“แล้วทำไมถึงยังชอบฉันอีก”
“เพราะ…” เธอตอบไม่ได้ว่ามันเพราะอะไร “เพราะว่า...”
“มันอาจจะเป็นความโชคร้ายของเธอ อาราดา” เขานิ่งไปอีก ดวงตาคมคู่นั้นยากหยั่งถึงความรู้สึกข้างใน ผู้ชายคนนี้เปิดเผยด้านร้ายให้เธอเห็นมาตลอด ซึ่งถ้าเขาทำท่าทางแบบนั้น เธอคงจะสบายใจกว่านี้ “เธอมันดันมาเป็นหลานสาวของคนที่ฉันเกลียด คนที่ทำให้แม่ของฉันต้องเป็นทุกข์ ฉันเองไม่สมควรจะดีกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว และไม่น่าจะต้องมาอยู่ในชายคาเดียวกันด้วยซ้ำ จริงไหม แต่เธอก็โง่เง่าเสียเหลือเกิน ยังอุตส่าห์มาแอบชอบฉันอีก สมองของเธอทำด้วยอะไรหรือ รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“ค่ะ ไอรู้ คุณเล็กไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้น คุณเล็กกลับไปอยู่ในที่ของคุณเล็กเถอะค่ะ ไอเป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ ไอรู้จักโลกนี้ดี โลกแห่งความเป็นจริงที่ไออยู่ มันไม่เคยมีคุณเล็กอยู่ด้วย คุณเล็กจะอยู่แค่ในโลกของความฝันของไอเท่านั้น” ...หยุด...เหมือนทุกสิ่งรอบตัวมันหยุดค้าง... “และวันนี้ ก็จะเป็นวันสุดท้ายที่โลกแห่งความฝันของไอจะมีคุณเล็กอยู่”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก กระดกคิ้วอย่างท้าทาย สีหน้าเยาะหยัน
“หมายความว่าหลังจากวันนี้ไป เธอจะไม่ชอบฉันอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะ และวันนี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เจอกันด้วย”
คำตอบของหญิงสาวสาปให้ตัวเขาแข็งเป็นหิน
“วันสุดท้าย”
“ใช่ค่ะ ก็น่าจะเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดของคุณเล็กด้วย ยังไงก็ตาม ไอคงไม่ได้อยู่ที่นี่จนถึงวันที่ต้องส่งคุณเล็กไปเมืองนอก ไอขออวยพรล่วงหน้าให้คุณเล็กโชคดีนะคะ”
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ลาก่อนนะคะ”
ประตูปิดสนิท แบ่งกั้นสองชนชั้นเอาไว้ให้เหมือนอยู่กันคนละโลก อาราดานั่งลงตรงนั้น หลังพิงประตูไว้ หลายอึดใจที่เธออยู่กับความเงียบ ก่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นดังแทรกอยู่ในความสงัดของราตรีอันมืดมิด ทำให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูแทบจะหยุดหายใจไปเลย เขาเองก็รู้สึกเหมือนกับว่าโลกใบนี้มันกำลังจะพังทลายลงตรงหน้าไม่ต่างกัน
วิศรุตที่คิดจะเดินจากไป เดินจากไปตลอดกาล กลับตัดสินใจในวินาทีนั้น หมุนตัวหันหลัง เดินกลับมายืนหน้าประตูนั่นอีกครั้ง
“ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
เสียงเคาะประตู ทำให้อาราดาหยุดคร่ำครวญ ฝ่ามือรีบกวาดเช็ดน้ำตาออกจากร่องแก้ม เธอตกใจไม่น้อยที่เขายังอยู่ เอี้ยวหลังมองดูประตูแต่ไม่ยอมทำตามคำสั่ง เพราะเธอไม่อยากจะเห็นหน้าของเขาอีกต่อไป เธอไม่อยากได้ยินคำพูดดูถูกถากถางจากปากของคนที่เธอรักอีกแล้ว
“อาราดา”
วิศรุตรู้สึกโกรธมากที่หญิงสาวไม่ยอมเปิดประตู
“อาราดา” เขาเสียงเข้มขึ้น “เธอกล้าดียังไงถึงไม่ยอมเปิดประตูให้ฉัน เปิดเดี๋ยวนี้นะ!”
เขาเอาปากแนบประตู พยายามพูดให้เบาที่สุด ทว่า หญิงสาวก็ยังไม่ยอมเปิดอยู่ดี ชายหนุ่มขบคิดหาทางออก แล้วเขาก็เจอคาถาสะเดาะกลอนจนได้
“โอ๊ยงูกัด!!!”
เท่านั้นแหละ ประตูเปิดผาง คนด้านในกำลังจะก้าวออกมา แต่เขาใช้ความเร็วสอดตัวเข้าไปด้านในโดยดึงมือเธอกลับเข้าไปด้วย หญิงสาวได้แต่นิ่งอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก จนเขาลงกลอนประตูเรียบร้อยแล้วถึงได้สติ
“คุณเล็กเข้ามาทำไม ออกไปนะ” คุณเล็กจอมเจ้าเล่ห์หันหลังกลับมามองเจ้าของห้องที่ยังคงตกใจจนหน้าซีด เขายิ้มเย้ยให้แก่ความโง่เขลาของเธอ
“ไม่ต้องมาไล่หรอก อยากให้เข้ามาละไม่ว่า”
“ใครอยากให้เข้ามา”
“แล้วใครร้องไห้จะเป็นจะตายเมื่อกี้”
หญิงสาวหลบสายตาคาดคั้น ไม่ทันไร น้ำตาก็ไหลออกมาเป็นพยาน ชายหนุ่มถอนหายใจเสียงดังราวกับเหน็ดเหนื่อยเหลือกำลัง ดึงร่างบางเข้ามาหาตัว แล้วจัดการรวบกอดอรชรจนแนบแน่น ทำเอาหญิงสาวในอ้อมกอดตัวแข็งเป็นหุ่น และเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าช็อร์ตอย่างแรง เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต แต่มั่นใจว่าไม่ใช่ความฝันแน่นอน
วิศรุตดึงใบหน้าที่วางอยู่บนต้นคอระหง ออกมาเผชิญหน้ากับเธออย่างจริงจัง เพื่อจะได้มองใบหน้าสวยให้เต็มตา ขณะแขนยังเกี่ยวพันรอบเอวอนงค์เอาไว้ไม่ยอมปล่อย เธอเห็นนะ สายตาของเขาที่เปลี่ยนไป ลมหายใจที่ขาดห้วงเหมือนคนหายใจไม่เป็นและอารมณ์ประหลาดๆ ที่ออกมาทางสีหน้า
“ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดมากแน่ๆ”
นี่มันเรื่องอะไรกัน อาราดามองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ คำถามก็คือ เขายังมีสติดีอยู่รึเปล่า เขายังเมาอยู่ไหม แล้วเขารู้ตัวหรือไม่ว่าคนที่เขากำลังกอดคือคนที่เขาเกลียด
“แต่เธออย่าเข้าใจผิดนะ ฉันนะ ไม่ได้ชอบเธอหรอก และคงไม่มีวันด้วย เพียงแต่…” เพียงแต่อะไรนั้น เขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้
“ฉันอยากให้เธอ อยู่กับฉันไปตลอดชีวิต”
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น หัวใจเต้นรัว
“ก็คุณเล็กบอกให้ไอไปจากที่นี่”
“เพราะฉันไม่อยากจะทำร้ายจิตใจเธอ แต่พอคิดว่าเธอต้องไปจริงๆ ฉันก็…”
“มันอะไรหรือคะ”
คำตอบนั้นไม่ปรากฏแน่ชัด แต่ที่เขาแน่ใจก็คือหัวใจมันเต้นเร็วทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าของผู้หญิงคนนี้ คนที่เขาไม่อยากจะชายตาแล คนที่ไม่คู่ควรกับเขาทุกประการ
“เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
เธอจะเข้าใจได้อย่างไร เพราะสิ่งที่เขาพูดกับสิ่งที่เขากระทำ มันต่างกันลิบลับ แต่เธอก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่ออยู่ๆ ชายหนุ่มก็โน้มหน้าลงมาจูบริมฝีปากของเธอจนแน่น แน่นจนเธอหายใจไม่ออก ก่อนจะบิดเคลื่อนกดคลึงอย่างกระหืดกระหาย อาราดาตกใจแต่ก็ประหลาดใจระคนกัน แม้จะผละใบหน้าออกอย่างแสนเสียดาย แต่เธอก็ยังสับสนและว้าวุ่นใจเหลือเกินที่เขาทำแบบนี้กับเธอ
“ขอโทษนะ” ดวงตาของเขาเหมือนตื่นกลัวไม่น้อย ใบหน้าของเขาแดงก่ำและรุนแรงไปด้วยอารมณ์ดิบตามสัญชาตญาณความเป็นชายที่พลุ่งพล่านขึ้นมาจนระงับไม่อยู่
” คุณเล็ก”
จริงเหรอ ที่เธอเพิ่งจะจูบกับชายหนุ่มในฝันของเธอ หัวใจของเธอระเบิดไปแล้วในตอนนี้
“ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปหรอกอาราดา”
“หมายความว่ายังไงคะ”
เขาไม่พูด แต่กลับโน้มลงจูบที่ริมฝีปากอิ่มสวยสั่นพร่าแสนน่ารักนั่นอีกครั้ง
“หมายความว่าเธอจะต้องอยู่กับฉันไปตลอดชีวิตไงยัยโง่” เขาพูดยิ้มๆ เวลานี้เขาเหมือนคนที่โล่งใจและสบายใจขึ้น เพราะได้พูดในสิ่งที่คิด และได้ทำให้สิ่งที่เคยฝันไว้ “รู้ไหม ฉันอยากทำแบบนี้กับเธอมานานแล้ว ฉันอยากจูบเธอจริงๆ”
ชายหนุ่มรวบกอดเอวบางเอาไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง หญิงสาวมองหน้าเขาตรงๆ ด้วยความไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงมาแสดงความป่าเถื่อนกับเธอในเวลานี้ และสิ่งที่เขาต้องการจากเธอนั้น มันคืออะไรกันแน่ เขากำลังแกล้งเธออยู่หรือเปล่า
“คุณเล็กเลิกล้อเล่นได้แล้วค่ะ” เมื่อเขาพยายามจะโน้มใบหน้าเข้าซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่นของเธออย่างไม่ลดละ ราวกับหนุ่มน้อยที่ต้องการผจญภัยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขากดจูบไปตามหัวไหล่ สลับกับการใช้ลิ้นลากเลียผิวเธอจนเปียกชื้น เธอขนลุกซู่ หัวใจระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ อารมณ์แตกกระเจิงเป็นดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นกลางฟ้า เธอพยายามจะสะกดตัวเองให้รู้จักผิดชอบชั่วดี พยายามบ่ายเบี่ยงเลี่ยงไปเท่าที่จะทำได้
“คุณเล็ก อย่านะคะ” เธอรู้ เธอกลั้นใจพูด ซึ่งถ้าเขาหยุดจริง หัวใจของเธอคงจะเจ็บปวด “อย่าเลย มันไม่ดีหรอก หยุดเถอะนะคะ”
แต่เขาไม่หยุด เขามันดื้อ เธอน่าจะรู้ข้อนี้ ไอ้ประเภทยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ มันคือตัวเขาชัดๆ ฉะนั้น คำว่าหยุด จึงกลับยิ่งกระตุ้นให้เขารุดหน้าอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งถาโถมโรมรันซุกไซ้ซอกคอหอมหวานไประเรื่อยราวกับถูกมนต์สะกดสลักไว้หรือตัวเธอเองนั้นมีแม่เหล็กชั้นดีฝังอยู่ในเรือนกาย ชายหนุ่มจ่มจมอยู่บนผิวนวลหอมสบู่อ่อนๆ ของเธออย่างเอาใจ ใช้ลิ้นชุ่มกวาดชิมรสชาติสุดมหัศจรรย์ที่เขาเฝ้าฝันมาเป็นเวลาเนิ่นนานด้วยความกระหายหิว เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าจินตนาการที่เพริดแพร้วมันสู้ของจริงไม่ได้
“โอ๊ย ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว”
เพราะเขาบ้าก็เลยหยุดตัวเองไม่ได้แม่แต่วินาทีเดียว วิศรุตไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่เก๊กต่อเพื่อความดูดีมีระดับ แน่นอน เขาพยายามระงับจิตใจที่ฟุ้งซ่านเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้มาตลอดชีวิต แต่หลังจากงานเลี้ยงเลิกรา เขากลับขึ้นไปนอนก่ายหน้าผาก ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าหากมีใครมาเอาทาสคนนี้ไปจากชีวิต เขาจะทำอย่างไร ตอนนั้นเองที่เขาเริ่มรู้สึกว่าการเห็นแก่ตัวน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งเขาชำนาญที่จะทำมันอยู่แล้ว