บังเอิญเกินไปหรือเปล่า

1851 Words
พาลินมาทำงานตั้งแต่เช้ากว่าจะได้พักก็เที่ยงพอดี เขารีบโทรศัพท์ไปหากันต์ธีร์เพราะอยากชวนมาทานอาหารกลางวันด้วยกัน บริษัทของแฟนหนุ่มอยู่ใกล้โรงเรียนสอนภาษาเพียงสองป้ายรถเมล์ “พี่กันต์ให้ผมไปกินแถวบริษัทก็ได้” “จะกินอะไร พี่จะได้สั่งไว้รอ” อีกคนถามอย่างเอาใจเพราะเมื่อวานเขาไม่ได้ไปรับและยังปิดโทรศัพท์ทั้งคืน “ข้าวผัดก็ได้ง่ายดีครับ พี่กันต์ส่งพิกัดร้านมาด้วยนะครับ” “ครับเดี๋ยวพี่ส่งให้” พาลินรีบไปรอรถเมล์แต่ช่วงเที่ยงคนแน่นทุกคันเขาเลยนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปแทน พอไปถึงแฟนหนุ่มก็นั่งรออยู่แล้ว แต่ที่โต๊ะตอนนี้ไม่ได้มีแค่กันต์ธีร์คนเดียวเพราะยังมีผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่ด้วย “นั่งสิ พี่สั่งข้าวให้แล้ว จะเอาน้ำอะไรไหม” “มีน้ำแตงปั่นไหมครับ” เขาหันไปถามเด็ดเสิร์ฟที่ยกข้าวผัดมาให้พอดี “มีครับ” “งั้นผมเอาน้ำแตงโมปั่นครับ” พอสั่งของตนเองเสร็จก็หันมาทางคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะพร้อมส่งยิ้มหวานให้อย่างเคยแต่วันนี้พี่กันต์ของเขากลับไม่ยิ้มรับ “พี่อรครับนี่พาลิน เพื่อนรุ่นน้องผมเองครับ พาลินนี่พี่อร เป็นรุ่นพี่ที่ทำงาน” “สวัสดีครับพี่อร” พาลินสะดุดกับคำว่าเพื่อนรุ่นน้องแต่ก็ไม่ลืมที่ยกมือไหว้ทักทายรุ่นพี่ของแฟนหนุ่ม “สวัสดีจ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ทำงานอยู่แถวนี้เหรอ” “ครับ” “รีบกินเถอะเดี๋ยวต้องกลับทำงานอีกไม่ใช่เหรอ” กันต์ธีร์บอกเพราะกลัวว่าทั้งสองคนจะคุยกันมากเกินไป “ครับ” พาลินได้แต่พูดคำว่าครับแล้วก้มหน้าทานข้าวผัดของตัวเองอย่างฝืดคอ อยากจะพูดอยากจะคุยกับกันต์ธีร์แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่สนใจมองมาเลยสักนิด เพราะเอาแต่คุยกับรุ่นพี่จนพาลินรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน พอน้ำเด็กเอาน้ำแตงโมมาวางให้เขาก็รีบดูดจนเกือบหมดแล้วก่อนจะขอตัวกลับ เขาน้อยใจที่คนรักไม่สนใจเขาหวังว่าการขอตัวกลับจะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวและเดินมาส่ง “ผมไปก่อนนะครับพี่กันต์ พี่อร” “แล้วมาทานข้าวด้วยกันอีกนะคะ” “ครับ พี่กันต์ผมไปนะ” “อือ กลับดีๆ ละ” เขาพูดแค่นั้นแล้วก็นั่งคุยกับรุ่นพี่ต่อ พาลินเดินมาจ่ายเงินแล้วหันกลับไปมองอีกครั้งหวังว่าแฟนหนุ่มจะรู้สึกตัวว่าเขากำลังงอนอยู่ แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะตอนนี้ทั้งสองคนนั่งคุยกันอย่างสนุกสนานราวกับว่าที่ร้านมีกันอยู่แค่สองคน พอกลับมาถึงโรงเรียนสอนภาษา พาลินก็โทรไปบอกว่าตัวเองมาถึงแล้ว และถามว่าเย็นนี้เขาจะไปรับที่บ้านของเบจิงไหม “เย็นนี้ที่แผนกมีงานเลี้ยงวันเกิด พี่คงไปไม่ได้ กลับคนเดียวได้ไหม นั่งแท็กซี่ก็ได้” “พี่กันต์จะกลับกี่โมง” “ยังไม่รู้เลย มีอะไรหรือเปล่า” “ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย ผมไปหาพี่ที่ห้องได้ไหม” วันนี้ที่ไปทานข้าวกลางวันก็คิดว่าจะได้คุยกันให้หายคิดถึง แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะพาเพื่อนรุ่นพี่มาด้วย พรรคนี้ดูเหมือนเขาจะสนิทกับเพื่อนรุ่นพี่คนนี้มากเกินไปแล้ว ไม่รู้ว่าคิดมากไปหรือเปล่าแต่เพราะเธอทั้งสวยและเก่งพาลินก็อดระแวงไม่ได้ “อย่ามาเลย พี่ไม่รู้จะกลับมาถึงกี่โมง เอาไว้วันไหนว่างพี่จะรับมานอนด้วยนะ แค่นี้ก่อนนะ พี่มีงานต้องไปทำต่อแล้วค่อยคุยกันนะ” “ครับ” วางสายไปแล้วแต่รู้สึกเศร้ากว่าทุกครั้ง ความรู้สึกมันบอกว่าตอนนี้อีกคนกำลังเปลี่ยนไป เขาไม่ค่อยมีเวลาให้ พอเจอกันก็แค่ทักทายตามปกติ ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงเข้ามากอดแบบไม่อายสายตาใคร แต่วันนี้สถานะที่แฟนหนุ่มแนะนำให้เพื่อนร่วมงานรู้จักก็คือเพื่อนรุ่นน้อง ถ้าคิดกับเขาแค่นี้จะมาทำดีด้วยทำไมตั้งแต่แรก เขารู้สึกน้อยใจจนต้องแอบมาร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ แต่อีกไม่กี่นาทีก็จะต้องเขาห้องสอนแล้ว พาลินเลยต้องรีบไปล้างหน้าให้สดชื่นเพราะอยู่กับเด็กๆ เขาก็อยากทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ ไม่อยากให้อารมณ์ด้านลบกระทบกับงาน พาลินสอนเด็กจนๆ ถึงบ่ายสามโมงก็หมดเวลาสำหรับวันนี้ แต่ยังต้องไปสอนน้องเบจิงที่บ้านต่อในเวลา 17.00 น. เขาจึงไปเดินเล่นที่ห้างเพราะถ้ากลับไปที่ห้องก็ไม่รู้จะทำอะไร ชายหนุ่มไปเดินดูหนังสือนิทานภาษาอังกฤษเลือกเล่มที่คิดว่าน้องเบจิงจะชอบ จากนั้นไปทานอาหารที่ Food court ก่อนจะตรงไปยังบ้านของลูกศิษย์ตัวน้อยที่ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งหลงรักมากขึ้นไปทุกที “พี่ลินมาแล้ววว..” เด็กชายเบจิงวิ่งเข้ามากระโดดกอดจนคุณครูหนุ่มต้องรีบวางของในมือแล้วอ้าแขนรับ “วันนี้เป็นเด็กดีหรือเปล่าครับ” “ครับ เบจิงเป็นเด็กดี กินข้าวหมดจานแล้วก็กินผักด้วย ครับ” “ดีมากครับ เป็นเด็กดีแบบนี้พี่ลินก็มีของมาฝาก” พาลินหยิบหนังสือนิทานขึ้นมาส่งให้เด็กชายที่ยกมือขอบคุณก่อนจะรีบเอามากอดไว้กับตัวเอง “พี่ลินคร้าบบ เมื่อวานเบจิงก็กินข้าวหมด กินผักด้วยนะครับ พี่มาลีถ่านคลิปไว้ด้วยพี่มาลีคร้าบบส่งคลิปให้พี่ลินหรือยังคร้าบ” “ยังเลยค่ะ เดี๋ยวจะส่งให้ตอนนี้เลยดีไหมคะ” “ขอบคุณคร้าบ” “เบจิงครับ พี่ว่าเราไปเรียนหนังสือกันสักนิดดีกว่าไหมครับเรียนเสร็จพี่ลินจะเล่านิทานเรื่องใหม่ให้ฟัง” “ดีครับ เบจิงจะตั้งใจเรียน จะได้รีบฟังนิทาน” เด็กชายตัวน้อยจูงมือคุณครูไปยังห้องเรียนอย่างรวดเร็ว พาลินกำหนดเวลาเรียนของเบจิงไว้แค่ 30 นาที จากนั้นเวลาที่เหลือจะเป็นการเล่นเสริมพัฒนาการและการฝึกพูดจากสถานการณ์สมมุติที่เขากำหนดขึ้นในแต่ละวัน เบจิงจังไม่เคยเบื่อและรอคอยว่าวันนี้คุณครูจะพาเขาพูดหรือทำอะไรซึ่งในแต่ละวันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละะวันตามที่ตกลงกับมารดาของเด็กชายคือวันนละ 1.30 ชั่วโมงแต่พาลินมักจะสอนเกินเวลาเสมอเพราะการได้อยู่ใกล้เบจิงถือว่าเป็นการเติมพลังบวกให้กับตัวเองเพราะความน่ารักและไร้เดียงสาทำให้เขามีความสุขและอิ่มเอมทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ วันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน เขาใช้เวลาอยู่กับเบจิงเกือบสองชั่วโมง พอถึงเวลากลับเด็กชายมีอาการงองอนิดหน่อยเพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ “พี่ลินไม่มาจริงเหรอครับ” “พรุ่งนี้วันเสาร์นะครับ” “วันเสาร์ก็มาได้ คุณแม่ไม่ว่าหรอก เดี๋ยวเบจิงบอกให้นะครับ พี่ลินคร้าบบ” พอเด็กชายทำเสียงอย่างนี้ทีไรพาลินก็ใจอ่อนทุกที แต่เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสารร์เขาอยากให้เบจิงใช้เวลากับครอบครัวให้มากที่สุด “เบจิงครับ อ้อนอะไรพี่ลินอีกแล้ว” แพรรดาเดินเข้ามาตามเมื่อเห็นว่าเลยเวลามานานแล้ว “แม่คร้าบ พรุ่งนี้ให้พี่ลินมาได้ไหม” “พรุ่งนี้วันเสาร์นะคะ เป็นวันหยุดของพี่ลินนะลูก” “แต่เบจิงอยากเจอพี่ลิน” “เบจิงครับ พรุ่งนี้เป็นวันหยุด พี่ลินต้อง ซักผ้าเก็บกวาดห้องแล้วก็ต้องพักเยอะๆ เพราะวันจันท์จะได้มีแรงมาสอนน้องเบจิงไงครับ ถ้าคิดถึงพี่ลิน พี่อนุญาตให้เบจิงโทรหาพี่ลินได้แต่แค่ 5 นาทีโอเคไหมครับ” “แม่คร้าบ 5 นาทีนานไหมคร้าบ” “นานสิลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้แม้จะโทรให้ดีไหม โทรแบบเห็นหน้าด้วยดีไหมครับ” “ดีครับ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้พี่ลินกลับก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้เบจิงโทรหาพี่นะครับ ตกลงไหม” “ตกลงคร้าบกลับดีๆ นะคร้าบพี่ลิน” พาลินกอดพร้อมกับหอมแก้มคนช่างอ้อนทั้งสองข้าง ก่อนจะขอตัวกลับ ระหว่างเดินออกมาปากซอยก็นึกอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็ตกใจจนสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงแตรรถดังมาจากข้างหลัง เขารีบกระโดดหลบแต่กะจังหวะพลาดไปนิดก็เลยล้มลงไปบนแปลงดอกเข็มที่อยู่ข้างทาง “โอย เจ็บชะมัด” พาลินบ่นและพยายามจะลุก แต่ขากลับไม่มีแรงเลยสักนิด “ยื่นมือมาเดี๋ยวพี่ช่วย” พาลินเงยหน้าขึ้นเห็นคนตัวโตที่เจอกันเมื่อวานก็ยิ้มดีใจ ไม่รู้ดีใจที่เจอเขาหรือดีใจที่เขาจะช่วยให้ตัวเองลุกขึ้นกันแน่ พาลินรู้สึกอบอุ่นยามที่เขาจับมือตัวเองขึ้นจากพุ่มดอกเข็ม ชายหนุ่มรับปัดเศษใบไม้ออกจากตัวพลางหันไปถามคนที่ยืนมองอยู่ข้างๆ “พี่โดมมาได้ยังไงครับ” “ขับรถมาสิ เราล่ะ เป็นอะไรเอาแต่เดินเหม่อ” “คิดอะไรเพลินไปหน่อยครับ ไม่รู้ว่าใครมาบีบแตรใส่ ก็เลยตกใจ” “พี่ขอโทษ” เสียงเบาอย่างสำนึกผิด “พี่จะมาขอโทษผมทำไม” “ก็พี่เป็นคนบีบแตร” พาลินไม่รู้จะโกรธดีไหม พอมองหน้าเขาเห็นแววตาสำนึกผิดก็โกรธไม่ลง “ครับ ผมคงซุ่มซ่ามเอง พี่โดมมาหาเบจิงเหรอครับ” “เปล่า พี่มาทำธุระแถวนี้บังเอิญเห็นเรากำลังเดินก็เลยบีบแตรเรียกไม่คิดว่าจะขวัญอ่อนขนาดนี้ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” “ไม่ครับ พอดีพุ่มดอกเข็มมันรับไว้ งั้นก้นคงกระแทก” “จะกลับแล้วใช่ไหม งั้นติดรถพี่ไปนะ” “ทำธุระเสร็จแล้วเหรอครับ” “อือ ไปเถอะ แถวหอมีอะไรกินไหม พี่ยังไม่ได้กินข้าวเลย” “มีร้านตามสั่งครับ กินได้ไหม” “ได้สิ ตอนนี้หิวมากกินช้างได้เป็นตัวเลย” ดลธรรมเพิ่งประชุมเสร็จแล้วนึกขึ้นได้ว่าจะเอาเฟรชไดร์ฟมาคืน เขาเลยรีบบึ่งรถมาอย่างเร็ว พอมาถึงบ้านแพรรดาก็บอกว่าพาลินออกมาแล้วเขาเลยรีบออกมาโดยไม่ได้ทานอาหารเย็นกับพี่สาว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD