“รัชช่วยเพ็กกี้ด้วย กิ๊กคุณมันใส่ความเพ็กกี้ หาว่าเพ็กกี้เป็นบ้าจะทำร้ายคนอื่น แถมยังแย่งโต๊ะอาหารของเพ็กกี้กับเพื่อนๆ ไปแบบหน้าด้านๆ อีก เพ็กกี้ไม่ยอมนะคะ เพ็กกี้จะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด คุณต้องช่วยเพ็กกี้นะ”
ชายหนุ่มจ้องโมฬีด้วยแววตาขุ่นมัว เธอจ้องเขากลับอย่างดื้อรั้น ทำให้เขาต้องถอนหายใจหนักๆ แล้วละสายตาหันไปกล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า
“น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่าครับ เธอคนนี้เป็นคู่หมั้นของผมเอง ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็เพื่อนของเรา คงจะมีเรื่องขัดใจกันนิดหน่อยตามประสาสาวๆ นั่นแหละครับ คุณตำรวจอย่าถือสาเลยนะครับ ผมสัญยาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
นายตำรวจพยักหน้า แต่ก็ไม่วายตักเตือนไปอีกหลายคำ ก่อนจะเดินทางกลับสถานีตำรวจ
หลังละครโรงใหญ่ปิดฉาก โมฬีก็คร้านที่จะสนใจคู่รักไร้ยางอายคู่นี้ต่อไป จึงหันหัวชวนจารวีเดินเข้าไปในร้าน แต่ก็ถูกรัชชัยรั้งเอาไว้เสียงห้วน
“เดี๋ยว คราวนี้คุณทำไม่ถูกนะโม คุณควรขอโทษเพ็กกี้”
“ขอโทษ?” โมฬีมองหน้าเขาราวกับได้ฟังตลกร้าย ตอกกลับจนคนฟังเสียหน้า “ถ้าคุณไม่รู้ความจริง ก็อย่ามาด่วนสรุปให้ตัวเองหน้าแหกดีกว่า”
“ทำไมคุณจะต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วยฮะโม ทำไมต้องหาเรื่องเพ็กกี้ด้วย พฤติกรรมของคุณน่ารังเกียจและแย่มากเลยนะ...รู้ตัวมั้ย?” เขาตำหนิเธอด้วยสีหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
โมฬีมองคนรักที่ทำตัวเรากับจิ้งจกเปลี่ยนสี แล้วแค่นยิ้ม ไม่ได้เสียใจหรือน้อยใจ ก็แค่เสียความรู้สึก...
ตอนที่รัชชัยอยู่ต่อหน้าวราภัค เขาจะแสดงท่าทีห่างเหินเย็นชากับเธออย่างเด่นชัด ไม่หลงเหลือร่องรอยของความรักความอาวรณ์ที่มีต่อเธอเลย ราวกับอยากจะเอาใจยัยคุณหนูคอยาว คงกลัวว่าหล่อนจะเปลี่ยนใจไม่แต่งงานด้วย แล้วหุ้นที่เขาหวังจะฮุบเพื่อเป็นบันไดไปสู่ความยิ่งใหญ่ก็คงหลุดลอยไป
ช่างสิ... เขาอยากจะเอาใจหล่อนก็ช่างปะไร แต่อย่าลากเธอเข้าไปเอี่ยวด้วย!
“คุณสำคัญตัวเองผิดไปรึเปล่า รู้เอาไว้เลยนะว่าฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวหรือเจอหน้าพวกคุณซะด้วยซ้ำ ถ้าคนของคุณไม่มาหาเรื่องระรานฉันก่อน”
“ใช่! คู่หมั้นนายอยากกินข้าว แต่ไม่คิดจะมีมารยาทเข้าคิวรอ จู่ๆ ก็มาบังคับแย่งโต๊ะเราไปดื้อๆ แทนที่นายจะบอกให้โมขอโทษ ฉันว่ายัยนี่ต่างหาก ที่ควรจะขอโทษพวกเรา” จารวีแฉความร้ายกาจของวราภัค พร้อมกับมองรัชชัยเหมือนมองคนโง่
“ไม่จริงนะคะรัช พวกเขาจงใจจะแกล้งให้เพ็กกี้อับอาย” หล่อนเกาะแขนออดอ้อนชายหนุ่มน้ำตาคลอ ก่อนจะหยดลงราวกับถูกกลั่นแกล้ง
รัชชัยตบมือปลอบหล่อนเบาๆ แววตาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนพร้อมจะปกป้องสุดหัวใจ
“ไม่จริงหรอก เพ็กกี้ไม่ใช่คนแบบพวกคุณ เธอไม่มีนิสัยต่ำๆ แบบนั้น เธอเป็นถึงทายาทของตระกูลวัฒนากูล คนที่ได้รับการศึกษาเป็นอย่างดีและมีมารยาทแบบเธอ จะทำเรื่องน่าเกลียดแบบที่คุณพูดได้ยังไงฮึจุ๊”
เขาอยากจะเชื่อโมฬี แต่สายตาดูหมิ่นที่ทั้งเธอและเพื่อนของเธอส่งตรงมาทิ่มแทงเขา ทำให้เขาเจ็บใจและอยากจะโต้คืนไปในแบบเดียวกัน
ด้วยคำพูดที่ยกย่องวราภัคเหมือนหงส์ฟ้า แต่กดหัวโมฬีให้ต่ำต้อยเทียบเท่าเศษดิน
โมฬีมองหน้าเขานิ่งแน่ ดวงตาคู่กลมเหมือนลูกพืชไม่สะท้อนความรู้สึกใด มันลึกล้ำเกินกว่าคนสบตาจะหยั่งถึง แต่ในเสี้ยววินาทีหนึ่งกลับทำให้รัชชัยใจสะท้าน เหมือนตกลงไปในเหวลึกที่ความกดดันหนาแน่น ลมหายใจของเขาสะดุดห้วงจนต้องเบือนหน้า ไม่กล้าสู้ตากับโมฬี
“จำคำพูดของฉันเอาไว้ให้ดีนะรัชชัย คราวหน้าที่เราเจอกัน คุณจะต้องยกมือไหว้ฉัน”
โมฬีจับมือเพื่อนสาวเดินจากไปทันที ไม่เหลียวมองเขาเลยแม้แต่หางตา คล้ายกับว่าเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่ในสายตาเธอเลยแม้แต่เศษเสี้ยว
วินาทีนี้เธอเห็นถึงความจริงใจของผู้ชายคนนี้อย่างถ่องแท้แล้ว ปากที่พร่ำคำรัก พูดขายฝันเพื่ออนาคตที่ดีของสองเรา...
ทุกอย่างเป็นแค่เรื่อง ‘โกหก’ คำโต!
หัวใจเธอสั่นสะท้านอ่อนไหวอยู่บ้าง เธอไม่ได้โลกสวยคิดว่ารัชชัยจะรักกันไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย แต่ก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะเห็นแก่ตัวมากขนาดนี้ รัชชัยอาจจะรักเธอ แต่ก็ไม่มากไปกว่าตัวเขาและผลประโยชน์ของเขา เธอไม่สามารถเกื้อหนุนเขาได้ นับประสาอะไรที่เขาจะมาให้ค่าหรือเลือกเธอ
ก็ดี... เพราะเธอเองก็จะไม่ให้ค่าเขาเหมือนกัน พอกันทีกันความผูกพันกลวงๆ และลวงโลกแบบนี้!
เธอจะไม่ยึดติดหรือเสียดายมันอีกแล้ว!!
โมฬีตัดสินใจได้วินาทีนั้น เธอจะทำให้รัชชัยและทุกคนที่ดูถูกเธอต้องสยบอยู่แทบเท้า เธอหันมาบอกจารวีด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยวว่า
“พรุ่งนี้ฉันจะไปเขต ฉันจะแต่งงานกับคุณเล็กและเป็นอาสะใภ้ของเขา...คอยดู!”