอเธอหายขาดออกมาอยู่บ้านก็เลือกที่จะไม่ยุ่งกับของพวกนี้แม้ว่าหลายครั้งที่ลุงจะพยายามให้เธอทำมันอีก ชีวิตของเธอไม่ได้เหมือนขุมนรกเพียงเท่านี้หรอกนะ แม้กระทั่งเรื่องถูกพาตัวไปปู้ยี่ปู้ยำเพื่อเป็นค่าดอกที่ลุงเสียการพนันก็เคยมาแล้ว ความบริสุทธิ์ของเด็กสาววัยแรกรุ่นถูกย่ำยีอย่างไม่มีชิ้นดี
“หนึ่งกูเห็นลุงมะ... หนึ่งเป็นอะไรวะ” เสียงของเพื่อนสนิทต่างเพศของเธอที่กำลังนึกถึงก็ดังขึ้น เมื่อเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับถ้วยในมือแต่พอเห็นเธอล้มกองอยู่กับพื้นคมสันก็รีบวางถ้วยที่โต๊ะไม้เก่าแล้วรีบเดินมาประคองเธอให้ลุกขึ้น
“ไอ้ลุงเหี้ยนั่นมันทำร้ายหนึ่งอีกแล้วเหรอ”
“สันอย่าไปว่าลุงแบบนั้นมันไม่ดี” น้ำหนึ่งรีบเตือนเพื่อน
“ไม่เป็นไร กูมันคนบาปหนาอยู่แล้ว แต่หนึ่งไม่ต้องกลัว ถ้ากูตายอย่างน้อยก็มีลุงกับป้าแกที่กูรู้จักรออยู่ในนรกด้วย… แล้วนี่ยาแก้ฟกช้ำอยู่ไหน” คมสันเอ่ยบอกอย่างเล่น ๆ เพราะเขารู้ว่าเพื่อนคนนี้ของเขารักลุงและป้าขนาดไหน ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องถามหายาแก้ฟกช้ำ
“ไม่ต้องทาหรอกแค่นี้ไม่เจ็บ”
“เฮ้อ ~ ตามใจแก เออแม่กูทำแกงส้มเลยแบ่งมาให้แกด้วย กินเสร็จก็เอาถ้วยไปคืนที่บ้านให้หน่อยนะ พอดีกูมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ”
“เรื่องสำคัญ ?”
น้ำหนึ่งขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย ดูท่าทางเรื่องนี้จะสำคัญมากสินะคมสันถึงได้แต่งตัวดูดีขนาดนี้
“ตอนนี้กูยังบอกอะไรมากไม่ได้ เดี๋ยวรองานจบกูจะเล่าทุกเรื่องให้ฟังเอง ไปก่อนละ”
คนที่ถูกบอกลาได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัยแต่เธอก็เลือกที่จะไม่ถามแล้วมองตามแผ่นหลังกว้างของเพื่อนที่เดินออกไป หวังว่าเรื่องสำคัญที่คมสันบอกจะไม่ใช่เรื่องอันตราย
หลังจากคมสันออกไปได้ไม่นาน
“อีหนึ่ง !! แกมีงานให้ฉันทำไหม พอดีมีเรื่องต้องใช้เงินด่วน”
จู่ ๆ ลูกพี่ลูกน้องของเธอที่ชื่อจิ ตะโกนถามเธอทันทีที่เห็นหน้าด้วยความลุกลี้ลุกลน
“งาน ? แกเนี่ยนะจะทำงาน” น้ำแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองหลังจากได้ยินลูกพี่ลูกน้องอย่างจิพูดคำว่าทำงาน เพราะตั้งแต่เล็กจนโตนอกจากแบมือรีดไถเงินหรือไม่ก็นั่งแต่งตัวไปวัน ๆ เธอก็ไม่เห็นจะทำอะไรเป็นสักอย่าง
“แปลกตรงไหนที่ฉันจะทำงาน สรุปว่าไงแกมีงานไหม พูดมากอยู่นั่นแหละแค่บอกมีกับไม่มีก็พอแล้ว” จิเอ่ยถามอีกครั้งอย่างหงุดหงิด
“มีน่ะมี แต่งานนี้ฉันยังไม่คอนเฟิร์มรับงานเขาเพราะดูเหมือนว่าคนจ้างจะให้ทำอย่างอื่นนอกเหนือจากงานด้วย”
น้ำหนึ่งนึกถึงงานที่รุ่นพี่ถามเธอเมื่ออาทิตย์ก่อนว่าอยากทำหรือเปล่า บอกว่าเป็นแค่เด็กเสิร์ฟแต่จู่ ๆ ก็บอกเพิ่มว่าต้องรับงานที่ผู้ว่าจ้างให้ทำเพิ่มนอกเหนือจากนี้ เธอรู้สึกไม่ชอบมาพากลเลยยังไม่รับปาก
“งั้นฉันเอางานนี้แหละติดต่อให้ฉันด้วย”
จิพูดด้วยน้ำเสียงเร่งรีบก่อนเดินออกไปทันทีทำเอาน้ำถึงกับต้องหายใจยาวอีกครั้ง ดูท่าทางแล้วคงจะเตือนไม่ฟัง ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่ามันจะมีปัญหาตามมาทีหลังนะ แต่ถึงแบบนั้นเธอจะทำอะไรได้ ขืนไม่ทำตามที่อีกฝ่ายขอเธอคงจะเจ็บตัวเองแน่
พอพยุงตัวลุกขึ้นได้เธอก็เดินไปหยิบโทรศัพท์รุ่นเก่าที่หน้าจอแทบแตกละเอียดติดต่อหารุ่นพี่ที่ชอบหางานมาให้ทำประจำ
“พี่นาง งานที่พี่หาให้หนึ่งขอรับนะ แต่ว่าคนที่จะไปทำเป็นลูกพี่ลูกน้องของหนึ่งแทนนะคะ” ทันทีที่ปลายสายรับ เธอก็รีบพูดขึ้น
(อ้าว ! แต่พี่แจ้งชื่อหนึ่งไปนะ คงเปลี่ยนไม่ทัน) ปลายสายตอบกลับด้วยความมึนงง
“ไม่เป็นไรค่ะ ใช้ชื่อหนึ่งไปเลยก็ได้ ยังไงก็ฝากพี่นางด้วยนะคะ” ปกติแล้วหลายครั้งจิก็มักจะเอาชื่อของเธอไปหางานทำเพราะงั้นเธอเลยไม่ซีเรียส จะว่าเธอโง่ก็ได้นะ
(งั้นก็ได้จ้ะ ยังไงก็ขอบใจหนึ่งนะที่หาคนมารับงานแทนได้ พี่กำลังเครียดเลยเพราะเป็นงานใหญ่มากเขาต้องการพนักงานเยอะ)
“หนึ่งยังไม่ถามเลย งานที่ว่าคืองานอะไรเหรอคะ”
(งานแต่งจ้ะ งานแต่งพวกคนรวย คนมีอำนาจ แค่ค่าจัดงานก็หลายล้านแล้ว พี่กำลังอิจฉาเจ้าสาวเลยได้ผู้ชายที่นอกจะหล่อแล้วยังรวยอีก เมื่อไหร่พี่จะมีแบบนั้นบ้างนะ)
นางพูดอย่างเพ้อฝัน แต่น้ำหนึ่งก็เข้าใจดีเพราะเธอเองก็ฝันถึงวันที่มีเจ้าชายผู้ใจดีมาฉุดเธอออกไปจากนรกแห่งนี้ แต่ก็นั่นแหละมันก็แค่ความเพ้อฝันของผู้หญิงโง่ ๆ เพราะพอตื่นขึ้นมาโลกแห่งความเป็นจริง มันไม่มีหรอกเจ้าชายที่มาช่วยนางซิน เจ้าชายก็คู่แค่กับเจ้าหญิงด้วยกันเองเท่านั้น
“พี่นางคือหนึ่งต้องไปทำพิเศษต่อแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะ”
(ได้จ้ะ เดี๋ยวพี่ติดต่ออีกทีนะถ้าใกล้ถึงวัน)
“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
หลังจากวางสายเสร็จเธอก็เดินไปที่กระจกโต๊ะเครื่องสำอางเก่า ๆ รอยช้ำข้างแก้มมันทำให้เธอถอนหายใจยาว แต่คงจะแก้อะไรไม่ได้นอกจากทาแป้งปิดทับไว้ หวังว่ารอยนี้จะอยู่ไม่นานนะ