โมฬีนั่งตัวเกร็งใบหน้าแข็งค้าง จะยิ้มก็ไม่ใช่ ไม่ยิ้มก็ไม่เชิง เมื่อสบดวงตามากประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนของผู้เป็นพ่อ ลมหายพรั่งพรูหนักอก ขณะเลื่อนสายตามองตามท่านไปยังผู้ชายที่นั่งนิ่งเฉยไม่อนาทรร้อนใจอันใดข้างๆ เธอเลยสักนิด
เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว เมอร์เซเดส – ไมบัคที่รดิศขับทะยานไปยังออฟฟิศของโมฬี จู่ๆ ก็ต้องหักหัวเลี้ยวกลับไปอีกเส้นทางหนึ่ง เพราะสายเรียกเข้าที่ดังมาจากโทรศัพท์มือถือของหญิงสาว ก่อนจะมาหยุดนิ่งจอดสนิทหน้าบ้านเดี่ยวขนาดร้อยกว่าตารางวา ในโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการใหญ่ย่านชานเมือง
“เพื่อนใหม่หรือลูก” คำถามเรียบง่ายจากปากสมภพผิดกับสายตาพิเคราะห์ชายแปลกหน้า ด้วยเขาไม่เคยเห็นลูกสาวควงไปไหนมาไหนด้วยมาก่อน
“เอ่อ...” คนเป็นลูกอึกอัก ไม่รู้ว่าควรระบุสถานะของรดิศอย่างไรจึงจะเหมาะสม...
เธอเพิ่งแต่งงานมาแบบงงๆ ยังไม่ทันนัดผู้เป็นพ่อทานข้าวพร้อมตระเตรียมคำตอบอย่างที่รดิศต้องการ ก็ถูกท่านโทร. ตามตัวด่วนเสียก่อน น้ำเสียงเข้มขรึมทำให้เดาได้ว่าท่านอาจจะทราบข่าวเรื่องการหมั้นหมายระหว่างรัชชัยกับวราภัคแล้ว เพราะสื่อขยันเล่นข่าวคึกโครมเสียขนาดนั้น ทำยังกับกลัวคนทั้งประเทศไม่รู้ว่ายัยคุณหนูคอยาวกำลังจะมีผัว
“ฟะ แฟน...”
โมฬีคิดว่าคงไม่อาจปิดบังท่านได้จึงตัดสินใจบอกความจริง แต่ก็แบ่งรับแบ่งสู้ด้วยการระบุว่ารดิศเป็นแฟน เพราะหากข้ามขั้นบอกความจริงว่าเป็น ‘สามี’ กลัวพ่อจะตกใจตาตั้งในความกล้าหาญชาญชัยเกินหญิงของลูกสาว แต่ถูกคนข้างกายขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มสุภาพ
“สามีครับ ผมกับโม...เราแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันวันนี้”
สมภพพยายามใจเย็นแม้สีหน้าเคร่งเครียด ใช่ว่าเขาอยากจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของลูก ถึงเป็นเลือดในอก แต่เขาก็เลี้ยงลูกสาวโดยให้อิสระมาโดยตลอด ไม่เคยบังคับกะเกณฑ์ว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แค่อบรมให้โมฬีรู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้ใคร และไม่ทำอะไรให้ตัวเองเสียใจภายหลังเป็นพอ
เขายึดคติที่ว่าลูกเราเลี้ยงได้แต่ตัว ส่วนสมองและหัวใจเป็นของเขา
แต่เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ กลัวว่าโมฬีจะหุนหันทำไปเพราะประชดรักล้วนๆ เขากลัวจะเกิดผลเสียร้ายแรงตามมา เห็นๆ กันอยู่ว่ารัชชัยเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ได้ใกล้ชิดกับโมฬี ลูกสาวเขาไม่เคยเปิดโอกาสให้ผู้ชายหน้าไหนสักคนแม้แต่คนตรงหน้า ก็คงจะชอบรัชชัยไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ตัดสินใจคบหากันมานานถึงสี่ปี
พอได้ข่าวว่ารัชชัยหมั้นหมายกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกสาวเขา สมภพก็ใจร้อนเป็นไฟจนนั่งไม่ติดที่ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งยังหวาดกลัวและเจ็บปวดแทนลูกสาวในฐานะที่เป็นพ่อ ยิ่งติดต่อโมฬีไม่ได้ ซ้ำลูกก็ไม่กลับบ้านทั้งคืน เขาก็ยิ่งเป็นห่วงกลัวใจลูกสาว กลัวว่าโมฬีจะเสียใจจนเผลอทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด
สุดท้ายก็เป็นอย่างที่นึกกลัวจริงๆ ...
“ไปตกลงปลงใจกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
โมฬีนั่งตัวลีบเหมือนตัวเองเป็นเด็กน้อยที่โดนดุเพราะทำผิด แม้ว่าพ่อจะไม่ได้ขึ้นเสียงหรือด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรงเลยสักคำ เป็นเธอเองที่ถูกความกังวลรุมเร้า ด้วยรู้ว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านไม่สบายใจ ทั้งรู้ว่าท่านเป็นกังวลเรื่องอะไร
โมฬีตัดสินใจเล่าเรื่องการเลิกราระหว่างเธอกับรัชชัย และเรื่องที่เขาต้องการเปลี่ยนสถานะจากคนรักเป็นชู้ลับ แต่เลือกที่จะเว้นไม่พูดถึงการปะทะคารมกับคู่หมั้นสาวของเขาถึงสองครั้ง กระทั่งได้เจอกับรดิศเข้าโดยบังเอิญ
แน่นอนว่าเธอไม่มีทางเล่าว่าเจอกับเขาที่ไหนและในสภาพใด แต่บอกกับผู้เป็นพ่อว่ารดิศคือคนที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเมื่อครั้งกิจการของครอบครัวประสบวิกฤต สิ่งนั้นทำให้เธอซาบซึ้งจนตกหลุมรักเขาไม่ลืม พอกลับมาเจอกันอีกครั้งจึงไม่อยากจะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดายอีก
“คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ สิ่งที่หนูทำและตัดสินใจ หนูมีสติครบถ้วนดีทุกอย่าง”
เธอเลือกที่จะเผยความลับในใจบางเสี้ยวเพื่อความสมจริง อาศัยความจริงใจและแววตาที่แน่วแน่มองตาท่าน สักพักผู้เป็นพ่อก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ไม่ได้ซักถามสิ่งใดอีก แล้วชวนลูกเขยที่อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกัน ก่อนจะเข้าครัวปรุงอาหารด้วยตัวเอง
อาหารรสเลิศระดับมิชลินจากพ่อตาหมาดๆ ทำให้รดิศอิ่มหนำจนพุงกาง จะตักจานไหนก็อร่อยถูกปากเขาไปเสียทุกจาน รสชาติกลมกล่อมและจัดจ้านกำลังดี ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าฝีมือทำอาหารที่ยอดเยี่ยมของโมฬีถูกถ่ายทอดมาจากผู้เป็นพ่อนี่เอง มิน่า...ตอนที่เขาใช้ชีวิตร่วมกับเธอ ถึงได้ติดรสมือจนไม่ชอบออกไปทานข้าวนอกบ้านที่ไหน แถมยังชอบสั่งให้เธอเตรียมอาหารกลางวันไปส่งเขาที่อออฟฟิศเป็นประจำ
“ผมคงต้องมาขอฝากท้องกับคุณพ่อบ่อยๆ แล้วละครับ”
สมภพหัวเราะชอบใจ
“ถ้าคุณเล็กไม่รังเกียจอาหารพื้นๆ ก็แวะมาได้ทุกเมื่อครับ”
“คุณพ่อเกรงใจผมมากไปแล้วครับ ผมเป็นลูกชายคนหนึ่งของคุณพ่อ เรียกผมว่าเล็กก็ได้ครับ เป็นกันเองดี”
“ดีๆ งั้นเล็กกินเยอะๆ นะ ไม่ต้องเกรงใจ ไม่อิ่มพ่อยังมีเติมให้อีกเพียบ”
โมฬีมองสองหนุ่มต่างวัยคุยกันเข้าขาถูกคอ แถมยังชวนกันชนแก้วไวน์ ราวกับสนิทสนมกันมานาน ทั้งที่เพิ่งจะเจอหน้ากันไม่ถึงสองชั่วโมง ไม่ชมไม่ได้ว่ารดิศช่างมีเสน่ห์เหลือล้นต่อเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกัน ไม่เพียงสาวๆ ที่หลงใหลได้ปลื้ม แม้แต่กับคนแก่ เขาก็ยังปากหวานพูดจาเอาใจจนพ่อเธอหัวเราะร่วนไม่หยุด
อาหารมื้อเดียวใช้เวลากว่าสามชั่วโมงในการดื่มกิน แถมเพื่อนซี้ต่างวัยยังชวนกันมาต่อที่ห้องรับแขก กระทั่งโมฬีเห็นว่าคุณพ่อเธอพูดลิ้นเริ่มจะพันกัน เธอจึงแอบสะกิดส่งสัญญาณให้รดิศล่ำลากลับบ้าน
“นี่ก็ดึกแล้ว งั้นผมกับโมกลับก่อนนะครับคุณพ่อ”
“ฮะ เฮ้ย...” เธอให้เขากลับไปคนเดียว ไม่ได้ให้ลากตัวเองกลับไปด้วยเสียหน่อย อุตส่าห์หาวิธีสลัดเขาหลุดแล้วเชียว